โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“เอมมี่ MAXIM” เขาหาว่าหนู “เสพติด” ศัลยกรรม

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 01 ธ.ค. 2561 เวลา 13.00 น.

เอมมี่ MAXIMเขาหาว่าหนูเสพติดศัลยกรรม

ถ้าหากกล่าวถึง  “เอมมี่ อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์  หรือที่เราเคยรู้จักกันดีในชื่อ  “เอมมี่ Maxim”  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราก็คงต้องนึกถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงสวย เซ็กซี่ ผู้มีข่าวฉาวกับนักร้องและนายแบบจากไต้หวันจนถึงขั้นขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บันเทิงทุกฉบับ ไม่ก็ข่าวค(ร)าวจากภาพลักษณ์ความเป็นคนแรงๆ หรือไม่ก็นางแบบผู้เสพติดศัลยกรรม 

แต่มันคงจะไม่แฟร์ ถ้าเราจะรู้จักและตีความตัวตนของเธอจากสิ่งที่คนอื่นๆ พูดแต่ฝ่ายเดียว โดยที่ไม่ได้นั่งลงฟังสิ่งที่เธออยากจะเล่าถึงเรื่องราวเบื้องหลังทุกรอยมีดศัลยกรรม ทุกตัวอักษรของข่าวฉาว ที่รุมเร้าเธอเข้ามา วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้เคลียร์ให้ชัดถึงภาพลักษณ์ “คนแรงๆ” และ “นางแบบผู้เสพติดศัลยกรรม” ของเธอ ว่าแท้จริงแล้วมีสิ่งใดที่อยู่เบื้องหลังที่ผลักดันเธอมาถึงจุดที่เธอบอกว่า 

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่มีผลอีกแล้ว!”

กว่าจะเป็นสาว Sexy ในวันนี้เอมมี่เคยเป็นคนไม่มั่นใจและมองตัวเองไม่สวยในวันก่อน

“…ต้องเล่าว่าเราเข้าวงการด้วยการถ่ายMV เพลงลูกทุ่งตั้งแต่อายุ16-17 ปีแล้วก็จับพลัดจับผลูคือผู้กำกับเห็นว่าเด็กคนนี้มีไหวพริบน่าจะเล่นละครได้จึงได้ไปเล่นภาพยนตร์CD กับ สามารถพยัคฆ์อรุณ/ เขาทรายแกแล็คซี่และสมรักษ์คำสิงห์เรื่อง "สามหมัดคูณสามหมัดทะลุสังเวียน"เป็นหนังตลกหลังจากนั้นก็เลยได้เล่นละครกับทางช่องสาม 

ช่วงนั้นพอดีที่ชีวิตพลิกผันได้มาเล่นกับ "พี่ติ๊กเจษฎาภรณ์ผลดี"เรื่อง "ฝันเฟื่อง"ช่วงนั้นเราเกเรก็มีน้องก่อนเลยหยุดรับงานแล้วไปคลอดน้อง  หลังจากกลับมาก็เกือบได้เล่นละครอีกครั้งหนึ่งแต่เพื่อนส่งประกวดMiss Maxim เสียก่อนตอนนั้นเราไม่กล้าประกวดเพราะเราไม่สวยไม่Sexy รู้สึกไม่มีศักยภาพที่จะประกวดอะไรเหล่านั้นเลยวันที่ประกวดคือไม่กล้าขึ้นเวทีคือทุกคนสวยมาหมดแล้วแต่เรามาจากต่างจังหวัดแต่พอเราได้เข้ารอบลึกขึ้นเรื่อยๆแล้วก็ได้ที่สองมาตื่นเต้นเหมือนกันตอนนั้นเรายังไม่รู้จักคำว่าศัลยกรรมเสียด้วยซ้ำเราไปแบบไม่ศัลยกรรมเลยพอเราเข้าไปถึงรอบสิบคนสุดท้ายเราจะได้ใช้นามสกุลMaxim โดยอัตโนมัติจนเป็นที่มาของเอมมี่Maxim…” 

“อยากมีหุ่นแบบตุ๊กตายางเพราะทำแล้วดวงดี !

“…เริ่มศัลยกรรมครั้งแรกศัลยกรรมหน้าอกคนเราพอมีบุตรหน้าอกจะคล้อยบวกกับตอนนั้นเราเริ่มเป็นนางแบบแล้วเลยตัดสินใจไปทำหน้าอก700 CC ที่เราทำมาคือเราพอใจอยากทำและเราปรึกษาหมอแล้วเอมมี่ชอบตุ๊กตายางชอบหุ่นตุ๊กตาญี่ปุ่นหน้าเล็กหน้าอกใหญ่จริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจทำให้เหมือนตุ๊กตายางแต่เพราะทำออกมาแล้วดันไปเหมือนพอดี(หัวเราะ)ดาราต้นแบบของเราคือคุณชมพู่อารยา(อารยาเอฮาร์เก็ต)

บางคนทำศัลยกรรมแล้วร่วงบางคนทำแล้วรุ่งซึ่งเอมมี่เป็นคนทำศัลยกรรมแล้วขึ้น(ยิ้ม) เอมมี่ทำหน้าอกมาแล้วได้บ้านได้รถเปลี่ยนหน้าใหม่มาแล้วมีงานมีเงินมีทรัพย์สินเป็นที่รู้จักมันเปลี่ยนชีวิตไปเลยหน้าใหม่ชีวิตใหม่(หัวเราะ) เอมมี่เชื่อมากกับเรื่องนี้เพราะมันเกิดขึ้นจริงกับตัวเลยค่ะ…” 

ศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องผิด ! ถ้าทำแล้วรู้สึกดีจะมี่ค่าใช้จ่ายหลักล้านก็คุ้ม !

