ข้อมูลเบื้องต้น
เด็กหญิงผู้เป็นที่รักของเหล่าวายร้าย
全员疯批!玄学小奶团治愈全球
*** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้บริษัท โอลลี่บุ๊คส์ จำกัด ***
ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100%
สงวนลิขสิทธิ์
ผู้แต่ง : 不要吃花卷 ผู้แปล : ทีมงาน onlybook
ยังแต่งไม่จบ
เรื่องย่อ
ค่ำคืนอันเงียบสงัดคืนหนึ่ง ’เสี่ยวซิงซิง‘ เด็กหญิงกำพร้าวัย 3 ขวบ ได้รับภารกิจจากเทียนเต้าเทวดาที่มาเข้าฝันบอกว่าเธอต้องทำภารกิจหยุดยั้งหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งเขายังบอกว่าตนเองเป็นเด็กมีพรสวรรค์ ฉะน้้นภารกิจนี้ต้องสำเร็จแน่นอน! แล้วภารกิจกอบกู้โลกก็ตกเป็นหน้าที่ของซิงซิงวัย 3 ขวบคนนี้ แต่สิ่งที่ไม่รู้คือความชั่วร้ายนั้นดันก่อขึ้นโดยฝีมือของบิดาและเหล่าบรรดาพี่ ๆ ของเธอน่ะสิ! เด็กหญิงตัวน้อยไม่รู้เลยครอบครัวของมีตัวความชั่วร้ายอะไรแฝงไว้อยู่ และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะทำภารกิจนี้สำเร็จ แต่เสี่ยวซิงซิงคนนี้จะใช้ความน่ารักและอ่อนโยนของตนหยุดความชั่วร้ายเหล่านั้น ซิงซิงจะปกป้องทุกคนเอง!
บทที่ 1 ทั้งครอบครัวล้วนเป็นตัวร้ายเสียสติ
บทที่ 1 ทั้งครอบครัวล้วนเป็นตัวร้ายเสียสติ
“พี่ชายคนโตของเธอเป็นนายทุนยักษ์ใหญ่ผู้โหดเหี้ยม หลังจากเข้าควบคุมเส้นทางทางเศรษฐกิจทั้งหมดแล้วเขาก็ทำลายมันทิ้งจนสิ้น”
“พี่ชายคนรองของเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์พิการสติเฟื่อง เขาสร้างไวรัสขึ้นมาปล่อยขายจนทำลายล้างมนุษยชาติไปเกือบครึ่งโลก”
“พี่ชายคนที่สามของเธอเป็นอดีตสายลับสุดชั่วร้าย เขาสร้างองค์กรอาชญากรที่น่ากลัวที่สุดขึ้นมาด้วยตัวเอง”
“พี่สาวคนที่สี่ของเธอเป็นดอกบัวทมิฬแสนร้ายกาจและพราวเสน่ห์แห่งวงการบันเทิง ที่สร้างความวุ่นวายให้ทั้งวงการเพื่อมองดูทุกคนทำลายกันเองอย่างไม่เลือกวิธีการ”
“พี่ชายคนที่ห้าของเธอเป็นศัลยแพทย์ผู้งดงามแต่จิตไม่ปกติ ภายใต้หนังแกะที่คลุมไว้เขาเป็นผู้ที่มือเปื้อนเลือด ซึ่งคลั่งไคล้การฆ่าคน”
“พี่ชายคนที่หกของเธอเป็นอันธพาลอัจฉริยะบ้าเลือดในโรงเรียน เขาเคยสร้างคืนนองเลือดที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เคยอยู่”
“ส่วนพ่อของเธอคือทานอสที่ไม่มีความรักความผูกพันกับเหล่าลูกบุญธรรมของตัวเองแม้แต่น้อย คิดแต่เพียงว่าอยากทำลายล้างโลก”
“ตอนนี้ในช่วงที่เรื่องทั้งหมดยังไม่เกิดขึ้น เธอต้องไปขัดขวางพวกเขาไว้”
เสี่ยวซิงซิงเบิกตากว้าง มองไปทางชายชราหนวดขาวที่ลอยอยู่ตรงหน้าอย่างสงสัย
ในหัวของเสี่ยวซิงซิงไม่สามารถเข้าใจข้อมูลจำนวนมากขนาดนี้ได้ ถึงขั้นมีคำศัพท์จำนวนมากที่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร
“คุณปู่ อะไรคือนายทุนคะ จะไม่เหยียบฟาฟาน้อย*[1] ใช่ไหมคะ?”
“อันนี้ซิงซิงรู้ค่ะ คุณป้าผู้อำนวยการเคยสอน”
เด็กน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมถามจบก็ไม่สามารถเข้าใจคำถามได้ ทั้งยังยกมือเล็ก ๆ ที่มีน้ำมีนวลขึ้นมาชี้ไปทางเครายาวของคุณปู่
“คุณปู่ ซิงซิงจะถักเปียเล็ก ๆ ให้เองค่ะ!”
เธอเพิ่งเรียนรู้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่าถักเปียให้น้องสาวตัวน้อยอย่างไร เสี่ยวซิงซิงก็ตื่นเต้นดีใจมากพอเห็นหนวดยาว ๆ
เทียนเต้ามองซิงซิงที่ดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่มทื่อก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง
“ซิงซิงเธอตั้งใจฟังให้ดี เรื่องนี้สำคัญมากจริง ๆ…”
ตอนที่เขาพูด หนวดบนคางของเขาก็ขยับไปมา
เจ้าก้อนแป้งที่ราวกับแมวตัวน้อยมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หนวดบนหน้าของเขา
ปากเล็ก ๆ ขบเม้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความสนใจ ใบหน้าจ้ำม่ำขาวนุ่มมีเลือดฝาด รูม่านตาสีดำขลับราวกับเปล่งประกายอยู่
เทียนเต้าใจอ่อนยวบทันที “ได้ เอาสิ”
หลังจากนั้นไม่นานเทียนเต้าก็คิ้วกระตุกเมื่อเห็นหนวดขาวของตัวเองกลายเป็นเกลียว โดยที่มีหนังยางพันไว้หลากหลายสีสัน และที่ปลายยังมีดอกไม้เล็ก ๆ ติดอยู่ด้วย
ซิงซิงตาหยีหลังจากเอาแผ่นดอกไม้เล็ก ๆ ชิ้นสุดท้ายมาติดอย่างมีความสุข
“คุณปู่สวยมากเลยค่ะ! ซิงซิงชอบคุณปู่!”
