ถ้าพูดถึงเรื่องท่องเที่ยว แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ไปได้ แต่เที่ยวให้หลงทาง อันนี้น่าจะมีแค่เพจ ‘อาสาพาไปหลง’ นี่แหละที่ทำได้ เพจท่องเที่ยวฝีมือ ‘ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง’ นักร้องนักแต่งเพลงที่เรารู้จักกันดี สำหรับเขา การท่องเที่ยวคือการด้นสด ยิ่งมีแผนน้อยที่สุดยิ่งดี ยิ่งหลงยิ่งสนุก การเที่ยวแบบมั่ว ๆ นี่แหละที่เขาบอกว่ามันคือเสน่ห์ในการท่องโลกกว้างให้กว้างยิ่งขึ้นไปอีก
พูดเลยว่าไม่เคยเจอเพจไหนทุ่มทุนสร้างสรรค์คลิปวิดีโอเท่านี้มาก่อน ทั้งเพลงประกอบคลิปที่ว่านไฉแต่งเองกับมือ เสียงพากย์และมุกสุดฮาที่ดูไปขำไป เราเชื่อว่าหากใครหลงเข้าไปดูคลิป หลงเข้าไปฟังเพลง หลงเข้าไปอ่านคอนเทนต์ของเขาล่ะก็ คุณจะหลงรักแบบไม่รู้ตัวเลยแหละ
ทีมงานของ LINE TODAY ยกกองกันไปสัมภาษณ์ว่านถึงที่สตูดิโอของเขา ที่นี่คือสถานที่ต้นทางที่คลิปของ 'อาสาพาไปหลง' ถูกผลิตขึ้นและมีอายุได้แค่ 1 เดือน ก่อนที่ว่านจะมาถึง เราก็นั่งคุยกับทีมงานที่อยู่เบื้องหลังอีก 4 ชีวิตรอเวลาไปพลางๆ ได้ความว่าทุกคนมาอยู่ตรงนี้ด้วยแพชชั่นและการทำงานกับว่านก็เหมือนการทำงานแบบพี่น้องมากกว่าที่จะเป็นหัวหน้า-ลูกน้อง
เราคุยกับทุกคนได้สักพักเดียว ก็ได้ยินเสียงระบบคีย์การ์ดที่ประตูหน้าห้องถูกปลดล็อกพร้อมกับภาพว่านไฉที่เดินเข้ามาในออฟฟิศในสภาพที่ผมยังเปียกอยู่ เขาขอโทษเราใหญ่ที่มาสายกว่าเวลานัดถึงแม้มันจะเป็นเวลาไม่เกิน 10 นาทีก็ตาม "เหนื่อยจากการเดินทางไม่เท่าไหร่ แต่ประเสริฐเล่นงานผม" เจอประโยคแรกนี้เข้าไป เราก็รู้สึกได้เลยว่าการสัมภาษณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าต้องสนุกและไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน (คิดดูสิว่าใครจะยอมสารภาพเหตุผลว่ามาสายเล็กน้อยเพราะติดซีรี่ส์แบบหนุ่มคนนี้ล่ะ!) และนี่คือความประทับใจที่ LINE TODAY ขอเก็บมาฝาก ไปทำความรู้จักกับ 'ว่านไฉ อาสาพาไปหลง' พร้อมๆ กับเรากัน!
