โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เรื่องฉาวเบาสมองของ COVID-19 - เพจวันนี้ชั้นติ่งอะไร

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 23 มี.ค. 2563 เวลา 17.05 น. • เพจวันนี้ชั้นติ่งอะไร

ในโลกที่ COVID-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วนี้ หนึ่งในหัวข้อที่เป็นที่สนใจ คือไวรัส COVID-19 มาจากไหนกันแน่

จากเหตุสวดมนต์ไล่ COVID-19 ในประเทศต่าง ๆ คงไม่น่าแปลกหากหลายคนมองว่ามันมากับกรรมเก่า บางคนเชื่อเรื่องการทดลองผิดพลาดของนักวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงมองว่ามันถูกปล่อยจากอวกาศหรือหลุดจากต่างดาว เรียกได้ว่าเล่าลือต่าง ๆ นานา จนหาข้อเท็จจริงยากเต็มที

และทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy) ที่ผู้คนเชื่อกันมาก เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่า “COVID-19 แท้จริงคืออาวุธชีวภาพ” ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งผลิตขึ้น

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ข่าวลือทำนองนี้ แทบจะหลุดจากทำเนียบขาว-จตุรัสเทียนอันเหมินเอง กลายเป็นการตบตีระดับผู้นำโลกอย่างน่าตื่นตะลึง

เรามาค่อย ๆ ย้อนรอยและหาความจริงไปด้วยกันค่ะ

………………………………………………………

กลางธันวาคม 2019 ประเทศจีนเริ่มพบความผิดปกติบางอย่าง เกี่ยวกับผู้ป่วยปอดอักเสบหาสาเหตุไม่ได้กลุ่มหนึ่ง จากนั้นไม่นาน จีนตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน และแจ้ง WHO เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทันที

10 มกราคม 2020 รัฐบาลจีนก็ส่ง Genome Sequencing (รหัสพันธุกรรม) ของไวรัสชนิดใหม่ดังกล่าว แก่ WHO และนานาประเทศ พร้อมข้อมูลตามรอยการระบาด ที่ย้อนไปถึงการเปิบพิสดาร กินค้างคาว กินงูจากตลาดของป่าในเมืองอู่ฮั่น 

แม้ฉากหน้าหลายประเทศชื่นชมจีนเรื่องการจัดการอันรวดเร็ว โดยเฉพาะการปิดประเทศ แต่ฉากหลังชาวโลกบางส่วนเริ่มก่นด่าชาวอู่ฮั่น ที่มีรสนิยมพิสดารชอบทานของป่า เป็นคลื่นใต้น้ำที่ซัดสาดไปมา ระหว่างกำลังใจที่ไหลหลั่ง กับความเกลียดชังที่ถาโถม

ในช่วงแรกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถึงกับกล่าวสรรเสริฐประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่จัดการการระบาดอย่างเด็ดขาด แต่จากนั้นไม่นาน ก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อกัน

ปลายเดือนมกราคม เริ่มมีข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ อ้างว่าไวรัสดังกล่าว เป็นไวรัสที่จีนสร้างเพื่อทำลายคู่อริทางการค้า แต่เกิดหลุดรอดออกมา กลายเป็นข่าวลือที่ว่อนทั่วอินเทอร์เน็ต

ในขณะนั้นเอง นพ.จงหนานซาน (Zhong Nanshan) แพทย์อาวุโสผู้ค้นพบไวรัสซาส์ (SARS) ก็ออกมาให้ความเห็นว่า “ไวรัสดังกล่าวถูกค้นพบที่จีน แต่ไม่ได้หมายความว่าเกิดที่จีน”

อันที่จริงคุณหมออาจออกมาให้ความเห็นตามประสาผู้เชี่ยวชาญ แต่ในเมื่อออกมาในเวลาพอดิบพอดี ก็เหมือนระฆังตีเริ่มการแข่งขัน 