“โธ่ถัง ซิงซิงน้อยของฉัน!” เทียนเต้าถูกความสุขจู่โจมจนมึนงง ในใจอ่อนยวบราวกับมาร์ชเมลโลว์
“ซิงซิง ฉันยังมีเรื่องมากมายที่ต้องไปจัดการ เส้นทางต่อไปนี้เธอต้องเดินไปคนเดียวแล้ว”
“เธอสามารถใช้พรสวรรค์ของเธอหาพ่อและพวกพี่ของเธอได้”
“จำไว้ว่าหลังจากช่วยชีวิตพวกเขาแล้วต้องหยุดพวกเขาไว้ เข้าใจไหม?”
เทียนเต้าลูบหัวของซิงซิงด้วยความสงสาร
หน้าที่นี้ทั้งหนักหนาและอันตรายมาก
แม้แต่เขาก็ยังไม่เต็มใจจะไปเผชิญหน้ากับปีศาจพวกนั้นเลย
“เป็นคุณพ่อจริงเหรอคะ? ซิงซิงมีพ่อด้วยเหรอคะ! แล้วยังมีพี่ด้วย!?” เจ้าก้อนแป้งเบิกตากว้าง
“แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่มาหาซิงซิงล่ะคะ?” เสี่ยวซิงซิงรู้สึกเศร้า
แต่ไม่นานเธอก็แย้มยิ้มออกมา
“แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะพ่อกับพวกพี่ ๆ ยุ่งมากและเหนื่อยมากแน่ ๆ เหมือนคุณป้าผู้อำนวยการที่มีเรื่องมากมายต้องทำทุกวัน ดังนั้นเลยไม่มารับซิงซิงกลับบ้าน!”
“รอให้ซิงซิงหาพ่อกับพี่ ๆ เจอก่อนจะไปทุบหลังพวกเขาแน่นอน”
พูดจบก็ยกกำปั้นที่มีน้ำมีนวลโบกไปมา
เทียนเต้ารู้สึกว่าหัวใจตัวเองแทบจะละลายแล้ว ทั้งยังรู้สึกปวดใจด้วย
“เรื่องนั้นน่ะซิงซิง บางทีพ่อกับพวกพี่ ๆ ของเธออาจจะไม่ได้เป็นเหมือนที่เธอคิด…”
พวกเขาล้วนเป็นปีศาจร้ายที่ไร้มนุษยธรรมและโหดเหี้ยมอำมหิต!
น่าเสียดายที่ลองมาทุกวิธีแล้วแต่ก็ล้วนไม่มีหนทางที่จะขัดขวางพวกเขาในการทำลายล้างโลก
ซิงซิงคือความหวังสุดท้าย
เสี่ยวซิงซิงอายุสามขวบครึ่งทั้งอ่อนโยนและบริสุทธิ์ เหมาะสมแล้วที่ซิงซิงจะสามารถทำลายภัยพิบัติทั้งหมดได้
เทียนเต้าลูบหัวเธอพลางพูดอย่างอ่อนโยน
“แต่ไม่เป็นไร ไม่ว่าภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เธอก็จะได้กลับบ้านเร็ว ๆ นี้แน่”
ซิงซิงไม่ใช่คนของที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถอยู่บนโลกนี้นานจนเกินไปได้
ตรงหน้าซิงซิงมีแสงอบอุ่นสีทองปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกง่วง
เธออยากลืมตามองเพื่อให้เห็นว่าคุณปู่ยังอยู่ใกล้ ๆ แต่หลังจากได้กลิ่นหอมหวานก็ผล็อยหลับไป
……
ซิงซิงขยี้ตาลุกขึ้นมาจากเตียง
ข้างนอกเต็มไปด้วยดวงดาว ดูเหมือนเธอจะมีความฝันที่น่าอัศจรรย์
แต่ทันใดนั้นในสมองของเธอก็มีหลายสิ่งปรากฏขึ้นมาราวกับมันเป็นของเธอมาตั้งแต่ต้น
ตัวอย่างเช่น…
เธอมองไปนอกหน้าต่าง เสียงของเด็กน้อยที่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาพึมพำกับตัวเอง…
“เจ็ดดาวสังหารจะกลายเป็นดาวฉิงหยางและถัวหลัวที่สร้างภัยพิบัติ…หืม?”
เสี่ยวซิงซิงปิดปากตัวเองอย่างสงสัย
นี่คือสิ่งที่เธอพูดออกมาเหรอ?
แต่ตอนที่ในหัวเล็ก ๆ ของเธอยังไม่ทันคิดได้อย่างชัดเจนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็ลุกขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
เป็นพี่หก! เธอจะต้องไปหาพี่หก!
ซิงซิงขยับไปที่ขอบเตียง ขาสั้น ๆ ทั้งสองข้างขยับก่อนจะกระโดดลงไปจากเตียงอย่างระมัดระวัง
ยังดีที่ไม่ได้เสียงดังจนพวกเพื่อน ๆ ตัวน้อยตื่นขึ้นมา
ข้างนอกค่อนข้างมืด เสี่ยวซิงซิงจึงรู้สึกกลัวอยู่บ้าง
แต่เมื่อนึกถึงพี่ชายเธอก็ไม่กลัวแล้ว!
