“ไม่ปลดเกียร์ว่าง – จอดขวางบ้านคนอื่น” แค่ไม่ทันคิด? หรือ สำนึกบกพร่อง!
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เหตุจอดรถขวางทางสร้างความขัดแย้งในสังคมไทยไม่รู้จบตั้งแต่ป้าทุบรถที่จอดขวางหน้าบ้านตัวเองจนเป็นข่าวฮือฮาเปิดโปงเรื่องราวหลายปีที่คุณป้าถูกเอารัดเอาเปรียบจากตลาดนัดรอบๆบริเวณบ้าน ภรรยาดาราดังที่ถูกจอดรถขวางพร้อมใส่เบรคมือกลางบางแสนจนขึ้นรถกลับบ้านไม่ได้ หนำซ้ำยังถูกคู่กรณีเอาไปโพสต์ลงโซเชียลพาดพิงมาถึงครอบครัวเธอ ทั้งที่เป็นผู้เสียหายจนต้องเตรียมนำทนายไปดำเนินคดี
มาถึงกรณีล่าสุดที่มีเพื่อนบ้านเขียนป้ายด่าเจ้าของบ้านว่า "ใครจะไปตรัสรู้ว่าจะเข้าออกบ้านกี่โมง" ทั้งที่ไปจอดขวางหน้าบ้านเขาเอง แล้วเจ้าตัวก็เคยพูดคุยไปอย่างสุภาพแล้ว นี่ทำเอาผู้เขียนถึงกับจุก
เราไม่ได้แค่อยู่ในยุคที่คนจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นอย่างมั่วซั่ว แต่ยังเป็นยุคที่คนจอดรถขวางหน้าบ้านกลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ เป็นฝ่ายถูกประจานอีกด้วย !!
ร้อยเหตุผลของคนจะจอด
“แปบเดียวเองไม่เป็นไรหรอก ก็ไม่มีที่จอดอะ ก็จอดแบบนี้ทุกทีอะ” ถ้าใครพอจะจำได้ นี่คือเหตุผลที่คนจอดรถขวางหลายๆ คนมักจะอ้างเมื่อมีเหตุวิวาทเกิดขึ้น อย่างหญิงสาวที่ถูกคุณป้าเจ้าของบ้านทุบรถ เธอยืนกรานว่าไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าบ้านร้าง (ทั้งที่มีป้ายห้ามจอดแปะเต็มหน้าบ้าน) พร้อมพ่วงท้ายอีกว่า ก็เวลาไปซื้อของตามตลาดนัดก็มักจะจอดแบบนี้ ไม่เห็นเคยมีปัญหาอะไรเลย
“ใจจริงผมพยายามจะปลดเกียร์ว่าง แต่พอปลดเกียร์ว่าง รถล็อกไม่ได้ จึงต้องเข้าเกียร์ P ไว้ แล้วดึงเบรกมือ แล้วก็ลงไปซื้อของกิน นั่งกินกับเพื่อนประมาณ 30 นาที คิดว่า ไม่เป็นไร คงไม่มีรถใครออกแต่พอมีคนประกาศตามหารถตัวเองจอดขวาง ก็ไปเลื่อนรถให้” นี่คือปากคำของชายหนุ่มที่อธิบายว่าทำไมจอดรถขวางครอบครัวดาราจนเอารถออกไม่ได้ ก่อนที่แฟนสาวของเจ้าตัวจะทำการโพสต์วิจารณ์ภรรยาของดาราคนดังกล่าวอย่างถึงลูกถึงคนประหนึ่งว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
จนถึงกรณีล่าสุดที่เพื่อนบ้านตัวแสบที่จอดขวางหน้าบ้านของฝ่ายผู้เสียหายไว้จนไม่สามารถจะออกจากบ้านได้ ไม่เคยเลิกพฤติกรรมที่บอกพร้อมยังทิ้งจดหมายน้อยพร้อมถ้อยความแสบๆว่า “นี่มันที่สาธารณะ ใครจะไปตรัสรู้ว่าออกจากบ้านตอนไหน”
ความน่ากลัวอยู่ที่ทั้ง 3 กรณีที่กล่าวมา คนจอดรถขวางไม่ได้สำนึกจริงๆ ว่าตัวเองผิด พร้อมทั้งตั้งคำถามกับทั้งสังคมและผู้เสียหายว่าก็มีเหตุผลแบบนี้ ทำไมไม่เข้าใจเหตุผลบ้างล่ะ? พอเจ้าตัวมองแบบนี้ ความผิดของเขาจะเล็กลงทันที แล้วเขาจะมองเห็นแต่ความรุนแรงของกระแสสังคมและการเอาเรื่องของฝ่ายตรงข้ามที่ถาโถมเข้ามา แต่มองไม่เห็นความไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวมของตนเอง จึงเท่ากับปัญหาไม่เคยถูกแก้เลย ตามที่เรามักจะได้ยินเจ้าตัวพูดออกสื่อ ในหลายๆ กรณีว่าก็จอดแบบนี้ตลอดนะ ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่เลย ทั้งที่จริงๆ เป็นเพราะบังเอิญในครั้งนั้นโชคดีที่ไม่มีเรื่องต่างหาก
