โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ระบบสุ่มฟรีเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม

นิยาย Dek-D

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • คุณสิบสาม
ระบบสุ่มฟรีเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม
เสียแม่ไปไม่ถึงอาทิตย์ชีวิตเหมือนจะไม่ดีเท่าไร แต่อยู่ๆส้มก็ได้ 'ระบบสุ่มฟรี' มาเป็นของตัวเอง ไม่จ้อจี้ ไม่โม้ ไม่โกหกแต่อย่างใด ไหนภารกิจ ไหนเงื่อนไขก่อนจะได้รางวัล ระบบฟรีแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ!?!?

ข้อมูลเบื้องต้น

คำโปรย

ส้ม เพิ่งจะเสียแม่ไปไม่ถึงอาทิตย์ ชีวิตที่ต้องทำงานขายข้าวแกงที่ตลาดและเรียนไปด้วยเหมือนจะแย่ไม่น้อย

แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ดันได้ ‘ระบบสุ่มฟรี’ มาโดยไม่รู้ตัว ได้มายังไงก็ไม่รู้ แถมยังไม่ต้องทำอะไรซักอย่าง!

ไม่ต้องทำภารกิจ ไม่ต้องทำตามเงื่อนไขเหมือนในนิยายหรือการ์ตูนที่อ่านก็สามารถสุ่มได้รางวัลดีๆมาแล้ว

อิหยังวะคะ! ระบบที่ให้สุ่มรางวัลฟรีๆ แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ!?!?

**** ตารางอัพไม่เป็นเวลาครับ แต่จะพยายามอัพให้บ่อยที่สุดครับ ****

มีตอนติดเหรียญล่วงหน้าครับ (ปลดฟรี 2 วันหนึ่งตอน)

ราคาล่วงหน้าคือ 2 เหรียญ = 1 บาท (มีตัวอักษรมากกว่า 9,000 หรือมากว่า 1,500 คำ)

การซื้อเหรียญล่วงหน้าเป็นแบบซื้อถาวร

หลังจากนิยายจบไรท์กลับมาติดเหรียญ+อัพราคาไม่ต้องซื้อซ้ำ

ทักทาย

สวัสดีนักอ่านที่หลงเข้ามาและตามมาจากเรื่องเก่าๆครับ

เรื่องนี้เป็นนิยายแนวรัก+แฟนตาซี เป็น ช-ญ ไม่วายนะครับ (อ่านBLเชิญเลือกดูเรื่องอื่นในคลังไรท์ครับ)

พอดีไรท์ชอบนิยายแนวระบบไม่น้อยเหมือนกัน ฝันอยากมีบ้างเลยเอาความอยากมาแต่งซะเลย

ตอนแรกคิดๆอยู่ว่าจะเอาคู่ ช-ช หรือ ช-ญ ดี สุดท้ายก็อยากแต่ง ช-ญ เลยได้เป็นเรื่องนี้ครับ

นางเอกจะเป็นคนดำเนินเรื่อง ก็ต้องสู้ชีวิตกันไป ตามพล็อตระบบและชื่อเรื่องครับ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม

ใครลองอ่าน 2-3 ตอนแล้วคิดว่าชอบหรือพออ่านคลายเครียดได้ก็เชิญนะครับ

ขอบคุณที่เข้ามาสนใจและอ่านกันนะครับ

เลิฟฟฟฟฟฟฟ ม๊วฟฟฟฟฟ

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องแต่ง โปรดอ่านเพื่อความบันเทิง

หากพบจุดผิดพลาด คำผิด สามารถแจ้งได้นะครับ

ขอบคุณสำหรับการอ่านและสนับสนุน เลิฟฟฟฟ ม๊วฟฟฟฟ

ชีวิตที่ดีกว่าเดิม 1 (1/2)

ปักๆ!

“เอาหมูแดง 2 กิโล กระดูก 1 กิโลนะพ่อค้า”

“ได้ๆ”

“นี่จ้า 4 ถุง 100 บาท”

“เข็นให้มันเร็วๆหน่อยสิวะเอ็งน่ะ!”

โปกๆ!!

ซ่า~

เสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คนมากมายที่เดินตลาดในยามเช้ามืดดังขึ้นระงม ตลาดเช้าของแถบชานเมืองหลวงที่แสนสิวิไลซ์ แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในตลาดที่เปิดให้ชาวบ้านทั่วไปได้เอาของมาขายกันอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตลาดที่ว่าคือตลาดเช้ามืดที่อยู่แถบชานเมืองของเมืองกรุงที่แสนยิ่งใหญ่ชื่อว่าตลาดคลองผุด

ณ แผงขายข้าวแกงแห่งหนึ่งในตลาดก็มีผู้คนต่างเดินมาจับจ่ายเลือกซื้อข้าวและกับข้าวกันตลอดไม่มีหมด โดยร้านข้าวแกงยายสร้อยจะเปิดตั้งแต่ ตี 3 ไปจนถึงกับข้าวจะหมดหรือสายสุดก็ราวๆ 10 โมงเช้า

หลังแผงขายกับข้าวที่ว่ามีร่างของเด็กสาวอายุราวๆ 15-16 ยืนขายข้าวแกงอย่างขยันขันแข็ง ใบหน้าน่ารัก ดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กน้อยดูแล้วรั้นๆ ปากเล็กเป็นกระจับสีชมพูระเรื่อที่แก้มมีกระขึ้นอยู่บางเบา มันไม่ได้ดูน่าเกียจเลยซักนิดแต่กลับส่งเสริมให้เจ้าของใบหน้าดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นหลายเท่าแทน

เสียอย่างเดียวคือเจ้าตัวดูผอมบางไปเสียหน่อยอีกทั้งดวงตาคู่กลมโตที่ควรสดใสกลับดูเศร้าสร้อยไม่สมกับเด็กสาววัยรุ่นที่ควรมีแต่ความร่าเริงเลยซักนิด