เธอมีพี่ชายเหมือนกัน! คุณปู่ในฝันต้องไม่โกหกเธอแน่!
ในหัวเล็ก ๆ ของเจ้าก้อนแป้งน้อยคิดอย่างเรียบง่าย เธอต้องการปกป้องคุณพ่อ และพวกพี่ชายพี่สาว
เท้าเล็ก ๆ เจ้าเนื้อลากไปตามข้างเตียง ยัดเข้าไปในรองเท้า ก่อนจะนำผ้าคลุมไหล่มาคลุมตัวและไปเปิดประตูห้อง
ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้ว่าตัวเองต้องเดินไปทางไหน
ในคืนที่มืดมิดคุณป้าผู้อำนวยการที่เธอกลัวที่สุดหลับไปแล้ว เมื่อลมเย็นยะเยือกหอบหนึ่งพัดเข้ามา เจ้าก้อนแป้งนุ่มนิ่มก็รู้สึกกลัว
แต่พี่หกตกอยู่ในอันตราย พี่ชายต้องรู้สึกกลัวมากกว่าแน่!
คิดแบบนี้แล้วซิงซิงก็กำหมัดเล็ก ๆ และเริ่มวิ่งเตาะแตะออกไป
……
ในตรอกลึก เด็กหนุ่มที่อยู่ในเงาสลัวเงยหน้าขึ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ถือไม้เอาไว้ด้วยท่าทางดุดัน เขาก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวดึงซิปของชุดนักเรียนให้คลายออก
เมื่อลมพัดเข้ามาปะทะเข้ากับเสื้อยืดสีขาวภายใต้เสื้อคลุม ก็เห็นโครงเส้นกล้ามเนื้อหน้าท้องเรียงตัวสวย
รอยสักบนแขนของเด็กหนุ่มดูเหมือนงูพิษที่พันอยู่ ซึ่งดูไม่เข้ากับใบหน้างดงามมีเสน่ห์เท่าไรนัก
เสียงแหบเล็กน้อยพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นานมากแล้วที่ไม่ได้ถูกต้อน…พวกนายใครจะเข้ามาก่อน?”
“ไอ้เด็กนี่มันบ้าไปแล้วมั้ง!”
“ฮ่าฮ่า ไอ้เด็กเหลือขอรู้จักแสดงซะด้วย แต่อีกเดี๋ยวก็จะรู้จักคุกเข่าขอชีวิตเอง”
“พวกเราลุย!”
พวกผู้ชายที่โตแล้วโบกไม้พุ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่อยู่ในมุมมืด
พวกเขารับเงินมาเพื่อแลกกับการทำงานให้ วันนี้อย่างน้อยก็ต้องหักแขนหรือขาสักข้างของเจ้าเด็กนี่ให้ได้
เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากและแตะที่มีดพับผีเสื้อ
นี่เป็นมีดใหม่ที่เพิ่งได้มา เขายังไม่ทันลับให้คมจึงกำลังอยากลองอยู่พอดี
ชายคนแรกฟาดท่อนเหล็กยาวลงมา พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยเสียงแหบ ๆ
เด็กหนุ่มพลันยกแขนขึ้นมา ทันใดนั้นประกายแสงก็ส่องผ่านความมืดมิดออกไป!
ตอนที่ปลายมีดคมกำลังจะแทงเข้าไปที่เส้นเลือดใหญ่ของชายคนนั้น เด็กหนุ่มก็เหลือบไปเห็นร่างเล็ก ๆ จากหางตา
ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเขาจึงเต้นระรัวอย่างรุนแรง
[1] นายทุนยักษ์ใหญ่ภาษาจีนคือ 大财阀 ต้าไฉฟา ‘ต้า’ แปลว่า ‘ใหญ่’ ‘เสี่ยว’ แปลว่า ‘เล็ก’
บทที่ 2 พี่ชายอย่าฆ่าคน
บทที่ 2 พี่ชายอย่าฆ่าคน
“พี่ชาย ซิงซิงมาปกป้องพี่แล้ว!”
เสียงสะอื้นของเด็กตัวน้อยดังขึ้นมา
ราวกับความมืดมิดขุ่นมัวถูกทำลายด้วยความอ่อนโยนของแสงแห่งดวงดาว และความอ่อนนุ่มก็ตกลงมาที่ปลายหัวใจ
ดังนั้นกลุ่มคนจึงอดหันไปมองตามเสียงไม่ได้
เจ้าก้อนแป้งน้อยตัวกลมเหมือนแมวตัวหนึ่ง แม้แต่เสียงก็ยังเหมือน
ท้องฟ้ามืดแล้วจึงเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน สิ่งเดียวที่เห็นคือดวงตาทั้งสองข้างที่กลมโตเป็นประกาย ราวกับอัญมณีบริสุทธิ์ที่สุดในโลก
ทำไมกลางดึกแบบนี้เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?
หรือหลงทางมา?
เซี่ยจื่ออวี้กำลังตกตะลึง ทว่าชายด้านข้างก็เรียกสติกลับมาได้แล้ว และยกไม้ขึ้นมาฟาดไปที่หัวของเขา!
ดวงตาของเขามืดครึ้มทันที
เขาหาช่องว่างแล้วก้มตัวลงเล็กน้อย จึงผ่านมาได้ราวกับปลาตัวหนึ่ง
หลังจากนั้นก็ตรงไปทางก้อนแป้งน้อย!
เสี่ยวซิงซิงเห็นเซี่ยจื่ออวี้พุ่งเข้ามา โดยที่ข้างหลังยังมีชายหลายคนท่าทางดุร้ายตามมาด้วยก็ทนต่อไปไม่ไหว!