จากนั้นจีนกับสหรัฐฯ ก็เริ่มสงครามน้ำลายทันที

รักร้าวระหว่างสีและทรัมป์ (Credit: REUTERS/Kevin Lamarque)
รักร้าวระหว่างสีและทรัมป์ (Credit: REUTERS/Kevin Lamarque)

เชื่อกันว่าทรัมป์เริ่มสงครามการค้า มิใช่เพราะต้องการผลประโยชน์ด้านการเงิน แต่เพราะต้องการผลด้านการเมืองเป็นสำคัญ ทั้งการยืนหยัดในฐานะมหาอำนาจโลก และการช่วงชิงฐานเสียงในประเทศ เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งในปี 2020

เดิมทีเชื่อกันว่า หากทรัมป์เปิดสงครามการค้า แม้จีนจะก้าวหน้าขึ้นมากจากอดีต แต่ก็ไม่อาจต้านทานความเสียหายจากสงครามดังกล่าวได้ ย่อมต้องพ่ายแพ้ไป พร้อมคะแนนนิยมของโดนัลด์ ทรัมป์จะเพิ่มพูนขึ้น หากแต่แผนการทั้งหมดกลับย่อยยับ หลังจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นกำแพงภาษี เฉพาะผลผลิตสำคัญจากรัฐที่เลือกทรัมป์เท่านั้น เป็นการตอบโต้ที่แม้ไม่ดุดันแต่ชาญฉลาดยิ่ง

หลายฝ่ายมองว่า ทรัมป์แม้ไม่แพ้แต่ถือว่าเพลี่ยงพล้ำ นำไปสู่ฐานเสียงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ COVID-19 นี้ อาจเป็นโอกาสอันดี ในการเรียกคะแนนนิยมคืนมา

หลัง นพ.จงหนานซาน กล่าวเช่นนั้น ก็ปรากฏวุฒิสมาชิก Tom Cotton แห่งสหรัฐฯ กล่าวถึง COVID-19 เป็นระยะด้วยคำเรียกทำนองว่า “ไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น” (the Wuhan coronavirus) พร้อม ๆ กับกล่าวถึงห้องแล็บชีวภาพระดับสูงของจีน

ห้องแล็บแห่งนี้เป็นแล็บระดับสูง ที่ต้องการการรักษาความปลอดภัยถึงระดับ 4 (BSL4) หมายความว่าในห้องแล็บนี้มีไวรัสอีโบล่า ไปจนถึงโคโรน่าดุ ๆ หลายสายพันธุ์

ที่สำคัญมันตั้งอยู่ในอู่ฮั่นเสียด้วย !

เรื่องโคมลอยนี้ยิ่งเข้มข้นขึ้น เมื่อหลังเกิดเหตุระบาด สีจิ้นผิง สั่งยกระดับการรักษาความปลอดภัยของห้องแล็บชีวภาพ ส่งให้ Steve W. Mosher กูรูระดับซือแป๋ของเหล่าแอนตี้แฟนจีน ออกมาสาดสีเต็มที่ ว่าไวรัสที่ว่าเนี่ย มันหลุดจากห้องแล็ปที่อู่ฮั่นชัวร์ ๆ

กระแสสังคมดังกล่าวยิ่งส่งให้ทรัมป์เล่นแง่กับจีนยิ่งขึ้น ทั้งการใช้คำในประกาศและวิธีการพูด ราวส่งสัญญาณกล่าวหาท้าทาย นำไปสู่การตอบโต้จากปักกิ่งที่เผ็ดร้อนไม่แพ้กัน

เดือนที่ผ่านมา เริ่มมีข่าวซุบซิบนินทาระบาดไปทั่วเวยป๋อ 

ก็ห้องแล็ปชีวภาพแบบที่อู่ฮั่นโดนกล่าวหา ใช่ว่ามีที่เดียวซะที่ไหน ! 

