เพื่อคนไทย! “ปตท.” จับ“ธุรกิจยา” มูลค่าแสนล้าน! เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน!
BY : TEERAPAT LOHANAN
ปตท. เป็นธุรกิจที่นับได้ว่าประสบความสำเร็จทางด้านการทำกำไรได้อย่างสูง โดยกำไรสุทธิของปตท. นั้นได้เพิ่มมากขึ้นทุกปี เมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบันที่มีกำไรทะลุหลักแสนล้านบาทไปแล้ว ซึ่งรายได้ของปตท.นั้น เมื่อจำแนกออกมาก็จะพบว่า 31.68% มาจากน้ำมัน 21.17% มาจากก๊าซ ส่วนรายได้ปั๊มน้ำมัน และผลการดำเนินงานของร้านกาแฟอเมซอนอยู่ที่ 0.30%
[ผลประกอบการ บมจ.ปตท. กําไรสุทธิ]
2014 : 55,794.93 ล้านบาท
2015 : 19,936.42 ล้านบาท
2016 : 94,609,08 ล้านบาท
2017 : 135.179.60 ล้านบาท
2018* : 100.145.70 ล้านบาท
*หมายเหตุ 9 เดือน
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ธุรกิจการค้าน้ำมันนั้นก็ไม่อาจจะเป็นหนทางที่ยั่งยืนได้อยู่ดี เพราะผู้คนได้หันมาใช้พลังงานทางเลือกกันมากขึ้นแล้ว ทางเลือกของปตท.จึงอยู่ที่การเพิ่มรายได้จากธุรกิจ นอนออยล์ ให้มีสัดส่วนเป็น 30-35% จากที่มีสัดส่วน 28-20% ในปีที่ผ่านมา
ปตท.จึงขยายการลงทุน ไปถึงธุรกิจตลาดยาในประเทศไทย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากกว่า 1.44 แสนล้านบาท ปตท.ก็กระโดดเข้ามาร่วมวงเซ็น MOU องค์การเภสัชกรรม ประเดิมพันล้านเป็นทุนวิจัยยากลุ่มมะเร็ง เพื่อปูทางก่อนจะเริ่มสร้างโรงงาน “เขตอีอีซี” เพิ่ม โดยการกระทำดังกล่าวก็จะช่วยเปิดทางให้คนไทยได้เข้าถึงยาที่มีคุณภาพได้มากขึ้นกว่าเดิมและมีราคาที่ถูกลง
โดยทาง “นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บมจ.ปตท. ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ ปตท. สนใจร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตยาร่วมกับองค์การเภสัชฯ ไว้ว่า “สาเหตุที่ ปตท.สนใจร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตยาร่วมกับองค์การเภสัชฯ เพราะเห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ เป็นเมกะเทรนด์ ตามกลยุทธ์ Design Now ของ ปตท. ซึ่งปัจจุบันพบว่า ความต้องการใช้ยาในประเทศเพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุมากขึ้น แต่ยาบางชนิดยังไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ ต้องนำเข้า ซึ่ง ปตท. จึงร่วมกับทางองค์การเภสัช เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตยาในประเทศ ซึ่ง ปตท.มีการผลิตปิโตรเคมี ต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมยาในอนาคต”
และทางปตท.เองก็ได้คาดการณ์ไว้ว่า เมื่อโรงงานใหม่ได้ถูกสร้างจนเสร็จแล้ว นอกจากยาจะขายภายในประเทศแล้ว ยังมีแผนที่จะส่งยาออกไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเป็น 10% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 2% ปัจจุบันมียอดขายยา 2,778 ล้านบาท (นั่นก็คือเราอาจจะได้เห็นตัวเลขหลักหมื่นล้านจากผลประกอบการทางด้านนี้)
นอกจากนี้เอง ทางปตท.ก็ได้ เตรียมขยายการลงทุนในหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิตีมอลล์ ร้านอาหาร สถาบันการเงิน ฟิตเนส ธุรกิจกาแฟอเมซอนในปี 2561 มีแผนขยายสาขาในประเทศอีก 300 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 2,000 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 2,900 แห่ง ภายใน 5 ปี รวมถึงการกำลังหาพันธมิตรลงทุนโรงแรมราคาประหยัด บัดเจ็ตโฮเต็ล ตามปั๊มนํ้ามันด้วย
อ้างอิง :
http://www.thansettakij.com/content/252139
https://www.tobepharmacist.com/ข้อมูลข่าวแวดวงเภสัช/ปตท-แย่งตลาดยา/
https://today.line.me/th/pc/article/เราควรดีใจหรือเสียใจกับกำไรแสนล้าน+ของบริษัท+น้ำมัน-xVk0K
ความเห็น 76
BEST
2018 กำไร9เดือนแสนล้านบาท แต่ประชาชนคนไทยใช้น้ำมันแพงกว่าเพื่อนบ้านเกือบเท่าตัว ภาคภูมิใจมากสินะพวกมึง
30 พ.ย. 2561 เวลา 05.08 น.
BEST
มึงภูมิใจตรงไหนที่มาเอาเปรียบคนไทยด้วยกัน
30 พ.ย. 2561 เวลา 05.11 น.
'0'
BEST
เพื่อนักการเมือง เลิกใช้คำว่าเพื่อคนไทยได้แล้วมั้ง
30 พ.ย. 2561 เวลา 05.07 น.
Mew L.Thongpradub
ผูกขาดพลังงานยังไม่พอ จะเอาอีกหรอครับ...
30 พ.ย. 2561 เวลา 05.13 น.
เอก ศรีสุข
น่าสงสารคนไทย
30 พ.ย. 2561 เวลา 05.09 น.
ดูทั้งหมด