ทำไมต้อง ‘อาสาพาไปหลง’
"มันเกิดจากตัวเองเป็นคนเฉิ่มเบ๊อะ ซุ่มซ่าม ขี้ลืม ไปไหนก็ชอบหลง แต่ก็ยังชอบเที่ยวอยู่ดี พอตอนหลังได้มาทำเพจก็เลยรู้สึกว่ามันต้องมีความเป็นตัวเองอยู่ในนั้นด้วย บางทีการหลงมันก็ไม่ได้แย่เสมอไป การหลงมันจะพาเราไปเจออะไรใหม่ ๆ ที่เราไม่คาดคิดไว้ก่อน เหมือนได้เที่ยวลึกลงไปกว่าเดิม ก็เลยเป็นที่มาของ 'อาสาพาไปหลง'"
เสน่ห์ของการเที่ยวแบบด้นสด
"การเที่ยวแบบผิดแผนเราจะไม่ได้เจอแค่โตเกียวทาวเวอร์ หรือหอไอเฟล เราจะไม่ได้เจอแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่คนไปกันแล้วถ่ายรูปคู่ แต่การเดินหลงทางไปเจอตรอกซอกซอยประหลาด ๆ แบบที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน มันอาจทำให้เรารับรู้วัฒนธรรมบางอย่าง
สมมติเราเดินไปเจอคุณยายขายขนมบางอย่างอยู่ เราก็เข้าไปพูดคุยสอบถามว่าขนมนั้นคืออะไร สิ่งที่เราจะได้รู้ก็ หนึ่งคือชื่อของขนมนั้น สองก็คือวัฒนธรรม เขาพูดกับเรายังไง เขายิ้มแย้มหรือไม่ ลักษณะท่าทาง ความไนซ์ของคนแต่ละพื้นที่ยังไง ส่วนตัวเลยรู้สึกว่าการหลงทางไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าคุณมีเวลามากพอในการเตร็ดเตร่นะ นี่แหละคือเสน่ห์ของการเที่ยวแบบอิมโพรไวซ์"
ทริปที่หลงหนักที่สุด
"กล้าพูดเลยว่าทุกทริปนี่หลงตลอด ไม่มีอะไรตามแพลน 100% เลย แต่ว่าที่เละที่สุดคือญี่ปุ่นที่ไปมาล่าสุด พาสปอร์ตหาย! ทริปนี้พาทีมงานไปด้วย เหมือนไปทำงานแล้วก็เที่ยวด้วย แต่ทีมงานกลับก่อน เรากลับคนละไฟลท์ พอไปสนามบินกำลังเช็กอิน หาพาสปอร์ตไม่เจอ ก็คิดทบทวนว่าคงลืมอยู่ที่โรงแรม กลับไปดูก็หาไม่เจอ แถมตกเครื่องอีกต่างหาก ก็เลยไปแจ้งตำรวจ วุ่นวายมาก เพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แต่สุดท้ายก็เจอครับ อยู่ในกระเป๋านั่นแหละ! ตอนนั้นอัดคลิปไว้ด้วย คนดูเยอะกว่าคลิปที่ตั้งใจทำมาทั้งหมดอีกครับ (หัวเราะ)"
วัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ชอบ
"ถ้าพูดถึงการเที่ยวแบบสุขสบายก็คงเป็นญี่ปุ่น ทุกอย่างมันน่ารัก เพอเฟ็กต์ไปหมดเลย แต่ถ้าในแง่ของเกินความคาดหมาย ดีกว่าที่จินตนาการไว้ก็เป็นอินเดีย"
อินเดีย จาก ‘เกลียด’ เป็น ‘หลงรัก’
"อินเดียมีแค่สองคำให้คุณเลือกก็คือ รัก กับ เกลียดเรามักจะได้ยินคำว่าเกลียดอินเดียจากคนไทยบ่อยมาก ซึ่งตอนแรกเราก็มีความคิดแบบนั้นเหมือนกัน พอพูดถึงอินเดียจะนึกถึงความไร้ระเบียบ รวมถึงขี้ต่าง ๆ เช่น ขี้โกง ขี้เหนียว สกปรกอะไรแบบนี้ นั่นแปลว่าคุณยังไม่เคยไปอินเดียจริง ๆ ถ้าได้ไปนะ คุณก็จะเจอจริง ๆ! (หัวเราะ)
ตอนเราไปเที่ยวนิวเดลีเราก็เจอความโกลาหล รถติด ช้างม้าวัวควาย คนขี้โกงอะไรแบบที่เขาเล่ากันด้วย แต่พอไปถึงเลห์ ลาดัก ทุกอย่างมันเหมือนคนละประเทศ มันสวยงามไปหมด เจอภูมิประเทศที่ดีมาก ต่อให้เดินทางไปลำบากแค่ไหน พอไปถึงก็รักเลย แต่เรื่องที่ประทับใจจริง ๆ คือตอนที่กำลังเดินทางกลับไปอีกที่นึง ปรากฏว่าพี่ที่ไปด้วยเขาติดต่อรถนำเที่ยวไว้ เราก็คิดไว้เลยว่าต้องโดนโกงค่าโดยสารแน่ ๆ ก็เลยบ่นด่าและตั้งคำถามตลอดทาง แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเขาไม่ได้โกงเราเลยแม้แต่บาทเดียว แถมยังดูแล พาเราเที่ยวอย่างดีเลย