“ข้าวสวยกับแกงหนึ่งอย่างนะคะ”

“ใช่จ้า”

“แกง 40 บาท ข้าวสวย 20 บาททั้งหมด 60 บาทค่ะ” เสียงใสเอ่ยตอบใบหน้าของเด็กสาวก็ยิ้มให้กับลูกค้าแม้จะดูไม่ร่าเริงเท่าไรแต่ก็ดูไม่แย่ ลูกค้าที่อายุมากเห็นแบบนั้นก็ส่งยิ้มให้อย่างใจอ่อนพร้อมหยิบเงินจ่ายให้อย่างไม่อิดออด

“นี่จ้ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

ส้ม หรือ ธรีพร ถนอมคำ เด็กสาวที่เป็นลูกสาวเจ้าของร้านข้าวแกงยายสร้อยรับเงินแบงค์ร้อยมาก่อนจะถอนเงินและเอ่ยขอบคุณลูกค้าไปอย่างคล่องแคลว หลังลูกค้าเดินจากไปเด็กสาวก็หันไปจัดการตักกับข้าวจากหม้อที่ตั้งเรียงรายบนแผงร้านใส่ในถุงแกงร้อนและมัดไว้ ก่อนจะจัดเรียงให้เป็นระเบียบบนแผงเช่นปกติ

แม้ดวงตากลมโตจะมีแต่ความเศร้าเสียใจแต่สุดท้ายร่างเล็กก็ฝืนอดทน มือเล็กขยับทำงานอย่างขยันไม่มีชักช้าเมื่อลูกค้าคนใหม่เดินเข้ามาเลือกก็ขายข้าวแกงเช่นนั้นไปจนตลาดวายและก็ขายจนหมดในเวลา 10 โมงเศษๆ

บรื้น~

“ส้ม น้ามารับแล้ว”

เสียงเรียกของชายวัยกลางคนตะโกนเรียกหาร่างบางที่กำลังเก็บของบนแผงของตัวเองไม่หยุด ส้มเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นว่าเป็นน้าชายของตัวเองที่มารับข้าวของเพื่อกลับบ้านไปจัดเก็บและล้างทำความสะอาด ร่างบางพยักหน้าก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจสอบของต่างๆอีกครั้ง เมื่อตรวจเช็คของที่มีและของใหม่สำหรับเตรียมไว้ทำกับข้าวในวันพรุ่งนี้แล้วก็ออกจากแผงช่วยขนของไปใส่รถพ่วงข้างของน้าชายที่ชื่อว่าหนุ่มทันที

“ส้ม ถ้าไม่ไหวก็พักก่อนได้นะ หลานไม่ต้องฝืนหรอกรู้ไหม”

หนุ่มที่ขนของมาใส่รถพ่วงของตัวเองเอ่ยทักหลานสาวของตัวเองอย่างอ่อนใจ ร่างเล็กชะงักกับประโยคของน้าชายเพียงครู่ก่อนจะเงยหน้าที่ตอนนี้ดวงตาแดงกำขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนไม่หลุดร้องไห้ออกมาและตอบกลับน้าชายของตนว่า

“ไม่หรอกน้า ส้มทำไหว ส้มไม่อยากให้ร้านของยายที่แม่รับช่วงต่อหายไปจ้ะ”

ส้มเอ่ยออกมาอย่างอดทน แม้ในใจจะแตกสลายไปหลายพันหลายหมื่นครั้งแล้วก็ตาม ดวงใจดวงนี้มันแทบแตกสลายเมื่อเรื่องของแม่อันเป็นที่รักที่เพิ่งเสียไปเมื่ออาทิตย์ก่อนมันถูกนึกถึงอีกครั้ง

ใช่แล้ว

ส้มไม่เหลือใครอีกแล้ว

เด็กสาวอายุ 16 ปีนามว่าส้มเพิ่งจะเสียมารดาอันเป็นที่รักไปเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่เจ้าของรถที่ขับชนแม่เธอตอนออกไปซื้อของหน้าปากซอยดันเป็นลูกชายของสส.ชื่อดัง เจ้าตัวเพียงเอ่ยเล่าว่าแม่เธอพุ่งออกมาจากข้างทางออกมาให้รถชนเอง ตำรวจที่ถูกซื้อด้วยเงินและหวาดกลัวอำนาจก็พลันเชื่อและบอกว่าแม่เธอเป็นคนผิดแทน

ส้มต้องสูญเสียแม่ที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวไป พร้อมทั้งโดนตำรวจตำหนิยกใหญ่เพราะบอกว่าแม่เธอจนและคิดจะขว้างรถเพื่อหลอกเอาเงินจากคนรวยๆ ส้มบอกว่าไม่ใช่ก็โดนตำรวจคนอื่นๆทำท่าทางน่ากลัวใส่สุดท้ายเธอก็ต้องถูกน้าชายลากออกมาจากสถานีตำรวจและกลับบ้านพร้อมเสียงสะอื้นที่เสียแม่ไปโดยที่ทวงความยุติธรรมให้กับแม่ตัวเองไม่ได้เลย

รถที่ขับมาด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแถมคนขับยังไม่มีแม้แต่ใบขับขี่รถยนต์อย่างถูกต้องไม่โดนโทษอะไรเลย ส่วนแม่เธอกลับถูกใส่ความว่าโดนแม่เธอที่เป็นแม่ค้าขายข้าวแกงแสนจน หมายจะโดดลงถนนเพื่อหวังเงินปลอบขวัญจากคนรวย แค่คิดก็อยากต่อยหน้าไอ้คนขับรถที่ว่า ติดเพียงแค่เธอมันแค่ประชาชนตาดำๆที่สู้คนมีเงินและอำนาจไม่ได้เลย!

