โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

บู๊เช็กเทียน งามดั่งม้าพยศป่า สตรีแห่งราชวงศ์ถัง - เพจพื้นที่ให้เล่า

TOP PICK TODAY

อัพเดต 25 เม.ย. 2563 เวลา 01.55 น. • เผยแพร่ 24 เม.ย. 2563 เวลา 19.22 น. • เพจพื้นที่ให้เล่า

หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของบิดา

หญิงที่แต่งงานแล้วต้องเชื่อฟังคำสามี

หากสามีตายแล้ว มารดาก็ต้องเชื่อฟังบุตรชาย

ต้องมีคุณธรรม กริยามารยาทพร้อมสรรพ 

พูดจาอ่อนน้อม อ่อนหวาน ไม่เล่นลิ้น 

รูปร่างหน้าตาสะอาด

การบ้านการเรือนไม่ขาดบกพร่อง

นี่คือใจความส่วนหนึ่งของ "Sān cóng sì dé" หรือหลักสามคล้อยตาม สี่คุณธรรม ที่เป็นต้นฉบับความงามของสาวจีนกันมาอย่างช้านาน เชื่อว่าถ้าใครเคยดูหนังจีนหรืออ่านนิยายจีนก็ต้องผ่านตากับหลักคำสอนที่เป็นที่นิยมอันนี้กันมาบ้าง ดังนั้นภาพในใจของทุกคนเมื่อคิดถึงความงามแบบพิมพ์นิยมของผู้หญิงจีนในอดีตนั้น คงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงผู้หญิงหัวอ่อน เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ยินดีที่จะมีขอบเขตอิสระแค่ภายในบ้าน ทำงานเย็บปักถักร้อยและเชี่ยวชาญงานของผู้หญิงเป็นหลัก ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่มีความเห็น ขอเพียงเชื่อฟังคำสั่งของผู้ชายในครอบครัวก็พอแล้ว

แต่จะบอกว่าไม่ใช่ผู้หญิงงามในทุกยุคสมัยของจีนจะมีภาพลักษณ์นี้ ยุคสมัยหนึ่งที่ผู้หญิงโดดเด่นและมีบทบาทเป็นอย่างมากของจีนคือสมัยราชวงศ์ถัง แต่ความงามของพวกเธอนั้นไม่ได้เป็นแบบสามคล้อยตาม สี่คุณธรรมนี้แม้แต่น้อย..

เพราะพวกเธอมีจิตวิญญาณอันเป็นอิสระเหมือนม้าป่าและเปิดเผยอัตลักษณ์ มีมุมมองเปิดกว้างเรื่องทางเพศเป็นอย่างมาก

เสื้อผ้าของสตรีล้วนนิยมใส่เสื้อผ้าที่เผยเนินอกมากกว่าในอดีต นิยมใช้เนื้อผ้าที่บางเบา
การร่ายระบำในงานเฉลิงฉลองส่วนใหญ่มีแม้กระทั่งการระบำที่นางรำเปลื้องผ้า กล่าวว่าเป็นศิลปะที่น่าดูชมของยุคสมัย

พฤติกรรมการเลือกคู่และครองรักในยุคนั้นไร้แบบแผนและเกิดข่าวลือหนาหูของการเลี้ยงชายบำเรอของชนชั้นสูง

ชุดสตรีชั้นสูงเผยเนินอกในยุคราชวงศ์ถัง 

.

ขอเกริ่นก่อนว่าราชวงศ์ถังถือว่าเป็นราชวงศ์ของจีนที่นับได้ว่าเจริญถึงขีดสุด บ้านเมืองสงบสุข ผู้นำประเทศอย่างฮ่องเต้เองก็ให้ความสำคัญกับการขยายอิทธิพลของแผ่นดิน ระบบเศรษฐกิจดีเสมือนฝนที่ตกทั่วฟ้า พืชผลงอกงามไม่แห้งแล้ง ชาวบ้านและพ่อค้าจับจ่ายกันได้มือเติบพอสมควร ที่สำคัญเป็นราชวงศ์ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและศิลปะเป็นอย่างมาก มีให้บัณฑิตทั่วประเทศมาแข่งขันประชันฝีมือกันในทักษะต่างๆ ศาสนาพุทธเองก็มีการเผยแพร่เป็นครั้งแรกในช่วงเวลานี้ 

