คนส่วนน้อย
มีเป้าหมายชัด
ความคิดจึงแล่นเป็นเส้นตรง
หรือค่อยๆคืบคลานเข้าหาเป้าหมายตามลำดับ
สมองทำงานเป็นระเบียบ
ยิ่งมีชีวิตนาน จิตจึงยิ่งตรง
คิดออกบอกถูก
ไม่สับสนตั้งแต่พบปัญหา
หรือเจอทางสองแพร่งสามแพร่ง
ให้ตัดสินใจเลือกว่าจะไปทางไหน
เลือกแล้วไม่ย้อนคิด
ย้อนอาลัยถึงทางอื่นที่ทิ้งมา
คนส่วนใหญ่
ไร้เป้าหมายแจ่มกระจ่าง
จึงมีวิธีคิดไม่เป็นเส้นตรง
แต่เป็นวงกลม
หรือกระจัดกระจาย กระเจิดกระเจิงไร้ทิศ
พูดง่ายๆ คือ
มีวิธีคิดที่พาตัวเองไปสู่ภาวะสับสน
อับจน ไม่รู้จะเอายังไง ตัดสินใจไม่ถูก
พบปัญหาก็นึกถึงการหาใครมาช่วยทันที
เจอทางสองแพร่งก็อยากแบ่งภาค
ครึ่งซีกซ้ายเลือกไปทางซ้าย
ครึ่งซีกขวาเลือกไปทางขวา
ไม่อยากเลือกผิดเพื่อมาเสียดาย
หรือต้องรับผิดชอบกับคำเย้ยหยันทีหลัง
คนอีกส่วนหนึ่ง
ก้ำกึ่งระหว่างสองพวกแรก
บางวันมีเป้าหมายแจ่มกระจ่าง
บางวันเป้าหมายพร่าเลือน เลื่อนลอย
ใจจริงชอบคิดเป็นเส้นตรง
แต่ก็อดคิดเป็นวงกลม วนไปวนมาไม่ได้
จึงกลายเป็นพวกที่มีอารมณ์พิกล
อึดอัด ยักแย่ยักยัน
คล้ายมีแรงดันให้เด็ดขาด
แต่ขณะเดียวกันก็มีแรงหน่วงให้โลเล
ครึ่งหนึ่งอยากพึ่งพาตัวเอง
อีกครึ่งอยากหันไปหาใครสักคน
พบปัญหาแล้วเหมือนรู้ว่าจะแก้ท่าไหน
แต่มือไม้ฝืดๆ ไม่ค่อยอยากขยับ
ไม่มีแก่ใจลงมือจัดการทันที ทั้งที่ลงมือได้
เจอทางสองแพร่งแล้วรู้เต็มอกว่า
จะเลือกซ้ายหรือขวา
แต่พอจะก้าวจริงกลับขาแข็ง
เหมือนจะก้าวไม่ออก บอกไม่ถูกว่าทำไม
จะมีเหตุผลตื้นลึกหนาบางอย่างไร
ก็ไม่พ้นกลัวผิด กลัวแพ้ กลัวเสียหน้า
หรือไม่ก็ขี้เกียจขยับ
อุบายง่ายๆ แต่ได้ผลเกินคาด
คือ ให้วิ่ง ๒๐ เมตร ๕๐ เมตร หรือ ๑๐๐ เมตร
ตามความเหมาะกับร่างกายตัวเองว่าไหวแค่ไหน
วิ่งหลายรอบ แต่ละรอบจับเวลาไว้
ตั้งใจให้ทำเวลาดีขึ้น หรืออย่างน้อยไม่แย่ลง
สำคัญที่สุด
คือ ให้สังเกตอาการทางใจขณะวิ่งเป็นเส้นตรง
หากตั้งใจวิ่งเข้าหาเส้นชัยที่กำหนดไว้
ใจจะไม่มีอาการลังเล
และเมื่อใจมุ่งจะเข้าเป้าให้เร็ว
ตาจะไม่ล่อกแล่ก ขาแขนจะไม่ปวกเปียกกลางทาง
หากวิ่งบ่อยพอ
จนกระทั่งจำอาการทางใจที่พุ่งตรงได้
คุณจะรู้สึกว่า ‘อารมณ์คิดไม่ออก’
หรือ ‘อารมณ์ขี้เกียจขยับ’ จางลง หรือหายไป
และร่างกายที่ตอบสนองต่อใจที่พุ่งตรง
จะเป็นฐานที่มั่นให้คุณรู้สึกเข้มแข็ง
เชื่อมั่นในตนเองว่าการเคลื่อนไหวต่อจากนั้น
คือจุดเริ่มต้นของการไปถึงที่หมายได้สำเร็จ
นี่จะช่วยให้คุณเรียนรู้ว่า
อาการทางกายเป็นอย่างไร
อาการทางใจก็เป็นอย่างนั้น
เราดัดจิตดัดใจจากวิธีเคลื่อนไหวทางกายได้
ดังเช่นการวิ่งเป็นเส้นตรง
แบบพยายามเอาชนะเวลาของตัวเอง
จะช่วยให้คุณเลิกแข่งกับคนอื่น
เลิกคิดแบบเทียบเขาเทียบเรา
เอาเหนือเอาด้อย เอาผิดเอาถูก
เลิกผูกความสำเร็จไว้กับคำว่าชนะหรือแพ้ใคร!
ความเห็น 9
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมากับในชีวิต ในการมีสติคิดพิจารณาถึงในเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นมาให้อย่างรอบครอบดีแล้ว ก็ย่อมที่จะช่วยทำให้รู้ถึงในแนวทางที่จะแก้ไขหรือว่าป้องกันกับปัญหาได้อย่างถูกต้องเสมอ.
31 พ.ค. 2563 เวลา 01.13 น.
Yongyuth
การตัดสินใจที่ ถูกต้อง ควรประกอบไปด้วย มีประโยชน์ ไม่มีโทษ ทั้งตน และผู้อื่น ชื่อว่าไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ให้ได้รับความเดือดร้อน คือไม่ทำบาป ให้เกิดขึ้น เพราะมีกรอบการปฏิบัติ อยู่ในศีล 5 อันเกิดจากใจที่เป็นธรรม ได้แก่ใจดี มีเมตตา มี หิริโอตัปปะ มี ความพอใจ ในสิ่งที่ตนมีตามมีตามได้ โดยไม่ผิดศีลผิดธรรม เพราะคุณธรรมสันโดษนี้ เป็นคุณธรรม ของพระ อริยบุคคล ผู้ใดมีความพอเพียง มักน้อย คือไม่ มักมากในกิเลสกาม ย่อมมีความสุข เพราะมีตัณหาน้อย ก็เพราะเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือตัณหา มันน้อยแล้วน
31 พ.ค. 2563 เวลา 09.15 น.
ธวัลรัตน์
ก็รู้นะว่าทุกวันนี้เสียเวลาไปเปล่าๆ แก่ป่านนี้แล้วก็ยังหาตัวเองไม่เจอเลย จึงไม่มีจุดหมาย ทำงานไปเรื่อย ๆ คิดโน่นนี่นั่นไป แต่หลักจริงๆ ไม่มี
31 พ.ค. 2563 เวลา 02.29 น.
🕊💛NokSuma🇹🇭🌾
ขอบคุณค่ะ
30 พ.ค. 2563 เวลา 18.36 น.
ann
ถ้าร่างกายไม่สามารถวิ่งได้ เราทพวิธีไหนได้บ้างให้ได้ผลแบบเดียวกัน
31 พ.ค. 2563 เวลา 02.14 น.
ดูทั้งหมด