ความกล้าที่รวบรวมมาอย่างยากลำบากสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับลูกบอลถูกปล่อยลม เธออ้าปากน้ำตาร่วงเผาะลงมา…
“แง…ฮือฮือ หืม?”
เสียงร้องไห้อันนุ่มนิ่มถูกกดลงไปในอ้อมกอดร้อนผ่าว
ตรงหน้าเสี่ยวซิงซิงมืดลงในขณะที่ข้างหลังรู้สึกอ่อนนุ่ม
ตอนนี้เด็กน้อยกำลังถูกเด็กหนุ่มสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรกอดไว้ในอ้อมกอด
ที่หางตายังมีน้ำตารื้นอยู่ เสี่ยวซิงซิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือออกไปคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุด…
ซึ่งก็คือหูของเซี่ยจื่ออวี้
ราวกับถูกอุ้งเท้าแมวตัวน้อยอันนุ่มนิ่มจับ เซี่ยจื่ออวี้พลันตัวสั่น ลำคอส่งเสียงหัวเราะแหบพร่าออกมา
“เป็นครั้งแรกเลยแฮะที่ได้ยินว่ามีคนจะปกป้องฉัน ยัยแมวน้อยหลงทางมาจากไหนล่ะเนี่ย?”
ในที่สุดเสี่ยวซิงซิงก็เห็นพี่หกได้อย่างชัดเจน
ภายใต้แสงจันทร์ คิ้วของเซี่ยจื่ออวี้ละเอียดอ่อนดูดุดัน หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยทำให้นึกถึงดอกท้ออ่อน ๆ
แต่สันกรามคมของเขากลับให้ความรู้สึกโหดเหี้ยมอย่างอธิบายไม่ถูก
เสี่ยวซิงซิงพูดไม่ออกว่ารู้สึกยังไง เด็กน้อยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง…
พี่ชายดูดีกว่าดาราที่เห็นในโทรทัศน์มากเลย!
สมกับเป็นพี่ชายของเธอจริง ๆ!
แต่เสี่ยวซิงซิงที่ใบหน้าแดงก่ำยังไม่ทันเรียกพี่ชาย ก็เห็นว่าข้างหลังของเซี่ยจื่ออวี้มีพวกชายที่ถือไม้ไล่ตามมาอย่างดุร้าย!
พวกเดนตายพวกนี้ไม่สนใจว่าที่นี่จะมีเด็กน้อยอยู่ด้วยเลย
สายตาเห็นว่าหลังคอของเซี่ยจื่ออวี้กำลังจะถูกไม้ฟาด เสี่ยวซิงซิงพลันเบิกตากว้างร้องอย่างตกใจ…
“พี่ชาย!”
เซี่ยจื่ออวี้ที่กอดเธอไว้กลับหัวเราะเสียงเบาแล้วก้าวไปด้านข้าง เสียงแหบน่าฟังดังขึ้นข้างหู
“หลับตาแล้วนับเลขถึงสามสิบ”
เสี่ยวซิงซิงเป็นเด็กดีมาโดยตลอด เมื่อเธอได้ยินก็รีบหลับตา
ในดวงตาที่มีน้ำตาคลออยู่ตอนนี้ปิดลง น้ำตาทั้งสองสายจึงถูกบีบลงมาบนใบหน้าจ้ำม่ำดูน่าสงสาร
“ฮือ…หนึ่ง!”
เสี่ยวซิงซิงที่กำลังกลัวตัวสั่นเทาเอ่ยเสียงสั่นเครือ เสียงของเด็กน้อยมีพลังอยู่บ้าง ทำให้คนที่ได้ยินใจอ่อนยวบ
“สอง!”
เสี่ยวซิงซิงหลับตาแน่นจนใบหน้ายับย่น เอ่ยนับเลขไปทั้งยังสะอึกสะอื้น
“ไอ้เด็กเวรนี่เป็นอะไร…”
“เวรเอ๊ย มันมีมีด!”
เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังมาเข้าหู เสียงของเสี่ยวซิงซิงก็ยิ่งสั่นไหว
เธอไม่เคยพบเจอเรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งลมกลางคืนยังหนาวและที่นี่ยังมืดด้วย
“สาม!”
แต่เธอก็ยังรวบรวมความกล้านับเลขต่ออย่างแน่วแน่
เพราะแขนที่กอดเธอไว้แน่นทำให้เธอพิงกับหน้าอกราวกับเป็นกำแพง ซึ่งมันดูเหมือนจะช่วยกีดกันสิ่งน่ากลัวพวกนั้นออกไปหมด
ขอแค่นับจบพี่ชายก็จะชนะใช่ไหม?
เสี่ยวซิงซิงพยายามอดทนไม่สะอื้น และนับเลขเร็วกว่าเดิม
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่บนรถที่โคลงเคลงอยู่ตลอด
บางครั้งก็มีเสียงก่นด่าและเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น มีเพียงพี่ชายของเธอที่ไม่ส่งเสียงเลย
“ยี่สิบเก้า…สามสิบ!”
เมื่อเสียงของเด็กน้อยที่กำลังสะอื้นจบลงก็ราวกับสามารถเอาชนะฝันร้าย เธอตื่นเต้นดีใจจนอยากฉลองขึ้นมา
เซี่ยจื่ออวี้ที่กำลังจะแทงลงไปยังบางแห่งถึงกับสั่นสะท้าน!