ความงามพิมพ์นิยมในช่วงเวลานั้นก็ไม่ใช่สาวเรียบร้อยบอบบาง น่าทะนุถนอมหรือเอวผอมเท่ากิ่งหลิว แต่เป็นสาวงามสุขภาพดี มั่งมีศรีสุข ไม่ได้ดูลำบากและทำงานหนัก เป็นการเปลี่ยนภาพจำของความงามที่น่าตกใจ

รูปปั้น 'สาวงาม' ตามคติจีนสมัยราชวงศ์ถังที่ถูกปั้นขึ้นในค.ศ.700
รูปปั้น 'สาวงาม' ตามคติจีนสมัยราชวงศ์ถังที่ถูกปั้นขึ้นในค.ศ.700

สังเกตจากรูปปั้น 'สาวงาม' ของราชวงศ์ถังนี้แล้ว ลักษณะความงามที่นิยมในช่วงเวลานั้นจะเป็นผู้หญิงอวบอัด มีสัดส่วน หน้าผากกว้าง หน้ากลมมน ใบหน้ามีการตกแต่งด้วยเครื่องสำอางประทินโฉม นอกจากนั้นอาภรณ์ก็ยังงดงาม ไม่ใช่หญิงสาวที่โดดเด่นด้านของการทำงานหนัก เพราะลักษณะภายนอกสะท้อนการอยู่อย่างมั่งมีศรีสุข เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ครอบครัวของหญิงงามส่วนใหญ่มีอันจะกิน จากรูปปั้นนี้จึงทำให้นักวิเคราะห์หลายๆ คนอนุมานได้ว่า หญิงงามแห่งแผ่นดินจีนยุคสมัยนั้น อย่างกุ้ยเฟยของฮ่องเต้ถังเสวียนจงน่าจะเป็นสาวคิ้วโก่งร่าง ค่อนข้างอวบ ไม่ได้ผอมบางแน่นอน

ที่สำคัญไม่ใช่ยุคสมัยที่ให้ค่ากับการครอบงำความคิดของผู้หญิงหรือให้ผู้หญิงยึดถือความงามตามธรรมเนียมหลังบ้านอีกต่อไปแล้ว
ส่งผลให้เรามักได้ยินเรื่องของสตรีมากมายที่มีมุมมองด้านความรักและการครองคู่ที่ล้ำเทียบเท่าพวกเราปัจจุบันในปี 2020! 

.

ปกติแล้วหญิงม่ายมักจะเป็นจุดด่างพล้อยของสังคมหญิงจีนในอดีต มุมมองของพ่อแม่ในอดีต ลูกสาวเปรียบเหมือนน้ำที่สาดออกไปนอกบ้านแล้ว ยากที่จะเก็บกลับคืนมาได้ ถ้าหญิงคนไหนกลับคืนสู่ครอบครัวเดิม หลังจากสามีเสียชีวิตหรือโดนให้หนังสือหย่าร้าง ก็มักเป็นเรื่องน่าอับอายและไม่น่าภูมิใจ เรียกว่าต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลับมาอยู่บ้านกันเงียบๆ แต่ประวัติศาสตร์ในยุคราชวงศ์ถังชี้ชัดไว้ว่า ไม่ว่าจะชนชั้นสูงระดับองค์หญิงหรือคนธรรมดาสามัญ สตรีในยุคนั้นไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ ต่างแต่งงานใหม่ครั้งที่สองกันเป็นเรื่องปกติ ข้อมูลจากบันทึกโบราณหนึ่งได้กล่าวว่ามีองค์หญิงยุคนั้นแต่งงานใหม่ถึง 23 องค์ โดยมี 4 องค์ที่แต่งงานถึง 3 ครั้ง เรียกได้ว่าแต่งแล้วแต่งอีก หย่าแล้วก็แต่งได้ ไม่ชอบก็เปลี่ยนใหม่! 
.
การที่จะเข้าใจผู้หญิงในสมัยราชวงศ์ถัง เราต้องฉีกความเข้าใจเกี่ยวกับพรหมจารีย์คือชีวิตไปบ้าง จากที่เห็นกันในละครซีรีส์และนิยายว่าหากนางเอกเสียพรหมจารีย์ขึ้นมาเมื่อไร ก็ต้องแต่งงานทันที หรือหากแต่งงานไม่ได้ก็ต้องอยู่อย่างอับอายไปทั้งชีวิต เรียกว่าฟ้าถล่มดินทลาย ชีวิตนี้จบสิ้นแล้ว แต่หญิงในยุคสมัยถังนั้นไม่ได้เคร่งครัดกับเรื่องของพรหมจารีย์มากอย่างที่เราเข้าใจในรุ่นหลัง การหนีตามกันและการได้เสียก่อนแต่งงานเป็นเรื่องที่สังคมเข้าใจได้ แถมในหลายๆ บทกวี รวมถึงเพลงพื้นบ้านบางเพลงยังพูดถึงกระแส 'ชู้รัก' คู่รักในยุคนั้นยินยอมให้แฟนไปมีเล็กมีน้อยได้บ้าง แต่ไม่ถึงกับไปสานสัมพันธ์อะไรกันใหญ่โต ถือว่าเป็นการตอบสนองความต้องการทางกายและเติมเต็มความสนุกของชีวิต แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องและผูกพันทางหัวใจ ซึ่งเรียกว่าล้ำยุคล้ำสมัยมาก ล้ำกว่าปัจจุบันนี้อีก
.
เฉกเช่นเดียวกันในยุคนั้นเป็นยุคที่ศิลปะและดนตรีเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะคนต่างเมือง พ่อค้า ขุนนางและชนชั้นสูงต่างก็ฝักใฝ่ที่จะเสพศิลปะทางกายและทางใจ ส่งผลให้ความนิยมของ 'คณิกา' ทั้งกลุ่มผู้หญิงขายศิลป์ไม่ขายบริการและผู้หญิงขายศิลป์พร้อมขายบริการต่างก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะมาที่หอนางโลมเพื่อเสพศิลปะหรือเสพอย่างอื่นก็ล้วนตอบสนองเรื่องสุนทรียะในชีวิตได้ทั้งนั้น

