“เด็กหนีออกจากบ้าน” เพราะตัวเด็ก? หรือผู้ใหญ่เองที่ไม่ดี!
“เด็กหาย” เป็นปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยจนดูเหมือนจะชินชากันไปแล้ว ล่าสุดกับเรื่องราวเด็กสาววัย 14 หายตัวปริศนา จนกระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พบตัวเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับความจริงที่ถูกเปิดเผยว่า “เด็กหนีออกจากบ้าน”
จากกรณี “เด็กหนีออกจากบ้าน” อาจดูเหมือนว่าเด็กเป็นคนสร้างปัญหา ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ผู้ปกครอง และตัดสินใจหนีปัญหาออกจากบ้านไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่หากตั้งคำถามถึงต้นตอของปัญหา เราก็คงจะโทษแต่เพียงเด็กฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะถ้า“ที่บ้าน” ให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเด็กก็คงไม่หนีออกไปใช้ชีวิตเองข้างนอก
มูลนิธิกระจกเงา ได้เปิดเผยสถิติเด็กหายประจำปี 2561 พบว่า จำนวนเด็กที่หายตัวไปมีมากถึง 310 คนในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเด็กช่วงวัยรุ่นตอนต้น อายุเฉลี่ย 13-15 ปี และเป็นเด็กหญิงที่หายตัวออกจากบ้านมากกว่าเด็กชายถึง 3 เท่า ซึ่งตัวเลขเฉลี่ยตลอดทั้งปีนั้น ก็เรียกได้ว่า มีเด็กหายเกือบจะทุกวันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือ กว่า77% ของเด็กที่หายตัวไปนั้นคือ“เด็กสมัครใจหนีออกจากบ้านเอง”
“พญ.มธุรดาสุวรรณโพธิ์” ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวถึงสาเหตุที่เด็กตัดสินใจหายออกจากบ้านว่า "เขาอยู่บ้านแล้วไม่มีความสุข" เด็กก็จะเริ่มเก็บตัว ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนในบ้าน เริ่มหาที่พึ่งอื่น ๆ เช่น เพื่อน หรือคนในโลกออนไลน์ที่เพิ่งรู้จัก มีอาการติดเกม และเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายขึ้น ดังนั้น พ่อแม่ต้องรู้ความต้องการของเด็กแต่ละช่วงวัยเพื่อช่วยให้เขาไม่คิดหนีออกจากบ้านได้
อีกหนึ่งสาเหตุของเรื่องนี้ที่มองข้ามไม่ได้ “นายมนตรีสินทวีชัย” (ครูยุ่น) ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าวว่า หลายครั้งปัญหาภายในครอบครัวก็ถูกแทรกแซงจากผู้ใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวกลายเป็นว่า คนอื่นดูเหมือนจะรู้เรื่องราวของลูกหลานเรามากกว่าคนในบ้าน พยายามจะเป็นคนดีโดยใช้จุดอ่อนของเด็กในขณะที่เขากำลังมีปัญหาพูดจากระทบกระเทือนจิตใจ นำไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น หรืออาจจะหว่านล้อมให้เด็กตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งเด็กไม่มีทางจะรู้ทันผู้ใหญ่เหล่านี้
“รศ.นพ.สุริยเดวทรีปาตี” กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น และผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ได้เสนอแนะแนวทางการป้องกันปัญหาเด็กหนีออกจากบ้านว่า การรับฟังอย่างเปิดใจถึงความคิดและความรู้สึกของเด็ก เป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้ใหญ่ หรือเรียกได้ว่า ผู้ปกครองต้องเป็นผู้ฟังที่ดีและช่วยเยียวยาสภาวะทางจิตใจของเด็กด้วยภาษาที่เป็นบวก
“นายเอกลักษณ์หลุ่มชมแข” หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ได้เคยแสดงมุมมองในประเด็นนี้ไว้ว่า การหนีออกจากบ้านครั้งแรกนั้น เด็กจะมีความกังวลในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่จะมีความกังวลเรื่องเพศ แต่เมื่อเด็กหนึ่งคนเกิดการหายซ้ำ เด็กจะรู้สึกไม่กลัวโลกมืดนอกบ้าน เพราะเขารู้สึกถึงความอิสระ และรู้ว่าสามารถเอาตัวรอดได้
เพราะฉะนั้นก็ต้องฝากถามไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองว่า “เมื่อเด็กหายและได้ลูกกลับคืนมาท่านได้กลับไปแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาแล้วหรือยัง?”
แหล่งข้อมูล
รายการคมชัดลึก ออกอากาศวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562