พอได้คุยกับลุงถึงได้รู้ว่า คนไทยเคยมีน้ำใจกับเขา ช่วยเหลือเขาตอนลำบาก พอได้เจอคนไทยที่อินเดียก็เลยอยากช่วยเหลือเป็นการตอบแทน เราก็โอ้โห! นี่เราเอาคนโกงเพียงคนเดียว มาตัดสินคนทั้งประเทศว่าอินเดียขี้โกง รู้ก็สึกว่าเราเป็นคนชั่วร้ายไปเลยแหละตอนนั้น นี่แหละจากความคิดที่ ‘เกลียดอินเดีย’ มันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคำว่า ‘รักอินเดีย’ ไปเลย"
ทริปที่ประทับใจที่สุด
"ถ้าในแง่ความสวยงามขอยกให้ไอซ์แลนด์ เพราะที่นั่นเป็นประเทศที่เป็น Reference ในการท่องเที่ยวของผม รายการของเราเริ่มจากหนังเรื่อง Secret life of Walter Mitty เป็นหนังที่พระเอกมีบุคลิกคล้ายเราเลย เห็นในหนังแล้วรู้สึกว่ามันเท่จังเลย พอได้ไปจริงก็สวยงามมาก อย่างเวลากลางวัน ภาพที่เห็นจะเป็นธรรมชาติกว้างใหญ่มาก สวยจนเกินจริง พอตกกลางคืน ถ้าที่อื่นจะเจอความมืด แต่ที่นี่มีแสงดาว แล้วข้าง ๆ แสงดาวมีแสงเหนือ มันดีจังเลย! เหมือนความรู้สึกที่เครียดมาทั้งชีวิตหายเป็นปลิดทิ้ง มีแต่ความประทับใจ อยากให้ลองไปเที่ยวกันดู แต่แพง! (หัวเราะ)"
ที่นี่ครั้งเดียวเกินพอ!
"เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจีน แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่ที่ที่ไปเนี่ยมันเดินทางลำบากประมาณนึง ที่อยากไปแค่ครั้งเดียวพอเพราะว่าจีนมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากกก เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ใหญ่โต เราคงเที่ยวไม่หมดแน่ ๆ เพราะฉะนั้นไปที่ละครั้ง เพื่อจะไปเก็บที่อื่นต่อให้หมดก็น่าจะดีกว่า"
Dream destination ก่อนตายต้องได้ไป
"กรีนแลนด์ ก็เป็นอีกที่ที่อยู่ในเรื่อง Secret life of Walter Mitty มันเป็นประเทศที่ใหญ่แต่ประชากรน้อยมาก ถ้าคิดว่าไอซ์แลนด์สวยแล้ว แต่กรีนแลนด์จะสวยยิ่งกว่านั้นอีก แต่ที่ยังไม่ได้ไปเพราะศึกษาแล้วไปยากมาก ต้องมีเวลาเยอะพอสมควรด้วย"
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือกฎเหล็กเวลาเดินทาง
"เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็คือต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เป็นกฎเหล็กเลยสำหรับผม เวลาไปต่างบ้านต่างเมือง วัฒนธรรมของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องทำความเข้าใจ ต้องศึกษาก่อนว่าสิ่งที่ไหนทำในประเทศนั้นแล้วไม่เหมาะไม่ควร ก็อย่าทำ การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เลยสำคัญมากสำหรับเรา
อย่างตอนไปญี่ปุ่น มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนนึงจะไปเข้าห้องน้ำ เราก็ถามขำ ๆ ประมาณว่า เห้ย ไปขี้เหรอวะ กลายเป็นว่ามันผิดมาก ไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับผู้หญิงญี่ปุ่น ไม่งั้นเราจะกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีทันที แต่ตอนนั้นเราไม่รู้มาก่อนเลยถามไปแบบนั้น นี่ก็เป็นตัวอย่างเลยว่าเราต้องทำการบ้านดี ๆ ก่อนไปเที่ยว แล้วมันจะสนุกขึ้น!"
