เขียนโดย @mint.nisara
ไม่มีใครชอบความบาดหมาง และก็ไม่มีใครชอบการแตกหัก ก่อนที่อะไรจะสาย ลองมาตรวจจับ 4 สัญญาณบอกลางร้ายในความสัมพันธ์กันดีกว่า ว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ เราควรปรับหรือเปลี่ยนอะไรให้ทันเวลาได้บ้าง…
สัญญาณที่ 1: ทะเลาะกันเรื่องเล็กน้อย ซ้ำ ๆ เดิม ๆ วนไปวนมา
เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักที่จะต้องทะเลาะกันเหมือนลิ้นกระทบกับฟัน แต่เราเชื่อว่าคงไม่มีใครที่อยากจะดึงเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ มาเป็นหัวข้อในการทะเลาะกันบ่อย ๆ หรอก จริงไหม
ประโยคที่ว่า "ทำไมเธอถึงเก็บของไม่เรียบร้อยเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องมานั่งเคลียร์ให้ทุกวัน" หรือ "มัวแต่เล่นเกม ไม่สนใจกันเลย" จากปากฝ่ายหญิง หรือประโยคจากฝ่ายชาย อย่างเช่น "ทำไมถึงไม่มีเหตุผล ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่อยู่ได้" ได้ยินทีละนิดทีละหน่อย แต่ก็สามารถบั่นทอนจิตใจและความสัมพันธ์ในระยะยาวได้เหมือนกันนะ
วิธีแก้ : 'ปรับ' พฤติกรรม
สาเหตุที่ปัญหามันเกิดขึ้นแบบวนลูปก็เพราะสิ่งที่เป็นต้นตอไม่ได้รับการแก้ไข การทะเลาะกันแบบจุก ๆ จิก ๆ จะลดลงได้ในทันทีถ้าเราใส่ใจพอที่จะรับฟังสิ่งที่กวนใจอีกฝ่ายและช่วยด้วยการปรับพฤติกรรมของตัวเอง จริงอยู่ที่เขาพูดกันว่า "เวลาอยู่ในความสัมพันธ์ที่สบายใจ เราควรเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด" แต่ถ้าการรักษาตัวตนมันทำให้ปัญหามันทวีคูณไปเรื่อย ๆ การมาเจอกันครึ่งทาง ลดความเป็นตัวเองลงมาหน่อย ช่วยกันปรับ ช่วยกันจูนกันไป ก็น่าจะช่วยให้สุขภาพของความสัมพันธ์ดีขึ้นไม่ใช่น้อย
สัญญาณที่ 2 : #หมดpassion
จากแต่ก่อนที่ตัวติดกันทุกวัน คุณกลับรู้สึกว่าการนัดกินข้าวกับแฟนอาทิตย์ละ 3 วันยังบ่อยไปซะด้วยซ้ำ เวลาเดินด้วยกัน รู้สึกไม่อยากจูงมือ เวลามีปัญหาหรือเรื่องดีใจ เขากลับเป็นคนท้าย ๆ ที่คุณจะนึกถึง พูดง่าย ๆ คือคุณกำลังรู้สึกหมดแพสชั่นในความสัมพันธ์ครั้งนี้นั่นเอง
วิธีแก้ : 'ปรับ' ระยะห่าง
สิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ก็คือภาวะอิ่มตัวของความสัมพันธ์ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ๆ สำหรับคู่รัก โดยเฉพาะคนที่คบกันมาเป็นเวลานาน วิธีแก้ไขปัญหานี้ไม่ใช่การดันทุรังทำอะไรแบบเดิม ๆ แต่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็คือการให้เวลากับตัวเองมากขึ้นและการปรับระยะห่างระหว่างคุณกับคนรักให้พอดี
เชอรีล ลาซารัส Relationship Expert เขียนเอาไว้ในบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่า เราทุกคนล้วนมี 'จุดอิ่มตัว' ในความสัมพันธ์ทั้งนั้น ซึ่งความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนใดคนหนึ่งรู้สึกว่าได้รับความใกล้ชิดที่ถลำเส้นมากเกินไป "สิ่งหนึ่งที่คนไม่เข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของความสัมพันธ์คือมันมีจังหวะของมัน" ความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่การอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่คือความสัมพันธ์ที่รู้ว่าช่วงเวลาไหนควรใช้ร่วมกัน และช่วงเวลาไหนที่ควรเก็บไว้ให้แต่ละคนได้ใช้กับตัวเอง เมื่อไรที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันบีบรัดเกินไป รีแอคชั่นของคน ๆ นั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นความเบื่อและการหลีกหนีจากความสัมพันธ์นั้นในทันที
ทางที่ดีที่สุดคือการปรับระยะในความสัมพันธ์ให้พอดี ให้รู้สึกว่าคุณมีระยะห่างตรงกลางให้ได้เจอกันที่พอเหมาะ มีช่วงเวลาที่ให้ได้คิดถึงกัน และในระหว่างเดียวกัน คุณก็ยังมี private zone ที่ได้เอนจอยอะไรที่เป็นตัวเองอยู่