สิงหาคม 2019 ห้องแล็บชีวภาพระดับ BSL4 ของ Fort Detrix ในสหรัฐฯ ถูกปิดและลดระดับจากปัญหามาตรฐานความปลอดภัย แถมลือกันว่ามีเชื้อหลุดออกไป ก่อนที่ไม่ถึงเดือนจากนั้น กลับเกิดการระบาดของปอดอักเสบไข้หวัดใหญ่ จนมีคนตายนับหมื่นคนในสหรัฐอเมริกา

ไม่เท่านั้น ชั่วไม่นานหลังการระบาดในสหรัฐฯ อู่ฮั่นก็จัดการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ ในจำนวนนั้นมีทีมทหารจากสหรัฐฯ เข้าร่วมชิงชัย และนั่นคือตุลาคม 2019 เพียงเดือนกับอีกนิดเดียวก่อนผู้ป่วย COVID-19 คนแรกจะมีอาการ

นั่นนำไปสู่ทฤษฎีสมคบคิดจากอีกฟาก หรือแท้จริงแล้วกลับเป็นสหรัฐฯ ที่ปล่อยไวรัสมาเสียเอง !

เจ้าลี่เจียน (Credit: AP/Andy Wong via CNN)
เจ้าลี่เจียน (Credit: AP/Andy Wong via CNN)

ข้อกล่าวหานี้ถูกขมวดตึงหลังนายเจ้าลี่เจียน (Zhao Lijian) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ทวิตถามหาความจริงเรื่องไวรัส และขอความรับผิดชอบจากสหรัฐฯ อย่างดุเดือด ก่อนจะรีทวิตเหตุการณ์ดี ๆ ที่จีนเข้าช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ อย่างรัว ๆ คล้ายกลัวทรัมป์ไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น

ข้างฝ่ายวอชิงตันเจอปักกิ่งลูบคมขนาดนั้นก็ยิ่งตอบโต้ สาดน้ำลายกันไปมาผ่านช่องทางต่าง ๆ เป็นที่ครึกโครมโจษจัน

แต่ความจริงเป็นอย่างไร กลับไม่มีคนสนใจนัก

กลางเดือนที่ผ่านมา ที่สุดนักวิทยาศาสตร์ก็ตีพิมพ์ผลการวิจัยสำคัญ COVID-19 ที่ว่านั้น เมื่อถูกวิเคราะห์รหัสพันธุกรรม กลับพบว่า Back Bone หรือรหัสพันธุกรรมสายหลักของมัน “ไม่เหมือนใครนัก” ในวงโคโรน่า

มนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า เมื่อต้องการสร้างไวรัสชนิดใหม่ ย่อมไม่อาจสร้างได้จากความว่างเปล่า อาวุธชีวภาพที่เกิดจากการดัดแปลงพันธุกรรม ย่อมมีรหัสพันธุกรรมสายหลักที่เหมือนกับไวรัสตัวต้นแบบก่อนหน้า เพียงแต่ว่าอาจบิดรหัสพันธุกรรมบางส่วนให้แตกต่างออกไป

เมื่อ COVID-19 ไม่เหมือนใคร ย่อมหมายความว่า “มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแน่นอน”

ส่วนเรื่องยกเมฆที่ระดับผู้นำประเทศสาดใส่กันในรูปแบบต่าง ๆ ล้วนเป็นเรื่อง (เกือบ) ไร้สาระทั้งสิ้น

นักวิชาการตลอดจนพลเมืองอาวุโสของทั้งสองฝ่าย ต่างผลัดกันออกมาแสดงความห่วยใย เพราะไม่ว่าสงครามน้ำลายจะเป็นเช่นไรต่อไป ก็มิได้เกิดประโยชน์อันใดต่อประชาคมโลกเลย นอกจากผลประโยชน์ด้านการเมืองส่วนตัวก็เท่านั้น

…………………………………………………………

ทว่า ข่าวลือทั้งหลายจะว่าโคมลอยทั้งหมดก็ไม่ใช่ 

ย้อนกลับไปช่วงกลางปี 2019 เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐฯ กระทั่งมีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน 