ดวงตาทั้งสองข้างที่ดุร้ายกระจ่างชัดขึ้นเพราะเสียงอันอ่อนโยนนี้
มีดในมือของเขาหยุดห่างจากคอของชายคนหนึ่งสามเซนติเมตร
หลังจากได้ยินคำว่า ‘สามสิบ’ ก็เกิดความเงียบขึ้นสองวินาที หลังจากนั้น…
“แง…”
เสี่ยวซิงซิงที่ลืมตาขึ้นมาพลันเห็นเลือดอยู่บนพื้น!
ทั้งยังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ถูกผลักไปกองรวมกันโดยไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน!
หลังจากนั้นพี่ชายของเธอก็กำลังจะแทงมีดใส่เขา!
ภาพที่น่ากลัวเป็นอย่างมากนี้ทำให้จิตใจของเจ้าก้อนแป้งน้อยในวัยสามขวบครึ่งว่างเปล่า
เซี่ยจื่ออวี้ขมวดคิ้ว
เขาเกลียดเด็กโดยเฉพาะเด็กที่ร้องไห้
ดังนั้นเขาจึงไม่แทงลงไป
และเช็ดมือเปื้อนเลือดบนตัวของชายที่อยู่บนพื้น ก่อนจะหันกลับมาและยืนขึ้น
“อย่าร้อง” เสียงของเขาฟังดูอดกลั้นอยู่บ้าง “ทั้งหมดเป็นแค่ซอสมะเขือเทศ”
เด็กโดนหลอกได้ง่าย หลังจากเขาพูดจบมือเล็ก ๆ ก็ปิดปากและไม่ร้องอีก
เงียบแล้ว
เซี่ยจื่ออวี้กอดเจ้าก้อนแป้งน้อย เดินออกไปจากตรอกทีละก้าว
ดวงดาวบนฟ้าดูระยิบระยับ วิถีโคจรเคลื่อนตัวไปเล็กน้อย
เดิมทีนี่เป็นการฆ่าคนครั้งแรกของเขา
หลังจากนั้นก็จะยิ่งโหดร้ายและค่อย ๆ ถูกชะตากรรมผลักเข้าสู่หุบเหวแห่งการเข่นฆ่า
แต่เป็นเพราะเสี่ยวซิงซิง มีดนี้ของเขาจึงไม่ได้แทงลงไป
……
เสี่ยวซิงซิงที่หลอกง่ายเชื่อคำพูดของพี่ชายทันที
มือเล็กตบที่หน้าอก เธอถามอย่างจริงจัง
“พี่ชายชนะไหมคะ?”
ตอนนี้เซี่ยจื่ออวี้เดินมาอยู่ใต้แสงไฟหน้าถนนใหญ่พอดี จึงก้มลงมองดูเจ้าก้อนแป้งในอ้อมกอด
กลายเป็นแมวน้อยไปแล้วจริง ๆ ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ขนตาอ่อนนุ่มเปียกชื้น และม่านตาสีดำทำให้ดูอ่อนโยน
“ชนะ” เซี่ยจื่ออวี้พูดเสียงต่ำ
แววตาของเขามืดสลัวในความมืด มองเธอด้วยสายตาที่ไม่เหมือนมองคน
เสี่ยวซิงซิงกลับไม่ได้ถูกความรู้สึกแปลก ๆ นี้ทำให้ตกใจกลัว เธอยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข
“งั้นก็ดีแล้วค่ะ!”
เซี่ยจื่ออวี้ดุนฟันกราม
แปลกจริง ๆ มีเด็กที่ไม่ถูกเขาทำให้ตกใจกลัวจนร้องได้ทั้งยังยิ้มให้เขาด้วยเหรอ?
“บ้านเธออยู่ไหน?”
เขาที่ไม่เคยทำเรื่องดีอะไรตอนนี้กำลังจะไปส่งเด็กหลงทางกลับบ้าน
ถ้าพวกน้องเล็กมาเห็นเข้า เขาที่เป็นพี่ใหญ่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เสี่ยวซิงซิงตอบอย่างว่าง่าย “หนูชื่อเสี่ยวซิงซิงอยู่บนหลานเทียน…”
ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรขึ้นได้จึงรีบปิดปาก!
ไม่สิ เธอมาหาพี่ชายนี่ ถ้าถูกส่งกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลานเทียน แล้วจะปกป้องพี่ชายพี่สาวและคุณพ่อได้ยังไง!
ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่ชอบที่นั่นด้วย…
“ซิงซิง ซิงซิงไม่มีบ้าน!”
นี่ไม่ถือว่าโกหก ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้ว
พูดประโยคหลังจบอย่างมั่นใจ เธอก็โน้มตัวไปข้างหน้ากอดคอของเซี่ยจื่ออวี้ไว้
ใบหน้าจ้ำม่ำของเด็กกดลงบนคอของเด็กหนุ่มจนรู้สึกนุ่มนิ่มและอบอุ่น
“บ้านของพี่ชายก็คือบ้านของซิงซิง!”
เซี่ยจื่ออวี้ไม่เคยชินกับการสัมผัสที่ใกล้ชิดขนาดนี้ จึงขมวดคิ้วและเอนตัวไปข้างหลัง
เสี่ยวซิงซิงตกใจ
เด็กน้อยมีความรู้สึกไว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าพี่ชายไม่ชอบ
เธอปล่อยมือที่โอบคอของพี่ชาย มือเล็ก ๆ วางไว้ที่อกประสานนิ้วอย่างน้อยใจ
เธอชอบพี่ชาย แต่ทำไมพี่ชายไม่ชอบเธอจนถอยห่างล่ะ
น้ำตาไหลออกมาช้า ๆ แต่ไม่กล้าร้องไห้ จึงทำได้แค่เม้มปากและอดกลั้นเอาไว้
เซี่ยจื่ออวี้ตกใจ นิ้วที่ถือมีดลูบอยู่สองครั้งก่อนจะยื่นออกไปอย่างงุ่มง่าม และจิ้มที่แก้มจ้ำม่ำของเสี่ยวซิงซิง
“อย่าร้อง บ้านเธออยู่ที่ไหน ไม่งั้นฉันจะพาเธอไปทิ้งนะ”
เซี่ยจื่ออวี้สาบานได้ว่าตัวเองกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กจริง ๆ แต่เด็กน้อยกลับใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ไม่อยากพูดมากเลยให้ตายสิ
เจ้าก้อนแป้งน้อยย่นจมูก ที่ปลายจมูกแดงเรื่อและขยับไม่หยุด
“บ้าน ของ พี่ชาย ก็คือ บ้าน ของซิงซิง ฮือฮือ…”
เซี่ยจื่ออวี้ “…”
นี่ถูกแมวน้อยตัวนี้แกล้งชนแล้วมาเรียกร้องค่าเสียหายใช่ไหม?