“เฮ้อ น้าว่าส้มย้ายมาอยู่กับน้าเถอะ เป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวอยู่บ้านคนเดียวมันอันตรายนะ”

น้าชายเอ่ยออกมาอย่างปลงๆร่างสูงของชายอายุราวๆ 40 ต้นๆก็สตาร์ทรถมอไซต์พ่วงข้างที่ขนของมาครบแล้วออกไปโดนมีหลานสาวนั่งซ้อนท้ายนิ่งๆอยู่อย่างช้าๆ

“ส้มขอคิดดูก่อนนะคะ ส้มไม่อยากให้น้าอรกับน้องม่อนลำบากใจค่ะ อีกอย่างบ้านน้าก็มีห้องแค่สองห้อง ส้มไม่กล้าไปแย่งห้องม่อนหรอกค่ะ น้องโตเป็นหนุ่มแล้วต้องมีห้องส่วนตัว”

ส้มให้เหตุผลกับน้าชายอย่างตรงไปตรงมา น้าชายเป็นน้องชายของแม่เธอเอง น้าหนุ่มแต่งงานกับน้าอรมีบ้านอยู่คนละซอยกับบ้านของเธอ ทั้งสองคนมีลูกชายอายุ 13 ปีอยู่ด้วย บ้านก็หลังกลางๆค่อนไปเล็กโดยหน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายข้าวแกงที่รสมือไม่ต่างจากข้าวแกงที่เธอขายเท่าไร เนื่องจากฝีมือทำอาหารของครอบครัวฝั่งแม่ล้วนแต่ดีกันทุกคน น้าชายจึงได้ความสามารถไปพอๆกับแม่ของเธอ

ร้านของน้าหนุ่มเปิด 7 โมงปิด 4 โมงเย็น ส่วนแผงลอยของเธอเปิดเช้ามืดเวลาไม่ได้ชนกัน อีกทั้งของเธอขายให้กับพวกที่ซื้อไปขายต่อตามที่ต่างๆหรือซื้อเพื่อกลับไปกินบ้าน ส่วนร้านน้าชายขายแบบนั่งกินที่ร้านหรือซื้อแบบใส่กล่องไปกินที่บ้านหรือที่ทำงาน ยิ่งบ้านน้าอยู่ติดกับโรงงานเย็บผ้าจึงขายให้กับพนักงานโรงงานมากกว่า ทำให้ร้านข้าวแกงกับร้านข้าวของน้าชายไม่แย่งลูกค้ากัน

“อรก็เป็นห่วงส้มนั่นแหละ หรือจะให้น้ากับอรมาอยู่เป็นเพื่อนละ” หนุ่มยังถามหลานสาวของตัวเองอย่างเป็นห่วง เพราะให้ส้มอยู่บ้านของพี่สาวตัวเองคนเดียวก็น่าเป็นห่วงเกินไปจริงๆ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่อยู่อีก 2 ปี ส้มก็ว่าจะย้ายไปอยู่หอของมหาลัยแล้วละคะ”

“แต่อีกตั้ง 2 ปีเลยนะ ถ้าเกิดปัญหาระหว่างนั้นละ”

“ลุงจันกับป้าผ่องอยู่บ้านข้างๆ ไหนจะพี่สมรกับลูกชายพี่แกอย่างน้องทินละคะ น้าไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้” ส้มเอ่ยบอกไปตามตรง

บ้านข้างๆที่ขนาบเธอก็เป็นเพื่อนบ้านคุ้นเคยกันดี ทั้งสองหลังล้วนแต่เป็นคนรู้จักที่สนิทสนมกับแม่เธอและเธอมาตลอด ดังนั้นส้มจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสำคัญคือเธอไม่อยากไปอยู่บ้านของน้าซึ่งมันรบกวนน้ามากไป อีกอย่างคือเธอต้องทำกับข้าวมาขายที่ตลาดจึงไม่สะดวกที่จะทำที่ครัวของน้าชาย

ทำที่บ้านที่คุ้นเคยกับชินมือมันง่ายกว่านั่นแหละ

“เฮ้อ น้าไม่รู้จะกล่อมเรายังไงแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงส้มก็ห้ามประมาทนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นให้โทรหาน้าทันทีเข้าใจไหม” หนุ่มถอนหายใจอย่างปลงๆก่อนจะเอ่ยเตือนและสั่งความทิ้งไว้กับหลานสาวคนเดียวของตัวเองแทน

“ค่ะ ส้มจะทำตามที่น้าหนุ่มบอกแน่นอนค่ะ” ส้มเอ่ยปากรับคำอย่างจริงจัง หนุ่มที่ได้ยินก็โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพากันขับบรถกลับไปบ้านของส้มอย่างช้าๆ

เมื่อถึงบ้านหลังเล็กที่มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ กับอีก 1 ห้องนั่งเล่น ก็พากับช่วยขนของลงไปไว้ที่พื้นข้างๆบ้านซึ่งถูกปรับปรุงให้กลายเป็นพื้นที่ทำครัวแบบด้านนอก ลานที่ถูกเทปูนมีเครื่องครัวครบครันชเตาแก๊ส 2 ถัง กระทะและหม้อมีหลายใบหลายขนาดเพราะต้องทำอาหารหลายอย่าง ตู้กับข้าวมี 2 ตู้เพื่อเก็บเครื่องปรุงและวัตถุดิบแห้งที่ไม่เสียง่ายๆ ส่วนลึกเข้าไปจะมีประตูเชื่อมเข้าบ้านเพื่อเปิดไปหยิบของสดที่อยู่ในตู้แช่ขนาดกลางที่มีไว้สำหรับแช่ของสดซึ่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพอดี

“ขอบคุณค่ะน้าหนุ่ม” ส้มไหว้ขอบคุณน้าหนุ่มก่อนจะส่งยิ้มให้กับผู้เป็นน้าเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูเศร้าหมองเกินไป