หนึ่งในคลิปที่เจ้าลี่เจียนโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ เป็นคลิปที่ประธาน CDC (องค์กรกลางด้านโรคติดเชื้อของโลก) กำลังตอบคำถาม

เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในหมู่ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ตายไป มีผู้ป่วยที่ตายจาก COVID-19 (ก่อนระบาดที่จีน) ซ่อนอยู่

ประธาน CDC กล่าวเพียงว่า ตามแนวการรักษาปกติ จะเน้นตรวจด้วยชุดตรวจไข้หวัดใหญ่ ผู้ถามจึงถามต่อไป หากเขาไม่ถูกตรวจเลย ก็มีโอกาสที่แท้จริงแล้วจะเป็น COVID-19

ประธาน CDC ตอบว่า'ใช่' 

ผู้ถามจึงถามต่อไป แล้วศพของคนที่ตายไป มีการตรวจสอบอย่างไรว่าใช่ไข้หวัดใหญ่จริง

ประธาน CDC ตอบว่ามีระบบเฝ้าระวังอยู่ แต่ไม่ใช่ทุกรัฐจะมี

ผู้ถามจึงถามซ้ำว่า เช่นนั้นแล้วอาจมีผู้ตายจากไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่แท้จริงแล้วตายจาก COVID-19 

ประธาน CDC ตอบว่า ก็คงมีบางเคสที่วินิจฉัยเช่นนั้น

คลิปของ CDC และ Tweet อันร้อนระอุของเจ้าลี่เจียน
คลิปของ CDC และ Tweet อันร้อนระอุของเจ้าลี่เจียน

 

ย้อนไปกันยายน 2012 เกิดการระบาดของ MERS-CoV ที่ซาอุดิอาระเบีย แต่เมื่อการระบาดจบลงและสืบย้อนกลับไป เรากลับพบเชื้อจากศพปอดอักเสบปริศนา ที่ตายในจอร์แดนตั้งแต่มีนาคม 2012

นั่นคือ ประเทศแรกที่พบ อาจไม่ใช่ประเทศแรกเกิด เพียงแต่ประเทศนั้นมีปัจจัยอันเหมาะสม ในการค้นพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ธรรมดาสามัญทั่วไป 

ที่อู่ฮั่นเมื่อแรกไวรัสแพร่กระจาย เชื่อกันมากว่ามาจากการกินพิสดารในตลาดของป่า แต่เมื่อสอบสวนอย่างละเอียดกลับพบว่า ผู้ป่วย COVID-19 ชุดแรกสุด มีถึง 13 คนจาก 41 คน ที่ไม่เคยย่างกรายไปตลาดดังกล่าว

และยิ่งไปกว่านั้น ผู้ป่วยรายแรกสุดที่เล่าลือกันว่ารับเชื้อจากการกินค้างคาว กลับไม่เคยไปตลาดของป่า และไม่เคยกินสัตว์ป่าดังว่า อย่างน้อยก็ในช่วง 1 เดือนก่อนหน้านั้นเลย

“ไวรัสดังกล่าวถูกค้นพบที่จีน แต่ไม่ได้หมายความว่าเกิดที่จีน” อาจเป็นจริงดังที่ นพ.จงหนานซาน กล่าวก็เป็นได้

………………………………………………………

จบกันไปแล้วกับเรื่องฉาวเบาสมองของ COVID-19 นะคะ ถ้าใครเล่นทวิตเตอร์ลองไปตามทวิตของคุณเจ้าลี่เจียนก็ได้ จะสัมผัสได้ถึงสงครามน้ำลายสไตล์ผู้นำประเทศแบบติดขอบจอ ช่วยให้เบาสมองลงไปเยอะเลยค่ะ

ติดตามบทความใหม่ ๆ จากเพจวันนี้ชั้นติ่งอะไรได้ทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่เพจวันนี้ชั้นติ่งอะไร 

อ้างอิง

1 | 2 | 3 | 4 | 5

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0