สัญญาณที่ 3 : คุณกับเขาไม่มีเป้าหมายในชีวิตร่วมกันเลย
ที่เขาว่ากันว่าความแตกต่างทำให้ความสัมพันธ์ไม่น่าเบื่อก็ถูกอยู่ เพราะมันทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากตัวคนรักอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าสิ่งที่แตกต่างระหว่างคุณทั้งสองคือ 'เป้าหมายในชีวิต' ล่ะ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น คุณอยากสร้างครอบครัวภายใน 2 ปี แต่สิ่งที่เขาอยากทำคือการเก็บเงินเที่ยวและยืนกรานว่าการแต่งงานเป็นเรื่องที่ยังไม่อยู่ในแพลน เป็นต้น เมื่อเป้าหมายไม่ตรงกัน มันก็คงไม่แปลกที่เราจะมองไม่เห็นอนาคตที่มีตัวเขาอยู่ในนั้นด้วย จริงไหม
วิธีแก้ : เปลี่ยนสเตตัส
สิ่งที่ต้องทำเบื้องต้นก็คือการคุยและปรับเข้าใจระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าคุณพยายามประนีประนอมถึงที่สุดแล้วและยังคงไม่เห็นทีท่าว่าเขาจะยอมมาเจอคุณตรงกลาง คบไปเรื่อย ๆ ก็มีแต่จะยื้อให้เสียเวลาของกันและกันไปซะเปล่า ทางที่ดีที่สุดแต่อาจจะไม่ใช่ทางที่สบายใจที่สุดก็คือการลดสเตตัส จากการเป็นคนรักกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และเปิดโอกาสครั้งใหม่ให้กับตัวเองน่าจะดีกว่า
สัญญาณที่ 4 : แฟนเป็นคนหัวร้อน ทะเลาะกันทุกครั้งมีแต่เจ็บตัวและเจ็บใจ
อย่างที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ว่าการคบกัน ทะเลาะกัน เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าเมื่อไร การทะเลาะกันมันยกระดับความรุนแรงไปถึงขั้นการด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ การประจานทางโซเชียลมีเดีย การลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน นี่คือสัญญาณอันตรายขีดแดงของความสัมพันธ์นั้น ๆ แล้ว
วิธีแก้ : เปลี่ยนคนรัก
ความรักคือการอดทนแต่มันก็ต้องมีบางเรื่องที่เราไม่ควรยอม หลายคนที่จำใจยอมรับความรุนแรงจากคนรักเพราะยึดติดกับไอเดียที่ว่า และจากการศึกษาเรื่องความรุนแรงระหว่างคู่รัก หลายคนใช้ชีวิตอยู่กับความคาดหวังว่าคนรักของตนเองจะเห็นความดีและกลับตัวกลับใจได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการเปลี่ยนพฤติกรรมที่รุนแรงในตัวคน ไม่ใช่การเป็นกระสอบทรายรองรับอารมณ์ให้กับเขา แต่คือการบำบัดและรักษาโดยจิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้น ถ้าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันทำให้คุณเจ็บตัวและเจ็บใจมากเกินจะทน อย่าตั้งตัวเองอยู่บนความคาดหวัง ถอยออกมาก่อนที่อะไรจะแย่ลงไปน่าจะดีที่สุด
ความเห็น 29
❤Sandy Valentine❤️
BEST
อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป ไม่สนใจ ไม่แคร์ แคร์แต่พ่อแม่
24 มิ.ย. 2562 เวลา 10.18 น.
Tickety-Boo!!!🐈
BEST
คนเราจะรักกัน..แน่นอนต้องมีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบด้วยกันทั้งสองฝ่าย. ลองปรับมาเจอคนละ"ครึ่งทาง". เพราะความเป็นตัวของตัวเองมัน"ยาก"นะที่จะเปลี่ยน!!!
คนเราจะอยู่ด้วยกันได้. มันต้องรักในสิ่งที่เค้าเป็น!!! ไม่ใช่รักในสิ่งที่"อยาก"จะให้เค้าเป็น!!!
ถามตัวเองว่า..ไหวไม๊??? อึดอัดไม๊??? ถ้าคำตอบคือ ไม่. การเดินออกไปจากชีวิตของกันและกันคือคำตอบที่ดีที่สุด!!!🍃
24 มิ.ย. 2562 เวลา 10.36 น.
กุเกลียดมึงคนไม่ดี
รักตัวเองมากๆอย่าได้สนใจคนที่ไม่รักเราพ่อแม่รักเราที่สุดตายแทนลูกได้
24 มิ.ย. 2562 เวลา 13.49 น.
muii.
ต้องคุยต้องบอกกล่าวกันก่อนถ้าบอกกันแล้วคุยกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นก็ต้องปล่อยต่างคนต่างไปทางใครทางมัน
24 มิ.ย. 2562 เวลา 10.31 น.
Wipha S.
ok
24 มิ.ย. 2562 เวลา 13.35 น.
ดูทั้งหมด