“ไม่เป็นไร งั้นอยู่บ้านดีๆ เดี๋ยวเย็นๆน้าขับมาตรวจดูอีกทีแล้วกัน”

“ค่ะน้า”

ส้มฟังจบก็ตอบรับคำเพราะเข้าใจว่าน้าหนุ่มเป็นห่วงเธอจากใจจริง หลังมองส่งน้าหนุ่มออกจากรั้วไม้สูงประมาณอกไปแล้วก็เดินตามไปปิดประตูรั้วด้านในเรียบร้อยก็หันหลังกลับมาจัดการข้าวของที่ขนไปขายวันนี้แทน

กับข้าวเหลืออยู่สองอย่างสำหรับเป็นอาหารเที่ยงของส้มจากนั้นอย่างอื่นทั้งหม้อ กระทะ หรือข้าวของต่างๆก็ถูกทำความสะอาดและวางคว่ำไว้ในพื้นที่ล้างจานเพื่อรอแห้งและนำไปใช้อีกครั้งในตอนเช้ามืดเวลาตี 1-2 อีกรอบ

แอ้ดดด~

ร่างบางเปิดประตูเข้าบ้านหลังเล็กชั้นเดียวอย่างช้าๆ ภาพเสียงบ่นของแม่ที่มักบอกว่าร้อนหรือบนว่าฝนตกน้ำท่วมมักจะท่วมจนเกือบข้อเท้า ถ้าไม่กั้นน้ำด้วยกระสอบทรายดังขึ้นมาอย่างแววๆ ดวงตากลมโตพลันแดงกำเพราะความทรงจำที่อยู่ร่วมกันแม่ที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ดี

“ฮึกๆ ฮือออ แม่จ้า ฮื้ออออ”

ส้มทรุดตัวลงหลังปิดประตูหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว เสียงร้องไห้ที่พยายามเบาที่สุดเพราะกลัวบ้านข้างๆรู้ ร่างบางขุดคูให้หัวพิงซบกับเข่าใช้อ้อมแขนเล็กทั้งสองตระกองกอดตัวเองอย่างปลอบโยน…แม้รู้ว่ามันจะไม่อบอุ่นเหมือนที่แม่กอดก็ตาม

// ฝากตัวหนูส้มไว้ให้นักอ่านติดตามด้วยนะครับ

ชีวิตที่ดีกว่าเดิม 1 (2/2)

“ฟู้ววว~”

ส้มนั่งร้องไห้กับตัวเองไปนานเกือบชั่วโมงสุดท้ายเสียงก็แหบเล็กน้อย น้ำตาที่หางตาเหลืออยู่เบาบางแต่ความรู้สึกที่คิดถึงและโหยหายังคงมีมากมายไม่ต่างจากเดิม เพียงแต่วันนี้เป็นอีกวันที่ส้มร้องไห้น้อยลงหลังจากแม่เสียไป

เพราะวันแรกที่รู้เธอร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ยิ่งช่วงทำพิธีศพก็ร้องไห้ไม่เว้นเลยซักวัน พอหลังจากงานศพของแม่จึงเริ่มทำใจได้และร้องไห้น้อยลงเรื่อยๆ แม้จะยังร้องไห้อยู่แต่เธอรู้ว่าตัวเองจะต้องเข้มแข็ง ถึงมันจะใช้เวลานานเพราะเธอคงไม่อาจแข็งแกร่งภายในเวลาไม่นานได้ แต่ส้มรู้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะกลับมาเป็นคนที่ร่าเริงและกวนโอ้ยอย่างที่เพื่อนๆบอกได้เหมือนเดิม

“โชคดีจริงๆที่ตอนนี้ปิดเทอม” ส้มพึมพำออกมาอย่างดีใจนิดๆ

เพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมสองเพื่อรอเลื่อนชั้นไป ม.6 ในเดือนหน้า โชคดีที่สองคือส้มเป็นคนเรียนเก่งและไม่ขี้เกียจ ด้วยความที่อดีตมีเพียง 3 คนอย่าง ยาย แม่และส้มในบ้านหลังน้อยทั้งสามคนเลยสู้ชีวิตกันตลอด ขยันทำงาน ทำมาหากินและประหยัดกันมาก ส้มที่เห็นยายกับแม่ขยันเจ้าตัวเลยขยันตามทั้งยังตั้งใจเรียนและรับรู้ว่าตัวเองเรียนเก่งอยู่ไม่น้อย

ถ้าถามว่ามั่นใจได้ไงว่าตัวเองเรียนเก่ง?

ก็เพราะเธอสามารถเข้าในโจทย์หรือเนื้อหาการเรียนการสอนของครูได้เพียงแค่อ่านหรือทำความเข้าใจแค่ 2-3 ครั้งยังไงละ

ถึงไม่ใช่อัจฉริยะที่สามารถเข้าใจได้ในรอบเดียวแต่เธอก็มั่นใจว่ารอบสองหรือสามเธอก็เข้าใจแล้วเช่นกัน ดังนั้นเรื่องเรียนไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริงของเธอเลยซักนิด และเธอก็หวังว่าจะสามารถเรียนสูงๆเพื่อให้คุณยายกับคุณแม่ของเธอดีใจที่ลูกสาวหลานสาวเรียนจบปริญญาตรีได้

น่าเสียดาย

คุณยายของเธอเสียไปเมื่อ 2 ปีก่อนและเธอก็มาเสียแม่ของเธอไปอีกเมื่ออาทิตย์ก่อน หัวใจของส้มปวดร้าวและแตกสล่ายแต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากมีชีวิตอยู่ต่อไป หลายครั้งเฝ้าถามว่าเธอจะอยู่ไปทำไมในเมื่อไม่มีแม่กับยายแล้วเหลือแค่เธอคนเดียว แต่แล้วในที่สุดประโยคของยายเธอที่แม่ชอบพูดให้ฟังเสมอก็ถูกนึกถึง

‘ชีวิตคนเรามีอะไรให้ทำมากมายทั้งสุขและเศร้า ยายไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้ลูกๆหลานๆใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดก็พอ’

“ใช้ชีวิตให้มีความสุข”

ส้มเอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ดวงตากลมโตจากเศร้าสร้อยเริ่มมีประกายสดใสขึ้นมาในแววตาเล็กน้อย หัวใจของเธอยังมีคำสอนและความทรงจำของทั้งสองคนอยู่ เธอยังไม่หายเศร้าเสียใจหรอกเพียงแค่ให้เวลามันรักษาหัวใจที่ร้าวจนเกือบแตกเป็นผงให้แข็งแรงขึ้นในอนาคตก็พอ

เธอทำได้สิ!!

