โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เช็คที่นี่! เปิดชื่อ‘ถนน 94 จุด’ทั่วประเทศ เข้ม‘กม.จราจร’ คิกออฟวันนี้พร้อมกัน

แนวหน้า

เผยแพร่ 31 พ.ค. เวลา 17.00 น.

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’เปิดรายชื่อ‘ถนน 94 จุด’ทั่วประเทศ เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายจราจร ตาม ‘โครงการถนนปลอดภัย’ คิกออฟวันนี้พร้อมกันทั่วประเทศ ‘ไม่สวม’หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน คนซ้อนไม่สวมปรับคูณ 2

1 มิถุนายน 2568 พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยจัดทำ “โครงการถนนปลอดภัย” ให้ดำเนินการเสริมสร้างวินัยจราจรและสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้การบริหารงานจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยให้บังคับใช้กฎหมายจราจรทางบกและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถหรือการใช้ทางบนถนนดังกล่าวอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยในการสัญจร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กองบังคับการ/ตำรวจภูธรจังหวัด ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ได้พิจารณาเลือกถนนสายสำคัญในพื้นที่ หรือถนนที่มีการฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก หรือถนนที่มีอุบัติเหตุในเส้นทางบ่อยครั้ง หรือถนนที่มีที่ตั้งของสถานศึกษาอยู่หลายแห่ง เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรในทุกมิติ รวมจำนวนถนนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 94 จุด ทั่วประเทศ แบ่งเป็น พื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 11 จุด , ตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 10 จุด , ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 13 จุด , ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 8 จุด , ตำรวจภูธรภาค 6 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 8 จุด และตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 8 จุด

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า วันนี้ได้เริ่มดำเนิน “โครงการถนนปลอดภัย” พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโครงการที่ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มุ่งเป้าลดการเกิดอุบัติเหตุจราจร สร้างความปลอดภัยให้แก่ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนน พร้อมขอเชิญชวนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ร่วมกันปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจรในถนนเส้นดังกล่าวในทุกมิติ เพราะหากพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะกวดขันดำเนินคดีอย่างเข้มงวดทุกกรณี

ทั้งนี้ หากประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนพบเหตุต้องสงสัย หรือสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติม แจ้งอุบัติเหตุจราจร และขอความช่วยเหลือด้านการจราจร สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนประชาชน เริ่มบังคับใช้วันนี้ 1 มิถุนายน 2568 ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย 100% ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 122 ซึ่งกำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนโดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และในส่วนของผู้โดยสารหากไม่สวมหมวกกันน็อก ผู้ขับขี่จะมีโทษปรับเป็น 2 เท่า

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถบนถนน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำ “โครงการถนนปลอดภัย” มุ่งการเสริมสร้างวินัยจราจรและสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้การบริหารงานจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยให้ทุกหน่วยทั่วประเทศ พิจารณาเลือกถนนสายสำคัญ หรือถนนที่มีการฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก หรือถนนที่มีอุบัติเหตุในเส้นทางบ่อยครั้ง รวมทั้งให้ต้องความสำคัญต่อถนนที่มีที่ตั้งของสถานศึกษาอยู่ เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบกและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถ หรือการใช้ทางบนถนนดังกล่าวอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยในการสัญจร

“รัฐบาลย้ำเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน ด้วยการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ศีรษะหากเกิดอุบัติเหตุเพื่อความปลอดภัยของตนเอง และเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัย พร้อมทั้งเชิญชวนให้ร่วมกันปฏิบัติตามกฎจราจร ช่วยกันรณรงค์และตรวจตราผู้ใช้เส้นทาง มิให้มีการฝ่าฝืนกฎจราจร” นายอนุกูล กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...