เพราะสนใจเลยหยิบมาลูบนิดหน่อย แต่กลับสะบัดทิ้งไม่ได้แล้วเหรอ?
เขาถอนหายใจหนักหน่วงออกมา อุ้มเจ้าก้อนแป้งน้อยไปยังสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่
พรุ่งนี้เช้าค่อยพาเด็กคนนี้ไปส่งแล้วกัน
บทที่ 3 ลูกสาวของพี่อวี้ อันธพาลประจำโรงเรียน
บทที่ 3 ลูกสาวของพี่อวี้ อันธพาลประจำโรงเรียน
ยังไม่ทันเดินไปถึงที่พัก เขาก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักบนไหล่
เด็กน้อยหลับไปแล้ว
นอนฟุบอย่างนุ่มนวลบนไหล่ของเขาราวกับซาลาเปาร้อนลูกหนึ่ง
นุ่มนิ่ม อ่อนโยน ไร้ความระแวดระวังเหมือนสัตว์ตัวน้อย
จิ๊ น่ารำคาญจริง ๆ
แมวน้อยที่ยังไม่สามารถแยกแยะดีชั่วได้ กล้าดียังไงมาแกล้งชนเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับเขาที่ดูแล้วไม่ใช่คนดี?
นิ้วเรียวยาวยังเปื้อนเลือด เซี่ยจื่ออวี้ยกมือขึ้นเล็กน้อยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก คิดจะคว้าหลังคอเสื้อของเด็กน้อยเพื่อทำให้เธอตื่น
แต่ตอนที่นิ้วมือเพิ่งแตกที่เสื้อ เจ้าก้อนแป้งน้อยก็ขยับตัวขยุกขยิก
ใบหน้าจ้ำม่ำมีเส้นโค้งน่ารักกดทับอยู่บนไหล่ของเขา
ปากยังถูกกดจนบุ้ยขึ้นมา เอ่ยเสียงพึมพำแผ่วเบาที่ไม่เข้าใจความหมาย ราวกับลูกสัตว์ที่รู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างถึงที่สุด
นิ้วของเซี่ยจื่ออวี้ชะงักไป อดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงไปใกล้
และได้ยินเสียงเธอเรียกหา “พี่ชาย”
โดยที่การออกเสียงยังไม่ชัดเจนนัก
“ใครเป็นพี่ชายเธอ” เขาเอ่ยเสียงเบา
แน่นอนว่าเด็กน้อยไม่ตอบเขา แต่มุมปากกลับยกขึ้นราวกับฝันดีอะไรอยู่
เด็กหนุ่มเจ้าปัญหาที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยบรรยากาศดุดันสุดท้ายก็ปล่อยมือลง
มือที่อุ้มเจ้าก้อนแป้งน้อยกระชับแน่น สีหน้าของเขาดูสงสัยอยู่บ้าง แต่การกระทำกลับยิ่งอ่อนโยน
ตัวเล็กเกินไป นุ่มนิ่มเกินไปจนรู้สึกว่าแค่บีบเบา ๆ ก็คงตายแล้ว
เซี่ยจื่ออวี้เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เขามีบาดแผลที่เอวซึ่งเด็กน้อยไม่รู้ และเขาก็ไม่ได้บอก
แต่เลือดกลับไหลอยู่ตลอดจึงจำเป็นต้องรีบกลับไปจัดการเสียหน่อย
เขาอุ้มเด็กน้อยเดินไปที่มุมหนึ่ง เมื่อมาหยุดตรงหน้าบ้านของเขา เซี่ยจื่ออวี้กลับหยุดฝีเท้า
ทันใดนั้นท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป ซึ่งมันไม่น่าดูเป็นอย่างมาก
เจ้าก้อนแป้งในมือกลายเป็นเผือกร้อนทันทีจนเขาแทบอยากจะโยนเด็กคนนี้ทิ้ง!
“แม่เจ้า! พี่อวี้กลับมาแล้ว!”
“พี่อวี้ ได้ยินว่ามีคนมารุมตีพี่…พี่อุ้มอะไรมาน่ะ?”
“พี่บาดเจ็บนี่ รีบจัดการดีกว่าไหมครับ เฮ้ย?”
ปลายเสียงของทุกคนล้วนเปลี่ยนไปเป็นตกใจ
พวกเขามองไม่ผิดใช่ไหม! นั่นมันเด็ก!
พี่อวี้ผู้โหดเหี้ยมของพวกเขาที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด กำลังอุ้มเด็กอยู่งั้นเหรอ?
สีหน้าของหลี่หยวน ผู้ที่เดินนำมาดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก เขารีบสาวเท้ายาว ๆ เข้ามาหา
“พี่อวี้ ผมรู้ว่าพี่ไร้ความปรานี แต่คิดไม่ถึงว่าแม้แต่กับเด็กก็ยัง…”
หลี่หยวนมองใบหน้าผุดผ่องของเด็กน้อยที่ดูมีชีวิตชีวา อีกทั้งมุมปากยังยกขึ้นในขณะที่หลับสนิท
หลี่หยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่สีหน้ากับยิ่งช็อก
พี่อวี้เสียสติไปแล้วหรือ? อุ้มเด็กมาเนี่ยนะ?