ตุบ!

ร่างบางในชุดนอนแขนสั้นและกางเกงขายาวเนื้อบางล้มตัวลงนอนในห้องนอนของตัวเอง ส้มพลิกใบหน้ามานอนหงายมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย ดวงตากลมโตกระพริบมองเพดานไม้สีน้ำตาลอย่างนั้นเกือบนาทีก่อนจะค่อยๆหลับตาและพยายามกล่อมให้ตัวเองนอนหลับไปให้ได้ จนในที่สุดเธอก็เริ่มเคลิ้มๆใกล้จะหลับเพราะน่าจะเหนื่อยกับการร้องไห้ของวันนี้

ติ๊ง!

[ยินดีด้วยค่ะ คุณได้ระบบสุ่มฟรี ฉลองการมีระบบครั้งแรก คุณได้รับโอกาสสุ่ม 1 ครั้ง ต้องการสุ่มเลยไหมคะ?]

“หื้อ?”

ส้มที่นอนอยู่และกำลังจะเคลิ้มหลับหลังจากพูดคุยบอกลากับน้าหนุ่มที่กลับไปแล้ว เพราะมาดูความเรียบร้อยของเธอลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงงเสียงที่ดังอยู่ไม่ไกลทำให้เธอตกใจลืมตาขึ้นมามองหาต้นตออย่างเร็วรวด เพียงแต่สิ่งที่เธอเห็นกลับไม่ใช่คนหรืออะไรที่เหมือนผีหรือวิญญาณ แต่เป็นกล่องข้อความสีฟ้าน้ำเงินที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเธอกลางอากาศต่างหาก!

[คุณต้องการรับการสุ่มไหมคะ หากต้องการกรุณาเอ่ยในใจหรือเอ่ยออกมาว่า ‘สุ่ม’ ค่ะ]

“ใครน่ะ!?”

ส้มที่ได้ยินเสียงอีกรอบเอ่ยถามออกมาอย่างตกใจ ร่างเล็กผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะขดตัวเป็นก้อนและใช้หลังพิงหัวเตียงอย่างหวาดกลัว ดวงตากลมโตมองไปรอบๆห้องแต่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหน้าจอที่เหมือนหลุดมาจากหนังไซไฟหรือเกมส์การ์ตูนที่อยู่ตรงหน้า

[ระบบเองค่ะ]

“ระบบ?”

[ใช่ค่ะ ระบบเองค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ระบบเป็นระบบสุ่มฟรีที่มอบให้คุณโดยเฉพาะ ตอนนี้มีคุณมีโอกาศสุ่มของรางวัลฟรีหนึ่งครั้งจะใช้เลยไหมคะ?]

“เดี๋ยวๆ หมายถึงข้อความที่ลอยนี่เหรอที่พูดตอบมา แล้วระบบสุ่มฟรีคืออะไร ทำไมฉันได้มันมาละ?”

ส้มที่เคยอ่านมังงะหรือการ์ตูนแนวระบบหรือดันเจี้ยนอยู่บ้างเอ่ยถามออกมาอย่างสับสน เรื่องแบบนี้มันควรมีแต่ในการ์ตูน นิยาย หรือหนังอะไรพวกนั้นไม่ใช่เหรอ

หรือว่าจริงๆแล้วตอนนี้เธอฝันกันแน่?

เพียะ!

“อู้ย เจ็บจริง!”

ส้มที่ได้ยินว่าถ้าตีตัวเองหรือหยิกตัวเองแล้วเจ็บไม่หลุดจากภาพฝันหรือตื่นแสดงว่าเป็นเรื่องจริงก็พลันร้องออกมาอย่างเจ็บจี้ด เพราะเธอเพิ่งจะตีเข้าที่แขนของตัวเองด้วยแรงที่เรียกว่าแรงพอประมาณ และที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดซึ่งน่าจะยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ว่าเธอฝันไปแต่อย่างใด!!

[คุณไม่จำเป็นต้องตีตัวเองก็ได้ค่ะ แค่มองไปที่ข้อความบางอย่างแล้วก็หันไปมองอย่างอื่น ถ้าหากหันกลับมามองข้อความเดิมที่ว่านั่นแล้วข้อความที่ว่าไม่เปลี่ยนไปก็แสดงว่าเป็นความจริงแล้วค่ะ]

“ใครจะไปรู้ละ ก็เห็นในนิยายหรือในหนังเขาทำแบบนี้กันนิ!” ส้มเผลอเอ่ยปากตอบโต้เสียงที่ดังอยู่ออกมาอย่างทันที พอนึกได้ก็ตะปบปากตัวเองอย่างเร็วเพราะกลัวว่าจะเหมือนคุณยายเธอบอกที่ว่าห้ามพูดหรือตอบรับคำเรียกในตอนกลางคืน

ถึงตอนนี้จะเพิ่ง 3 ทุ่มเกือบ 4 ทุ่มเองก็เถอะ

แต่มันก็ดึกไหมละ!?!