ที่สำคัญในยุคนั้นการมาหอนางโลมมันเปรียบเสมือนการเที่ยวสถานบันเทิงและเที่ยวร้านเหล้าของผู้ชายสมัยนี้ ผู้คนต่างเข้าไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและคุยธุรกิจในหอนางโลมได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อบริการแต่อย่างใด เพียงแต่ก็คงอดไม่ได้ที่จะข้องแวะกับเหล่าสาวสวยเทเหล้าอยู่บ้าง

ไม่ใช่แค่ในเมืองอย่างเดียวที่คณิกาเฟื่องฟู ในวังของจักรพรรดิถังเสวียนจงเองก็กล่าวได้ว่ามีคณิกาอาศัยอยู่ถึง 8,000 คนเลยทีเดียว 

ผู้คนตามบ้านร้านค้า แม้กระทั่งนักกวีบางคนก็อู้ฟู่ถึงขนาดเลี้ยงดูคณิกาเอาไว้นับ 100 คนเช่นเดียวกัน

.

ภาพจากละครฟอร์มใหญ่ THE EMPRESS OF CHINA (2014) ที่สร้างจากชีวประวัติของบู๊เช็กเทียน อีกหนึ่งประเด็นที่คงพลาดไม่ได้เมื่อพูดถึงสาวงามของราชวงศ์ถังที่โดดเด่นและงดงามเหมือนม้าพยศป่า

นั่นก็คือ พระนางสวรรค์ หรือ บู๊เช็กเทียน สตรีองค์เดียวที่ได้ครองบังลังก์แผ่นดินจีนในประวัติศาสตร์ 4,000 กว่าปี

ต้องบอกว่าเธอเป็นไอคอนด้านสตรีนิยมของยุคสมัยนั้นเลย แม้ว่าจะอยู่ในสังคมที่เชื่อในอำนาจและคำสั่งสอนของผู้ชายเป็นหลัก ผู้หญิงเป็นได้เพียงช้างเท้าหลัง บู๊เช็กเทียนก็ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทลายความเชื่อนี้ลงได้ นอกจากเธอจะเป็นจักรพรรดินีที่ให้ความสำคัญกับการขยายปึกแผ่นอาณาเขตดินแดนแล้ว เธอยังเน้นส่งเสริมและยกระดับให้เพศหญิงเข้าถึงการบริหารและตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงด้วย เธอคือบุคคลคนแรกๆ ของประวัติศาสตร์จีนที่ย้ำให้บัณฑิตและขุนนางสอบในการเข้ารับตำแหน่ง ไม่ให้ใช้เพียงแค่เส้นสายของตระกูลที่หนุนหลัง ที่สำคัญนิสัยการปกครองของเธอยังเต็มไปด้วยความกร้าวแกร่ง เด็ดขาด ในการเอ่ยปากลงโทษและตัดสินใจออกคำสั่งแต่ละครั้งสามารถใช้คำว่าโหดเหี้ยมมาบรรยายได้