สีหน้าของเซี่ยจื่ออวี้ที่มองลูกน้องของตัวเองมืดครึ้ม เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปไม่จบไม่สิ้น
เขาราวกับสามารถได้ยินเสียงซีพียูของหลี่หยวนกำลังหมุนประมวลบางอย่างด้วยความบ้าคลั่งจนเกิดประกายไฟ
สุดท้ายก็หมุนเสร็จสิ้น
ทันทีที่หลี่หยวนตระหนักได้ก็มีสีหน้าเลื่อมใส
“สมแล้วที่เป็นพี่อวี้ ลูกสาวโตขนาดนี้แล้ว!”
เซี่ยจื่ออวี้ “…”
เซี่ยจื่ออวี้ “ไสหัวไป”
เจ้าก้อนแป้งน้อยในอ้อมกอดถูกเสียงดังทำให้ตื่นขึ้นมา ดวงตาลืมขึ้นอย่างสะลึมสะลือ
เสี่ยวซิงซิงไม่เข้าใจว่าทำไมพอตัวเองลืมตาขึ้น ข้างตัวถึงมีพี่ชายมากมายถึงเพียงนี้
แต่ละคนล้วนดูดุดัน
เจ้าก้อนแป้งขนตาสั่นระริก เสี่ยวซิงซิงเช็ดน้ำลายที่มุมปาก มือเล็กจับที่คอเสื้อของเซี่ยจื่ออวี้อย่างระมัดระวัง พลางใช้เสียงกระซิบถามข้างหูเซี่ยจื่ออวี้
“พี่ชาย พวกเขาเป็นใครเหรอคะ?”
ใบหน้าด้านข้างของเซี่ยจื่ออวี้ถูกเด็กน้อยทำให้คันยุบยิบ จนอดไม่ได้ที่จะมีความคิดร้าย ๆ ขึ้นมา
“คนพวกนี้ล้วนเป็นพวกที่จับเด็กไปขาย ฉันกำลังจะเอาเธอไปขายแล้ว”
เขาขู่เด็กเสียงเบาโดยที่ตัวเองล้วนไม่ทันสังเกตว่าท่าทางของจนอ่อนโยนมากจริง ๆ
จนทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของลูกน้องทั้งสามคนรวมถึงหลี่หยวนบิดเบี้ยว
ราวกับเห็นวิญญาณร้ายที่ลับหลังกลับเป็นทาสแมว
แน่นอนว่าย่อมเป็นธรรมดาที่เสี่ยวซิงซิงจะไม่ถูกเซี่ยจื่ออวี้ทำให้ตกใจกลัว
“ซิงซิงไม่ใช่เด็กแล้ว ซิงซิงอายุสามขวบครึ่งแล้ว!”
ดวงตาของเธอโค้งงอ พลางยื่นนิ้วสั้น ๆ ออกมาสามนิ้ว นับทีละนิ้วจากด้านซ้าย
“ดังนั้นพี่ชายหลอกหนูไม่ได้หรอก”
เธอนับเสร็จก็คิดอะไรได้ ใบหน้าเล็กยับย่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“พี่ชายอุ้มหนูมานานขนาดนี้แล้วไม่เหนื่อยเหรอคะ? ซิงซิงเดินเองได้นะ!”
เห็นได้ชัดว่ายังมีอาการง่วงนอนอยู่ แต่เด็กน้อยกลับเงยหน้าพิจารณาพี่ชายที่เพิ่งรู้จักอย่างละเอียด
ดวงตาของเธอใสกระจ่างและอ่อนโยนราวกับเป็นดวงดาวบนท้องฟ้าจริง ๆ
“เธอชื่อซิงซิงเหรอ?” เซี่ยจื่ออวี้ถาม
ซิงซิงพยักหน้าอย่างมีความสุข “ใช่ค่ะ!”
การเคลื่อนไหวของเด็กน้อยกระทบบาดแผลข้างเอวของเขา จนเซี่ยจื่ออวี้ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงท่าทีออกมา
เขาพยายามไม่สนใจลูกน้องทั้งสามคนด้านข้างที่มองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนจะก้าวยาว ๆ เข้าไปในบ้าน
จากนั้นก็ใช้ผ้าห่มบนโซฟาห่อตัวซิงซิงไว้จนเธอกลายเป็นซูชิม้วน
“เธอเป็นเด็กดีแล้วเข้านอนซะ พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน” เซี่ยจื่ออวี้วางซิงซิงที่อยู่บนมือของเขาลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวล
ซิงซิงรู้สึกง่วง แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ร้อนรนขึ้นมา
“พี่ชาย บ้านของพี่ชายก็คือบ้านของซิงซิงค่ะ!”
เซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้พูดอะไร เมื่อพิศมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ใต้แสงไฟกลับพบว่าเธอดูสวยมาก
เด็กที่เป็นเน็ตไอดอลพวกนั้นยังไม่ได้หนึ่งในหมื่นส่วนของเสี่ยวซิงซิงเลย
ที่สำคัญที่สุดคือเขามีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่คุ้นเคยจากที่ไหนเขาก็บอกไม่ได้ ไม่นานความรู้สึกนั้นก็หายไป เพราะเขาเสียเลือดมากเกินไปจนรู้สึกเวียนหัว
“เธอรีบนอนซะ” เสียงของเขาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เสี่ยวซิงซิงน้อยที่เมื่อรู้สึกความอบอุ่นของผ้าห่มก็เริ่มง่วงนอนและกำลังเคลิ้ม ทั้งยังได้ยินเสียงของพี่ชายอีก
ไม่นานเด็กน้อยก็ถูไถกับผ้าห่มก่อนจะผล็อยหลับไป
……
แชะ!