[ระบบไม่ใช่ผีหรือวิญญาณอะไรพวกนั้นค่ะ ระบบเป็นระบบสุดจะมีความสามารถและมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ เพราะงั้นคุณสบายใจได้]

“พูดยืนยันเองก็ง่ายสิ” ส้มเอ่ยเถียงออกมาอย่างหลุดอีกเช่นเคยเมื่อได้ยินระบบอะไรที่ว่านั่นยืนยันตัวเอง

หมับ!

มือเล็กปิดปากตัวเองพร้อมสายหัวอย่างไม่ยินยอม

เธอไม่ได้พูด เมื่อกี้ไม่ใช่เธอนะ!

[งั้นลองนึกในใจก็ได้ค่ะ ก่อนอื่นตอนนี้ระบบสุ่มมีสิทธิการสุ่มให้คุณ 1 รอบ จะสุ่มเลยไหมคะ ถ้าหากกลัวสามารถนึกในใจได้ค่ะ]

‘สุ่ม…งี้อ๋อ?’

ส้มที่คิดว่าในใจคงไม่เป็นอะไรก็ลองนึกในหัวดู และเมื่อเธอเอ่ยจบข้อความที่อยู่ตรงหน้าก็กลายเป็นช่องสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดยาวๆที่มีอะไรบางอย่างเลื่อนขึ้นไปเร็วๆจนชวนตาลายแทน

ดื้อออออ~

ติ๊ง!

เสียงแบบเดียวกับก่อนหน้าดังขึ้นอีกครั้ง ใช้เวลาราวๆ 1 นาทีไม่ถึงดีไอ้แถบยาวๆที่เลื่อนๆก่อนหน้าเหมือนเครื่องสล็อตหมุนๆเสี่ยงโชคก็หยุดลง ดวงตากลมโตหรี่ลงเพื่ออ่านข้อความที่ปรากฏตรงหน้าก่อนจะต้องเบิกตาโตมากขึ้นเพราะสิ่งที่อ่านเจอ

[ยินดีด้วยค่ะ คุณได้ความสามารถมองเห็นเลขนำโชคเป็นระยะเวลา 3 เดือนค่ะ]

“มะ หมายถึงเลขนำโชคแบบหวยไรงี้เหรอ?!?”

ส้มที่เห็นข้อความที่สุ่มได้ก็ถึงกับตาโตปากอ้ากว้างลืมปิดปากไปแล้วเพราะเผลอตกใจจนหลุดปากถามออกมา แต่นาทีนี้ส้มไม่สนใจอะไรแล้ว เธออยากรู้มากกว่าว่ามันใช้ได้จริงเหรอ ถ้ามันไม่ใช่ฝันและเป็นความจริง แบบนี้ก็หมายความว่าเธอมองเลขนำโชคได้จริงๆอะดิ!?!?

[จริงแท้แน่นอนค่ะ ติดตั้งความสามารถเรียบร้อย ขอให้สนุกกับความสามารถนะคะ]

“เดี๋ยวๆ จะไปเลยเหรอ อย่าบอกนะว่าให้สุ่มครั้งหนึ่งแล้วไปเลย ฮัลโหล! เฮ้!!”

….

ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

ให้มันได้งี้สิ!!

ตุบ!

ส้มล้มตัวนอนลงกับเตียงขอตัวเองอย่างเหลือกอด เพราะไม่คิดเลยว่าระบบที่โผล่มาเมื่อกี้อยู่ๆจะหายไปเลย แบบนี้ไม่ใช่หมายความว่าเธอมีสิทธิได้สุ่มอะไรพวกนี้แค่ครั้งเดียวหรอกนะ

โอ้ยยยย ไม่เข้าใจเลย อะไรก็ไม่รู้งงไปหมด เธออาจจะเหนื่อยมากจนเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะเหมือนจริงมากเกินไปก็ได้ใครจะรู้

นอนดีกว่า!

// ใช่ น่าจะฝันแหละ นอนดีกว่าครับ!!

ชีวิตที่ดีกว่าเดิม 2 (1/2)

ซ่า~

เสียงของไข่ที่ตอกลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อนกำลังงดีดังขึ้นในพื้นที่ครัวข้างๆบ้านหลังน้อย แสงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นผ่านหลังคาบ้านเรือนแต่พื้นที่ด้านข้างที่เป็นครัวสำหรับทำอาหารก็มีร่างเล็กของเด็กสาววัย 15-16 ตื่นมาทำอาหารซะแล้ว

ส้มทอดไข่ดาวสำหรับกินเองตอนเช้าก่อนจะไปทำงานอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตมองไข่ดาวที่ขอบสีขาวค่อยๆเป็นสีเหลืองและเกรียมนิดๆก็ฉายรอยยิ้มกว้าง มือเรียวเล็กก็ตวัดทัพพีตักไข่ที่สุกได้ที่แบบฉบับขอบสุกเกรียมๆขึ้นมาโปะบนจานข้าวสวยร้อนๆที่มีควันพวยพุ่งมาจากจานข้าว มือเล็กเอื้อมไปตักพะแนงหมูที่ทำเสร็จในหม้อรอตักใส่ถุงแกงร้อนขายในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้างหน้ามาราดทับต่ออีกที

ตุบ!

