รู้ทัน ‘ความเงียบ’ มากเกินหรือน้อยไปก็ไม่ดีเช่นเดียวกัน

ในโลกที่วุ่นวายเรามักจะมองหาความสงบสุข เพราะส่วนหนึ่งมันคือการสร้างความสมดุลให้กับชีวิต การหาเกราะกำบังจากความวุ่นวายในชีวิตไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากจะลองสังเกตจะเห็นได้ว่า ในชีวิตเรานั้นไม่มีอะไรเงียบอย่างแท้จริง 

แม้ความเงียบจะถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ดีในโลกที่มีเสียงของผู้คนมากมาย คนเงียบจะเป็นคนที่ได้ยินเสียงของคนอื่นอย่างแท้จริง คิดก่อนที่จะพูด เป็นคนที่สามารถสร้างบรรยากาศสังคมในอีกแบบขึ้นมาได้ แต่ทุกอย่างบนโลกนี้เปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้าน

ความเงียบที่นำมาซึ่งความสงบสุข แต่มันอาจจะไม่ได้หมายความแบบนั้นจริง ๆ อาจจะเป็นคลื่นใต้น้ำก็ได้ ลองมาดูอีกมุมของความเงียบ ที่หากเงียบเกินไปมันอาจจะหมายความว่า

- คุณอยู่ในความสบายใจมากเกินไป : ทุกคนล้วนต้องการพื้นที่ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย แต่การที่คนเราอยู่แต่ในที่เดิม ๆ และมีการสั่นคลอนของสถานะน้อย มันก็เปรียบเสมือนดาบสองคมได้ มันอาจทำให้เราพลาดโอกาสต่าง ๆ ในชีวิตได้

- คุณเฉื่อยชา : ความเงียบนั้นคือผลลัพธ์ของการที่ไม่มีกิจกรรมให้ทำ การที่ไม่ได้ทำอะไรเลยคงจะไม่ดีถ้ามันเกิดในหน้าที่การงานของคุณ

- คุณไม่เติบโต : เมื่อเราเกิดเป็นคนแล้ว จะให้หยุดการเติบโต ไม่พัฒนาก็คงจะเป็นไม่ได้ การเงียบอาจจะเป็นพวงมาจากการที่คนเราไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หรือประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิต

- มีบางอย่างบกพร่อง : ความเงียบอาจจะหมายความว่ามีบางอย่างไม่ทำงาน ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะไม่ได้รับข้อความจากอะไรบางอย่างที่เราได้รับทุกวัน แม้เราอาจจะไม่ทันได้ใส่ใจ แต่พอมารู้อีกทีการไม่ได้รับข้อความหมายถึงการหยุดทำงาน หรือหายไปของสิ่งเหล่านั้นแล้ว

- คนอื่นไม่ได้บอกอะไรกับคุณ : ถ้าคุณเป็นหัวหน้า ความเงียบอาจจะหมายถึงว่าลูกน้องในทีมหยุดสื่อสารกับคุณ และมันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคุณต้องหาให้เจอว่าทำข้อมูลต่าง ๆ ถึงมาไม่ถึงคุณ

- คุณหมดความสำคัญ : ถ้าทุกอย่างเงียบ อาจจะหมายถึงว่าคุณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้นแล้ว ลองคิดย้อนเวลาที่คุณสำคัญต่องานนั้น ๆ คุณจะได้รับความสนใจ หรือบางครั้งก็เป็นแรงเสียทาน และแน่นอนว่าเสียงที่คุณได้ยินมักจะมาจากคนที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ทำอะไร

ทุกอย่างถ้ามากไปหรือน้อยไปก็ไม่ดี ความเงียบที่คิดว่าจะดีบางครั้งก็อาจจะสายเกินไปที่จะพูดก็ได้.

ขอบคุณข้อมูลจาก

- lifehack

- timemanagementninja