โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“หยวนต้า” ชี้แผ่นดินไหวเขย่า SET จันทร์นี้! เปิด 5 กลุ่ม “ได้-เสีย” ประโยชน์

ข่าวหุ้นธุรกิจ

เผยแพร่ 29 มี.ค. เวลา 14.14 น. • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
“หยวนต้า” ชี้แผ่นดินไหวเขย่า SET จันทร์นี้! เปิด 5 กลุ่ม “ได้-เสีย” ประโยชน์

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.68) ถูกประเมินว่ารุนแรงที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ ส่งผลให้ไม่มีข้อมูลในอดีตเฉพาะตัวที่สามารถใช้อ้างอิงได้โดยตรง ทั้งนี้ หากเทียบกับเหตุการณ์สึนามิในปี 46 ซึ่งเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ของประเทศ ตลาดหุ้นไทยในขณะนั้นอยู่ในทิศทางขาขึ้น ทำให้ SET Index ย่อตัวเพียงระยะสั้น ก่อนจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ SET Index เคลื่อนไหวในทิศทางขาลง ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีการค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งจะมีความชัดเจนในวันที่ 2 เม.ย.นี้

ดังนั้นตลาดหุ้นไทยจึงมีแนวโน้มตอบรับเชิงลบในช่วงเปิดตลาดวันจันทร์นี้ โดยได้รับแรงกดดันทั้งจากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศ และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงเฉลี่ยราว -2% ในคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและการลงทุนแล้ว ยังอยู่ในระดับจำกัด เนื่องจากไม่กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ซึ่งรวมกันคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของ GDP ขณะที่ภาคบริการที่มีน้ำหนักประมาณ 60% อาจได้รับผลกระทบเพียงบางส่วน เช่น ภาคการท่องเที่ยวในเขตกรุงเทพฯ และคาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักยังคงมีความปลอดภัย

ทั้งนี้ หากพิจารณาตลาดหุ้นในประเทศที่เคยเผชิญแผ่นดินไหวรุนแรงในปี 2024 เช่น ญี่ปุ่นและไต้หวัน จะพบว่าผลกระทบต่อดัชนีหุ้นมีอยู่ในระยะสั้นและจำกัด โดยหลังจากย่อตัวลงในช่วงแรก ดัชนีสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ในวันเดียวกัน เช่นเดียวกับสถานการณ์ของ SET Index เมื่อวานนี้ที่ตอบรับแรงขายในช่วงเปิดภาคบ่าย และปิดตลาดลดลง -0.6% จากช่วงเช้า

โดยคาดการณ์ว่าแนวรับเดิมที่บริเวณ 1,150-1,160 จุดยังสามารถทำงานได้ดี หากเกิดแรงขายต่อเนื่องในช่วงเปิดตลาดวันจันทร์ โดยมีโอกาสเกิดแรงซื้อกลับระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, รับเหมาก่อสร้าง, และประกัน Non-Life เช่น TIPH, TVH รวมถึง THRE ที่ดำเนินธุรกิจประกันภัยต่อ ส่วนกลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ ภาคท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม ในทางกลับกัน กลุ่มที่อาจได้รับแรงเก็งกำไรในระยะสั้น ได้แก่ Home Improvement และวัสดุก่อสร้าง เช่น HMPRO, GLOBAL, DOHOME, SCGD รวมถึงบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น TEAMG