“อ่า~ ร้อนๆ หู้ววว ง้ำๆ”

ส้มนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆตู้กับข้าวแก้มกลมก็กำลังเคี้ยวข้าวเช้าของวันนี้อย่างสุขใจ เมื่อวานร้องไห้ตอนเย็นไปแล้วก็เหมือนได้รับการปลดปล่อยพลังงานด้านลบออกไปแล้ว ดังนั้นเช้านี้ของส้มจึงตื่นมาค่อยข้างสดใสไม่น้อย ร่างบางตื่นมาทำอาหารตั้งแต่ตี 1 แม้จะนอนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรเพราะตื่นมาช่วยแม่เวลานี้บ่อยๆอยู่แล้ว

มื้อเช้าก็กินข้าวตอนนี้จากนั้นก็รอน้าหนุ่มขับรถมารับพาหม้อกับข้าวและหม้อข้าวสาวหรือข้าวของต่างๆไปตลาดเพื่อตั้งแผงต่อ ซึ่งกับข้าวเธอก็ทำน้อยลงเรื่อยๆเพราะอีกไม่นานโรงเรียนจะเปิดแล้ว ถึงตอนนั้นเธอคงไม่ได้ทำกับข้าวขายตอนเช้าแล้วช่วงนี้เลยทำๆไปก่อนเพื่อจะได้เก็บเงินเพิ่ม

แม้เธอจะไม่มีงานทำแต่เพราะเงินประกันของแม่ที่ทำไว้ทำให้เธอได้เงินชดเชยมาไม่น้อย ไหนจะเงินที่ไอ้เด็กเวรนั้นที่ขับรถชนแม่เธอจ่ายเป็นค่าปิดปากอีกในระดับหลักแสนต้นๆ คิดแล้วก็เจ็บใจหลังเศร้าเพราะเสียแม่ไปได้อาทิตย์หนึ่ง ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของส้มก็ผุดขึ้นมาเหมือนไฟที่รอวันปะทุ

ถ้าเธอมีโอกาสเมื่อไรเธอจะล้างแค้นให้แม่เธอเอง

ไม่ได้คิดจะฆ่าหรือทำแบบเดียวกันหรอก แต่อย่าให้เธอมีโอกาสเอาคืนเพราะพวกมันจะต้องชดใช้ให้สาสมกับที่ใส่ร้ายแม่เธอและทำให้เธอเสียแม่ไป อย่างน้อยๆเธอก็ขอสาปแช่งให้พ่อแม่และคนที่ทำแม่เธอโดนกรรมตามสนองอย่างเหมาะสมก่อนแล้วกัน!!

‘ขอให้ธุรกิจล้มละลาย ขอให้บ้านแตก ขอให้บาดเจ็บจนเป็นอัมพาตแม่ม!!’

“ฟู้วว~”

ส้มได้ระบายด้วยการด่าและสาปแช่งแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอรู้ว่ามันอาจจะดูไม่ดีแต่สุดท้ายเธอก็ยังมีความรู้สึก มีหัวใจ มีรัก โลภ โกรธและหลง ดังนั้นก่อนเธอจะตายหรือบวชชีถือศีลอยู่ในธรรม

ขอด่าเพื่อให้หายแค้นใจก่อนเถอะ

ปากเรียวเคี้ยวข้าวอย่างแรงเผื่อว่าจะระบายแรงอารมณ์โมโหของตัวเองออกมาได้บ้าง และเมื่อตักข้าวคำสุดท้ายกินเสร็จเสียงของน้าหนุ่มที่ดังเรียกอยู่หน้าประตูบ้านก็ดังขึ้นพอดิบพอดี

“ส้ม น้ามาแล้ว!”

เสียงตะโกนของน้าหนุ่มทำให้ส้มรีบเอาจ้านไปล้างและวิ่งไปเปิดประตูให้น้าหนุ่มเอารถมอไซต์พ่วงข้างมาจอดหน้าบ้านทันที พื้นที่ลานหน้าบ้านมีไว้สำหรับตั้งราวตากผ้าโดยพื้นที่ก็มีไม่มากแต่ก็พอให้ตั้งราวและให้รถมอไซต์พ่วงข้างของน้าหนุ่มเข้ามาจอดได้พอดีเท่านั้น

แต่เท่านี้ก็ถือว่ากว้างมากแล้วเพราะบ้านอื่นเล็กกว่านี้อีก โชคดีที่บ้านหลังนี้เป็นของยายของเธอทำให้เธอไม่ต้องย้ายออกไปไหน มีบ้านให้ซุกหัวนอนไม่ต้องเร่รอนหรือย้ายไปรบกวนน้าหนุ่มกับน้าอรที่บ้านของพวกเขา

“มาๆ ขนไปกัน ตลาดน่าจะคึกคักกันแล้วละนะ” น้าหนุ่มมองนาฬิกาเห็นว่าจะตี 3 แล้วก็เร่งมือช่วยกันขนของขึ้นรถอย่างรวดเร็ว

ส่วนเจ้าตัวก็ตื่นเวลานี้เพื่อไปซื้อของสำหรับทำอาหารในร้านตัวเองเหมือนกัน เพราะร้านของหนุ่มต้องตื่นมาตั้งในตอนตี 3-4 กว่าจะจัดร้านและทำอะไรพร้อมก็ปาเข้าไป ตี 5 กว่าแล้ว ลูกค้ามักจะมานั่งกินข้าวตอน 6.30-8.00 โมงก่อนเข้างาน ดังนั้นตื่นเวลานี้ก็เพื่อไปซื้อของและมารับหลานสาวไปขายของที่ตลาดก็ไม่ใช่เรื่องรบกวนอะไร

ส้มก็รู้เวลาตั้งร้านและซื้อของของน้าหนุ่มจึงขอบคุณที่น้าหนุ่มมารับตอนเช้าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่น้อย เพราะเมื่อก่อนเป็นแม่เธอที่จ้างมอไซต์รับจ้างมารับมาส่ง แต่น้าหนุ่มเห็นว่าเธออยู่คนเดียวส่วนพวกรับจ้างมอไซต์เป็นชายไม่น่าไว้ใจเพราะแม่จ้างทั่วไปไม่ใช่เจ้าประจำน้าหนุ่มจึงอาสามารับไปส่งที่ตลาดและรับกลับบ่อยๆแทน