“…การทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องผิดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอายอะไรที่ทำแล้วทำให้เราดูดีทำให้เรามีรายได้ที่ดีขึ้นทำไปเถอะค่ะทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะค่ะทำแล้วเราไม่เดือดร้อนใครทำในสิ่งที่เราอยากทำอีกไม่นานก็ตายที่สำคัญต้องทำความดีก่อนตายด้วย(หัวเราะ)

แต่สิ่งที่เราควรคำนึงไว้คือสถานที่ที่เราจะทำเอมมี่เองแรกสุดมีเพื่อนแนะนำโรงพยาบาลนานะที่ประเทศเกาหลี(โรงพยาบาลศัลยกรรมนานะ– Nana Hospital) ตอนไปปรึกษาหมอดูมั่นใจว่าจะเปลี่ยนเราให้สวยได้ก็เลยตัดสินใจไปดูรีวิวว่ามีดาราคนไหนไปทำบ้างทำมาแล้วสวยมากเลยไว้ใจโรงพยาบาลนานะและเป็นลูกค้าโรงพยาบาลนานะมาตลอดเค้าเปลี่ยนเอมมี่ทั้งหมดเลยราคาอยู่ที่สามล้านทำอะไรก็ได้บนใบหน้าคุณหมอมือเบามากนี่ไม่ได้ค่าโฆษณานะ!

ส่วนผลข้างเคียงตอนแรกไม่เป็นเลยแต่ตอนนี้อายุมากขึ้นมันก็มีบ้างตามสภาพตามวัยมีปวดหลังปวดตัวบ้างเอมมี่ทำศัลยกรรมหลังจากที่มีน้องไม่มีผลต่อการให้นมบุตรเลยต่อให้เราต้องให้นมบุตรลูกก็ยังสามารถดื่มนมเราได้ตามปกติ…”

ไม่ “ขายนมก็ขายข่าวคาวทุกเรื่องราวจบได้แค่คิดบวก”

“…จริงๆเอมมี่ไม่มีความสวยให้ขายนะแต่ส่วนมากคนชอบพูดว่า "ขายนม"ต่อให้เอมมี่ใส่เสื้อคอเต่าปิดคอหรือใส่ปิดแทบตายมันก็ดูโป๊สำหรับคนอื่นคนที่เค้าไม่ชอบยังไงมันก็ไม่ชอบขนาดเอมมี่ปลงผมบวชชีคนยังตามมาด่าเลยในขณะเดียวกันคนที่เค้าชอบเค้าก็อนุโมทนากับเราโลกนี้มีคนหลายประเภทคิดบวกดีที่สุด

ตอนเข้าวงการแรกๆเอมมี่ร้องไห้คือเราไปทำอะไรให้เขาขนาดนั้นทำไมต้องเกลียดเราต้องว่าเราทั้งๆที่เราไม่ได้ไปทำอะไรให้เค้าเลยมันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบข่าวฉาวทั้งหมดมันไม่ได้เกิดจากตัวเราแต่มันคือคนอื่นทำให้เราฉาวจนกระทั่งวันหนึ่งเราคิดได้ว่าคิดบวกสิถ้าคิดบวกพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสการที่คนรู้จักเรามากขึ้นมันส่งผลดีกับเราแล้วเพราะเราคือคนในสื่อเพราะฉะนั้นใครจะด่าจะว่าอะไรยังไงไม่สนใจแล้วเหมือนคนอื่นพูดให้เราเป็นคนไม่ดีแต่เอมมี่ก็เชื่อเสมอว่าถ้าเราคิดดีทำดีเราจะได้แต่สิ่งดีๆคนจะเห็นชีวิตจริงเอมมี่ว่าเป็นคนยังไงคนที่ติดตามเอมมี่จริงๆจะรู้ว่าเราเป็นคนยังไงทุกวันนี้เลยไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วแค่คิดบวกก็พอ…”

“แรงนะแต่ไม่เคยเลวคือบทสรุปของ "เอมมี่อมลวรรณ" ในวันนี้

“…สิ่งที่คนเข้าใจเอมมี่ผิดกันมากที่สุดคือทุกคนคิดว่าเอมมี่แรงค่ะเอมมี่แรงนะแต่ไม่เลว  เอมมี่ไม่เคยไปยุ่งเรื่องของใครก่อนเอมมี่โลกส่วนตัวสูงมากเข้าวัดทำบุญชีวิตเอมมี่มีแค่นี้อยากให้ทุกคนที่ตัดสินเอมมี่แค่ที่Look ลองมองแก่นข้างในผู้หญิงที่ดูLook แรงๆก็ทำบุญเป็นแม้กระทั่งโจรก็ทำบุญเป็นวันนี้ใครจะตัดสินเอมมี่ยังไงไม่สำคัญเวลาจะทำให้คนเปลี่ยนความคิดไปเอง…”

และก่อนจากกันในวันนี้ เอมมี่ อมลวรรณ คนนี้ก็ได้ทิ้งท้ายบทสรุปที่เธอได้เรียนรู้จากทุกกระแสหลังมีดหมอ หลังหยดหมึกข่าวฉาวในหนังสือพิมพ์ หลังกล้องและแสงไฟของวงการบันเทิง จนทำให้เธอเดินทางมาถึงวันนี้ วันที่โอบกอบทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีที่เข้ามาหาเธอได้อย่างภาคภูมิว่า

“…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันไม่มีผลอะไรกับเราอีกแล้วเราแข็งแรงขึ้นเมื่อก่อนเราไม่มีสติตอนนี้เราโตขึ้นเรามีสติมากขึ้นเราคิดได้ว่ามันควรเป็นไปในแนวทางไหน…”

ขอขอบคุณสถานที่ : Daradaily

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0