เรื่อง : จักรกฤษณ์ สิริริน
ใครที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty อย่างจริงจังแบบเต็มเรื่อง ก็จะทราบดีว่า The Secret Life of Walter Mitty จัดเป็นหนังที่อยู่ในขั้นดีมากเรื่องหนึ่ง
The Secret Life of Walter Mitty สร้างจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของ James Thurber คอลัมนิสต์นิตยสาร The New Yorker ดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์โดย Steve Conrad มือดีเจ้าของบทหนังชั้นยอด Wrestling Ernest Hemingway กำกับและนำแสดงโดย Ben Stiller
แฟนพันธุ์แท้ Ben Stiller ที่เคยชื่นชอบชอบภาพยนตร์แนว Reality Bites ที่เขากำกับน่าจะชอบ The Secret Life of Walter Mitty โดยเฉพาะคนทำนิตยสาร น่าจะยิ่งชอบหนังเรื่องนี้
ภาพยนตร์พูดถึงการรับมือความเปลี่ยนแปลงของไดโนเสาร์ 2 ตัว คือตากล้อง Manual หัวโบราณ กับเจ้าหน้าที่ห้องฟิล์ม Negative ผู้ซึ่งหน้าที่การงานหมดความหมายในยุคกล้อง Digital
ยอมรับว่า ผู้เขียนดูแล้วอินมากไม่ใช่ว่าเคยเป็นบรรณาธิการนิตยสาร แต่อินกับฝีมือทีมงานทั้งหมดของหนัง
ถ้าหัวใจไม่ใช่หิน ดูแล้วต้องร้องไห้ในฉากจบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉากสำคัญใน ภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty ที่ทั้งคอหนัง และขาเที่ยวหลายคนน่าจะชื่นชอบมาก และก็คงจะประทับใจฉากเล่นสเก็ตบอร์ดลงเขาในประเทศ Iceland
ส่วนคอบอลก็คงจะชื่นชอบไปด้วย เนื่องจากชื่นชมผลงานของทีมชาติ Iceland ทั้งในบอลยูโร 2014 และบอลโลก 2016 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะลีลาของกองเชียร์
ซึ่งหากพูดถึง Iceland แล้ว แม้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทว่า Ticy City ในตอนนี้ จะขออาสาเจาะไปที่ Reykjavik
Reykjavik คือชื่อเมืองหลวงของประเทศ Iceland ครับ
โดย Reykjavik ได้ชื่อว่า เป็นนครหลวงเเห่งหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่บนขั้วโลกเหนือ หรือบริเวณที่เรียกว่า “อาร์กติกเซอร์เคิล”
Reykjavik ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ Iceland บริเวณตอนล่างของอ่าว Faxafloi จัดเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวยสดงดงาม
โดยเฉพาะในฤดูหนาว แม้จะตั้งอยู่ในบริเวณขั้วโลกเหนือที่อากาศหนาวเหน็บตลอดปี ทว่า ใครจะอยากพลาดหน้าหนาวใน Reykjavik
ใส่เสื้อโค้ทหนาๆ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันความหนาว ทิ้งความกลัวอากาศเย็นยะเยือกเอาไว้ที่เมืองไทย แล้วไปตะลุย Reykjavik กันสักครั้ง
ตามประวัติแล้ว Ingolfur Arnarson เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า คือมนุษย์คนเเรกที่ค้นพบ Reykjavik สมัยที่พรมแดน Scandinavia ยังเป็นผืนเดียวกัน
เมื่อครั้งที่ Ingolfur Arnarson มาลงหลักปักฐานที่ Reykjavik ยังขาวโพลนไปด้วยหิมะ และเต็มไปด้วยประกายน้ำแข็งระยิบระยับ ที่โอบคลุมหมู่บ้านชาวประมง
ก่อนที่อีกหลายสิบปีต่อมา เริ่มมีคนอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่ Reykjavik เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเมืองมีสีสันเพิ่มจากสีขาว และพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
โดยที่ในเวลาต่อมา Reykjavik ได้ถูกพัฒนาให้กลายไปเป็นศูนย์กลางทางการค้า เเละธุรกิจ ทางด้านการประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของบรรพชนชาว Iceland