ส่วนถ้าวันไหนไม่ไปรับกลับน้าหนุ่มก็จะโทรมาบอกก่อนเพื่อที่จะให้ส้มจ้างคนรู้จักในตลาดไปส่งที่บ้านแทน เพราะถ้าหาที่ตลาดตอนสายๆจะเจอคนรู้จักที่รถมอไซต์สามล้อเครื่องว่างแล้วไปส่งอยู่ เสียค่าไปส่งเพียงรอบละ 40-50 บาทได้อยู่ ส่วนเช้ามืดหาไม่ค่อยได้เพราะเขามีเจ้าประจำต้องไปรับไปส่งอยู่แล้ว เหลือแค่รถมอไซต์พ่วงหรือสามล้อขาจรที่เธอกับน้าหนุ่มไม่ไว้ใจเท่าไรจึงตัดสินใจไม่จ้างแทน

จ้อกแจ้กจอแจ

“กับข้าวจ้า 40 บาทุกอย่าง ข้าวสวยถุงละ 20 เพิ่มไข่ดาวหรือหมูยอก็ 10-15 บาทจ้ะ รับอะไรดีจ๊ะพี่สาว?”

ส้มเรียกลูกค้าเหมือนทุกครั้ง แม้เมื่อวันก่อนๆจะไม่ได้เรียกเพราะยังเสียใจเรื่องงานศพของแม่อยู่ก็ตาม แต่วันนี้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อยจึงกลับมาสดใสและร่าเริงได้เล็กน้อยบ้างแล้ว ปากเล็กเอ่ยเรียกลูกค้าเสียงดังแข่งกับแม่ค้าคนอื่นๆพอลูกค้ามาก็ขายของอย่างรวดเร็ว จนเวลาผ่านไปถึง 8.50 กับข้าวในแผงของเธอก็หมดลง

“ส้มเอ๊ย ดีขึ้นแล้วสินะ ดีๆ มีอะไรก็บอกป้าได้นะเข้าใจมั้ย?” ป้าษาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าส้มเริ่มเก็บข้าวของแล้ว

อาทิตย์ก่อนเห็นตาแดงมาขายกับข้าวดูเศร้าจนไม่กล้าทัก เมื่อวานก็พอจะดูดีแล้วแต่ก็ยังมีสีหน้าเศร้าอยู่ แต่วันนี้สดใสขึ้นมากเลยถึงจะยังมีแววเศร้าอยู่แต่เมื่อษาเห็นแบบนี้ก็โล่งอกกล้าเอ่ยทักขึ้นมา

ส้มมองป้าษาที่คงจะอยากทักทายเธอตั้งแต่หลายวันก่อนด้วยรอยยิ้มจริงใจ เธอรู้ว่าเธอเศร้ามาหลายวันป้าๆลุงๆหลายคนที่รู้จักกันก็คงอยากทักทายปลอบใจเธอแต่เธอไม่ค่อยตอบอะไรเลย วันนี้เห็นเธออารมณ์ดีขึ้นแล้วเลยกล้าส้มจึงรู้สึกดีใจไม่น้อยที่มีคนห่วงใยเธออยู่หลายคน

“จ้ะป้าษา ส้มบอกแน่นอน ว่าแต่ทำไมป้าษามาแถวนี้ละ?”

“ก็ว่าจะมาดูส้มแหละ แล้วก็วันนี้วันหวยออก ว่าจะไปเจ้นีซักหน่อย พอดีได้เลขเด็ดมาเผื่อจะรวยกับเขาบ้างไง” ป้าษาเอ่ยตอบพรางมองสำรวจหน้าตาของเจ้าส้มที่เธอเอ็นดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

ถึงแผงของเธอจะอยู่ด้านหน้าๆไม่ใช่ด้านในกลางตลาดแบบหนูส้ม แต่เมื่อว่างเธอก็จะเดินมาดูมาส่องส้มเสมอเพราะกลัวเด็กสาวเศร้าเสียใจจนทำเรื่องน่ากลัว ยังดีถามแม่ค้าพ่อค้าใกล้ๆกันก็บอกว่าเจ้าส้มแค่เศร้า ต้องให้เวลามันทำใจหน่อยเฉยๆก็ดีใจไม่น้อย มาวันนี้เห็นหน้ามันสดใสก็รู้สึกโล่งใจกว่าเดิมทันที

“อ่อ วันหวย…ออก” ส้มเอ่ยตามอย่างเพิ่งนึกออกก่อนประโยคท้ายจะค่อยๆเบาลงเรื่อยจนเหมือนพึมพำกับตัวเอง

หวย?

เลข?

ความสามารถเลขนำโชค!?!?

ติ๊ง!

[เลขนำโชควันนี้ 5 8 1 0 4 7]

“ห้ะ!?”

ส้มที่ตกใจหลังคิดเรื่องเมื่อคืนออกก็ได้แต่ตาโตมองกลางอากาศตรงหน้าที่มีกล่องข้อความเหมือนเมื่อคืนโผล่มาจริงๆ ทั้งยังบอกเลขนำโชคมาถึง 6 ตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเธอคิดถึงหวยในวันนี้

แบบนี้หมายความว่าไง??

ช่วยบอกด้วยดิว่า บน ล่าง หรือตรงๆหกตัวเลย

บอกกันแค่นี้จะเล่นถูกไหมเล่า?!

// แจ้งไว้เตือนคนที่เข้ามาอ่านนะครับ เผื่อว่าใครพลาดไม่ได้อ่านต้องหน้าแรกๆของนิยายที่ไรท์เพิ่งอัพไป

มีตอนติดเหรียญล่วงหน้าครับ (ปลดฟรี 2 วันหนึ่งตอน) ** เริ่มติดตอนที่ 21

ราคาล่วงหน้าคือ 2 เหรียญ = 1 บาท (มีตัวอักษรมากกว่า 9,000 หรือมากว่า 1,500 คำ)

การซื้อเหรียญล่วงหน้าเป็นแบบซื้อถาวร

หลังจากนิยายจบไรท์กลับมาติดเหรียญ+อัพราคาไม่ต้องซื้อซ้ำ

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0