เพราะเราต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
นอกจากความมักง่าย คิดน้อยของผู้ที่จอดขวางแล้ว เหตุผลข้อนี้คือปัจจัยหลักที่ทำให้ปัญหาจอดรถขวางหยั่งรากลึกและไม่เคยหายไป มีแต่จะเติบโตตามปริมาณรถและปริมาณคน คือ ทั้งเจ้าของรถและเจ้าของบ้านหรือผู้ที่ถูกจอดขวางต่างเป็นคนแปลกหน้าที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ฝ่ายคนจอดพอไม่รู้จักก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเกรงใจ คิดแต่จะไปทำธุระของตัวเองก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน ซึ่งถ้าเป็นคนรู้จัก เราจะรู้ว่าใครบ้างที่อยู่ในบ้าน เขาจะเข้าจะออกเวลาไหน เราจอดแบบนี้เขาจะเดือดร้อนนะ ไม่เอาไม่จอดดีกว่า
ขณะเดียวกัน ถ้าคนที่มาจอดรถไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเจ้าของบ้าน ในหลายๆ กรณีก็น่าจะพออลุ่มอะหล่วยกันได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตทุกครั้ง อย่างที่เห็นๆ กันมา
พอมองแบบนี้แล้ว ทางออกเดียวของปัญหาการจอดรถขวางก็พอมีทางแก้ คือ เราต้องลดความเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
ฝ่ายผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านนั้นอาจจะต้องทำการบ้านในการหวงหน้าบ้านกว่าเดิม จากป้ายประกาศอาจจะเปลี่ยนเป็นการวางของกั้นให้จอดไม่ได้ไปเลย แบบที่หลายๆบ้านทำแล้วได้ผล ขอให้มองว่าเป็นการสื่อสารที่ดีขึ้น ให้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นว่าจอดไม่ได้นะ เพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
ขณะที่ฝ่ายผู้ต้องการจอด ที่ต่างก็ยืนกรานว่าไม่ได้ตั้งใจจะสร้างความเดือดร้อน แต่มันจำเป็น ขอให้ระลึกเสมอว่าที่ที่คุณกำลังจะจอดนั้นไม่ใช่บ้านคุณ เป็นพื้นที่ที่คุณใช้ร่วมกับคนอื่น การใส่เกียร์ว่างหรือเขียนเบอร์โทรศัพท์กับชื่อทิ้งไว้ให้ตามได้คือมารยาทที่พึงกระทำ
ไม่มีใครเป็นคนแปลกหน้า เราอยู่ในสังคมเดียวกัน เราจะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ ถึงแม้การจอดรถขวางจะผิดกฎหมาย สามารถแจ้งความดำเนินคดีหรือโทรแจ้งตำรวจได้ แต่หากใส่ใจเพียงเล็กน้อยตั้งแต่ก่อนจอด ก็ย่อมจะดีกว่าที่ความสูญเสียก็จะไม่ลุกลามเกินไป
แค่คำว่า “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” เท่านั้นเอง
ขอบคุณข้อมูล
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1843854
https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_1848821
https://www.dailynews.co.th/entertainment/677900
https://www.thaipost.net/main/detail/22318
https://www.thairath.co.th/content/1208335
ภาพประกอบ
https://www.springnews.co.th/social/385094