เธอคือสตรีที่งอกงามและเบิกบานบนอำนาจได้อย่างน่ากลัว เหมาะกับการบรรยายว่าเป็น "ดอกไม้กินคน" เลยทีเดียว

ภาพวาดของบู๊เช็กเทียน
ภาพวาดของบู๊เช็กเทียน

เส้นทางการเติบโตจากหญิงธรรมดาสามัญไปสู่นางสนม ความงามทำให้เธอเป็นที่กล่าวขานจนไปมีพรมแดงปูต้อนรับเธอจากภายในวัง แต่สิ่งที่ผลักดันให้เธอได้ก้าวยืนเหนือใครไม่ใช่ความงาม แต่คือเล่ห์ มันสมองและความทุ่มเทในการเล่นเกมการเมืองของเธอ จากสนมสู่ภิกษุณีและสุดท้ายกลับคืนสู่วังหลวง เรื่องราวบนเลือดและศักดิ์ศรีของใครหลายคนในวังหลังทำให้บู๊เช็กเทียนเป็นสตรีที่ทรงอำนาจที่สุดของยุคสมัย จุดเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ น่าหวาดกลัวและน่าเล่าขานไปพร้อมกัน ทำให้มีข่าวลือมากมายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเธอในเวลานั้น 

เคยมีหมอดูทักทำนายเธอและครอบครัวในวัยเด็กว่า ความงามของเธอจะไปได้ไกลเหนือใครและสตรีแซ่อู่จะทำให้ราชวงศ์ถังล่ม

เธอลอบมีสัมพันธ์กับพระโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิ แม้ตัวเองจะเป็นสนมและแก่กกว่าองค์ชายอยู่ 4 ปี

เธอเป็นคนฆ่าลูกสาวคนเดียวที่อายุไม่ถึงเดือนด้วยตัวเอง เพื่อป้ายสีให้ฮองเอาลงจากตำแหน่ง 

เธอปล่อยตัวให้หลงใหลในราคะและเลี้ยงชายบำเรอเอาไว้นับไม่ถ้วนภายใต้อำนาจของตัวเอง

เธอฆ่าพี่สาวของตัวเองที่เข้ามาเป็นพระสนมของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน เพราะหวั่นจะเสียอำนาจ

แต่ไม่ว่าเรื่องราวข่าวลือในชีวิตเธอจะจริงหรือลวง พวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า..บู๊เช็กเทียนก็เป็นผู้หญิงงามคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ อย่างที่ตัวเองต้องการ และเป็นความงามที่ตราตรึงจนมาถึงโลกยุคปัจจุบัน

.

แม้ว่าหลังจากเรื่องราวของราชวงศ์ถังและบู๊เช็กเทียนผ่านพ้นไปแล้ว ความคิดและมุมมองเกี่ยวกับความงามของสตรีเพศในราชวงศ์ถัดๆ มาจะหมุนเวียนกลับมาเชื่อในหลักการครองเรือนแบบลัทธิขงจื่อแนวใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับการเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ชายเป็นอย่างมาก หรือหลักการสามคล้อย สี่คุณธรรมตามที่กล่าวไปในข้างต้น โดยแนวคิดการดำรงตนให้อยู่ในกรอบและอ่อนหวานงดงามของเพศหญิงลักษณะนี้นั้นถูกปลูกฝังให้กับสังคมจีนยาวนานจนถึงศตวรรษที่ 19 เลยทีเดียว

สุดท้ายไม่ว่าจะบอบบาง เย็บปัก ชื่นชอบอยู่เพียงแต่ในบ้าน หรือ งดงาม โลดโผนโจนทะยาน โหยหาอำนาจอยู่ในวัง ผู้หญิงแต่ละคนต่างก็มีความงามและบทบาทหน้าที่ที่ตัวเองพึงพอใจแตกต่างกันไป แม้สังคมจะจำกัดพิมพ์นิยมความงามของผู้หญิงที่ควรเป็นในแต่ละยุคสมัยเอาไว้ เชื่อว่าในชีวิตจริงผู้หญิงแต่ละคนก็น่าจะสร้างตำนานและแบบฉบับความงามของตัวเองให้จารึกได้อยู่ดี 

.

ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์

.

อ้างอิง
1 / 2 / 3 / 4 / 5

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0