หลี่หยวนที่ตกใจจนพูดไม่ออก รู้สึกชาหนึบจนต้องจุดบุหรี่
เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่อวี้เป็นแบบนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองต้องสงบจิตสงบใจเสียหน่อย
แต่วินาทีต่อมาปลายนิ้วเรียวยาวเปื้อนเลือดแห้งกรังก็ยื่นมาดับบุหรี่ที่หลี่หยวนคาบไว้
เซี่ยจื่ออวี้หันไปหาหลี่หยวนแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ที่นี่มีเด็ก”
หลี่หยวนตะลึงจนตาค้าง “ครับ ครับ ขอโทษครับพี่อวี้”
เขายังเรียกสติกลับมาจากข่าวที่ว่า ‘พี่ใหญ่ของพวกเขามีลูกสาวแล้ว’ ไม่ได้ จึงจ้องมองไปทางก้อนแป้งน้อยที่หลับไปแล้วตรง ๆ
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นเด็ก แต่เพิ่งเคยเห็นเด็กที่หน้าตาสะสวยแบบนี้ครั้งแรก
ขนตายาวเหมือนตุ๊กตา ใบหน้าเล็กมีน้ำมีนวลทำให้คนห้ามใจไม่ให้หยิกไม่ไหว
เซี่ยจื่ออวี้ใช้สายตาราวกับมองขยะมองไปทางพวกลูกน้องของเขา ส่งเสียงเย็นชาอย่างไม่ชัดเจนออกมาเสียงหนึ่งและถอดเสื้อผ้าออก
บนร่างล่ำสันสมบูรณ์แบบของเด็กหนุ่ม บาดแผลที่เอวยังคงมีเลือดไหลอยู่
ในที่สุดกลิ่นคาวเลือดก็ทำให้พวกลูกน้องทั้งสามคนตั้งสติได้ รีบส่งกล่องยาและเทน้ำลงไปอย่างเอาใจใส่
หลี่หยวน “พี่อวี้ พวกเราได้รับข่าวช้า ไอ้เจ้าพวกนั้น…”
“ฉันรู้” เซี่ยจื่ออวี้ออกแรงเช็ดบาดแผลจนทำให้ริมฝีปากซีดเพราะความเจ็บปวด “เพราะอย่างนั้นฉันถึงเอามีดติดตัวไปด้วย”
“บาดแผลนี้ฉันต้องเอาคืนแน่”
เขาไม่ได้บอกว่าเมื่อครู่ตัวเองถูกฟาดหัวจนเกือบพลั้งมือฆ่าคน
ตอนนี้มานึกดูแล้วแม้จะไม่ได้หวาดกลัว แต่เขากลับยังรู้สึกโล่งอก
ไม่รู้ว่าเพราะตัวเองหรือเพราะเจ้าก้อนแป้งน้อยกันแน่
หลี่หยวนสังเกตท่าทีของเซี่ยจื่ออวี้ เห็นว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มากนัก
เขากระแอมออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“พี่อวี้ ลูกสาวพี่ แม่ของเธอคือ…”
เซี่ยจื่ออวี้คิ้วกระตุก ยื่นมือไปบีบคอหลี่หยวน
“ไม่ใช่ลูกสาวฉัน” เซี่ยจื่ออวี้มีสีหน้าเย็นชา แต่จากนั้นหว่างคิ้วที่ขมวดอย่างไม่สบอารมณ์ก็คลายลงเล็กน้อย ความรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งแพร่กระจายไปทั่ว
“เก็บได้บนถนน พรุ่งนี้จะพาไปส่งที่สถานีตำรวจ”
พูดจบเขาก็เดินไปทางโซฟา ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าถาโถมใส่ตัวเอง “ออกไปได้แล้ว”
หลี่หยวนลูบคอตัวเองด้วยสายตาแปลก ๆ
เซี่ยจื่ออวี้จะไปส่งเพื่อนตัวน้อยที่หลงทางกลับบ้าน เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลพอ ๆ กับการให้หลี่หยวนสวมกระโปรง
แต่พี่อวี้ออกปากแล้วพวกเขาก็ไม่กล้าถามให้มากความ
พวกลูกน้องเดินออกไป ในห้องรับแขกจึงเงียบลงทันที
แต่บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาอยู่บ้างเพราะเจ้าตัวเล็กนี่
เซี่ยจื่ออวี้ขมวดคิ้วมองไปทางเจ้าก้อนแป้งน้อยที่ยึดโซฟาไป เห็นเธอนอนหลับสนิทเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกง่วงขึ้นมา
ในขณะที่ความคิดของเขาค่อย ๆ เฉื่อยชาลง ภายนอกก็มีเสียงหวีดสั้นดังขึ้นมาเสียงหนึ่งอย่างกะทันหัน
เซี่ยจื่ออวี้แทบจะกระโดดลงมาจากโซฟาในทันที
ดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างของเขาวาวโรจน์อย่างดุร้ายขึ้นมาในความมืด
เขารีบพุ่งเข้าไปหาเสี่ยวซิงซิง อุ้มเธอขึ้นมาและสาวเท้ายาวไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะยัดเจ้าก้อนแป้งน้อยเข้าไป
เสี่ยวซิงซิงถูกการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ตื่น มือเล็กที่มีน้ำมีนวลขยี้ตาก่อนจะพูดอย่างสะลึมสะลือ
“พี่ชาย”
“หุบปาก” เสียงของเซี่ยจื่ออวี้เย็นชาเป็นอย่างมาก “หลังจากนี้อย่าส่งเสียงออกมาเชียว”