ก่อนที่จะถูกยกฐานะขึ้นเป็นนครหลวงของ Iceland ในเวลาต่อมา เป็นแหล่งท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก และนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คผู้ชื่นชอบความท้าทายแบบสุดขั้วสภาพอากาศ
ทันทีที่มาถึง Reykjavik สถานที่แรกที่ห้ามพลาดก็คือ โบสถ์ Hallgrímskirkja ที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางความเย็นยะเยือกของบ้านเมือง
ความประทับใจที่มีต่อโบสถ์ Hallgrímskirkja ซึ่งส่งทอดกันมารุ่นต่อรุ่นก็คือ สถาปัตยกรรม Expressionism อันสวยสดงดงามนั่นเอง
นอกจากโบสถ์ Hallgrímskirkja เเล้ว Reykjavik ยังมีสถาปัตยกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่น่าสนใจ ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในหมู่นักท่องเที่ยว สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งต้องห้ามพลาดก็คือ Perlan
Perlan เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง” ซึ่งเป็นบทพิสูจน์เส้นพรมแดนที่พร่าเรือนของชาว Scandinavia กับชาว “ไวกิ้ง” ทั้งนี้เนื่องเพราะ อันที่จริงแล้ว ชาว “ไวกิ้ง” คือคน Nordic
และชาว Nordic ก็คือคน Scandinavia โดยคำว่า “ไวกิ้ง” หาจำกัดอยู่เพียง Sweden Denmark หรือ Norway เพียงอย่างเดียวไม่
อีกทั้ง Reykjavik ยังมี The Sun Voyager หรือ Solfar ประติมากรรมเลื่องชื่อระดับโลก ที่ถือเป็น Landmark สำคัญไม่แพ้สถานที่อื่นๆ
ส่วน Árbæjarsafn หรือพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วรรณา ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ และสวยที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป
โดย Árbæjarsafn มีการจัดเเสดงบ้านเรือนเเบบดั้งเดิมของชาว Iceland รวมถึงการจัดเเสดงข้าวของเครื่องใช้ และเครื่องเรือน
ขณะเดียวกัน National Gallery of Iceland ก็มีงานศิลปะถาวรติดตั้งผลงานของเหล่าศิลปินชาว Iceland เอาไว้ให้ชมกันได้ตลอดปี
นอกจากโบสถ์ Hallgrímskirkja เเล้ว Reykjavik ยังมีโบสถ์ที่สำคัญอีก 4 แห่งคือ Frikirkjan Landakotskirkja Vioeyjarkirkja และ Seltjarnarneskirkja
รวมถึงทะเลสาบ Tjornin ที่สวยงามมาก น้ำใส และนิ่งยิ่งกว่ากระจก ส่องสะท้อน Reykjavik จนดูคล้ายว่ามีเมืองแฝดตั้งอยู่ใต้น้ำ
สำหรับการเดินทางใน Reykjavik นั้น มีบริการให้เลือกหลายแบบ ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของใครของมัน เพราะมีทั้งรถเมล์ รถราง จักรยานเช่า
ที่พักใน Reykjavik นั้นมีหลากหลายแบบให้เลือกใช้บริการ สนนราคาโรงแรมระดับ 4 ดาว เฉลี่ยแล้วตกเพียงคืนละ 2,000 บาทเท่านั้น
ส่วนสายการบินไป Reykjavik นั้น แนะนำ Iceland Air โดยจะมีเที่ยวบินต่อมาจากยุโรป (ต้องบินจากสุวรรณภูมิเข้ายุโรปก่อน)
จะเลือกไปต่อเครื่องที่ประเทศไหนก็ได้ อย่างที่ทราบเที่ยวบินจากไทยไปยุโรปเฉลี่ยไม่เกิน 25,000 บาท Paris Amsterdam Geneva
หรือจะเป็น Zurich Frankfurt Copenhagen Munich จากนั้นต่อจากยุโรปเข้า Reykjavik ประมาณ 10,000 บาท
สำหรับ VISA เข้า Iceland เป็นชนิด Schengen VISA ตามข้อตกลง Schengen Agreement ของยุโรป 26 ประเทศโดยยื่นขอ VISA ได้ที่สถานทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย เลขที่ 10/104-106 (801-803) ชั้น 8 อาคารเทรนดี้ ถนนสุขุมวิท ซอย 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
ติดตามอ่าน Ticy City ได้ที่ https://ticycity.com/
ความเห็น 0