ว่านเอาความเป็น 'นักแต่งเพลง' มาผสมในบทบาทของ 'นักเดินทาง' ผ่านเพลงประกอบคลิปที่แต่งใหม่ทุกครั้ง ไอเดียนี้มีจุดเริ่มต้น!
"เป็นเรื่องของลิขสิทธิ์เพลง ผมว่ามันสำคัญมากนะ คนส่วนมากในประเทศไทยไม่เข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การนำเพลงของคนอื่นมาใช้ประกอบคลิปส่วนตัวของเรา ถ้าเกิดคลิปมันดัง เกิดเป็นรายได้ขึ้นมา คุณไม่สงสารนักแต่งเพลงที่เขาคิดเพลงขึ้นมาเหรอ เขาไม่ได้อะไรเลยสักนิดนะ
เรื่องที่มันเกิดขึ้นเองกับเราก็มี ตอนที่ทำคลิปใหม่ ๆ เฟซบุ๊กก็เตือนว่า เพลงที่ใช้มันติดลิขสิทธิ์ ก็เลยเกิดไอเดียว่า ไหน ๆ ก็เป็นนักแต่งเพลงอยู่แล้ว ทำไมไม่ลองแต่งเองดู น่าจะสนุก แถมไม่มีใครมาจำกัดกรอบของเราอีกด้วย
กลายเป็นเพลงแรกคนชอบ เพลงต่อ ๆ มาฟีดแบ็กก็ดีมาก พอไปเที่ยว เสียงเพลง เนื้อร้อง ทำนองมันก็ดังขึ้นมาเองในหัวอัตโนมัติ ทั้งเพลงเมาดิบที่แต่งตอนไปมัลดีฟก็ฮิตมาก ตลกดี เป็นคลิปที่ทำเล่น ๆ แต่คนกดไลก์เพจจาก 5,000 ไลก์กลายเป็น 100,000 ไลก์ในวันรุ่งขึ้น! ทีนี้เริ่มกดดันแทน เราจะต้องทำรายการให้ดีขึ้นไปอีก จองตั๋วไปญี่ปุ่น ทริปนี้แต่งเพลงรักสัตว์ คนก็ชอบอีก กลายเป็น 200,000 ไลก์ หลังจากนั้นก็ทำแบบนี้มาตลอด"
ความเหมือนกันระหว่าง ‘นักเดินทาง’ กับ ’นักแต่งเพลง’
เหมือนกันที่ ‘ความอิสระ’ คือไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรก็ได้นะ แต่มันหมายถึงว่าคุณจะคิดยังไงให้เป็นตัวเองที่สุด คิดยังไงให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด ทั้งคู่เลยเหมือนกันในเรื่องนี้
เมื่อการท่องเที่ยวกลายเป็นอาชีพ
"มันมีคำนึงที่เพิ่งนึกออกเมื่อไม่นานมานี้ ‘ทุกอย่างที่เป็นงาน เครียดเสมอ’ ความใฝ่ฝันตอนเด็กคือโตขึ้นเป็นนักแต่งเพลง พอได้เป็นจริง ๆ เรากลับไม่อยากแต่งเพลงแบบที่มีข้อจำกัด สิ่งนั้นมันเลยเป็นเหมือนบทเรียน พอตอนนี้ได้ทำอาชีพใหม่ เส้นทางใหม่ เราเป็นนักท่องเที่ยวฟูลไทม์ ก็เลยพยายามทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเล่น ๆ พยายามไม่ซีเรียสกับมันเลย เพราะฉะนั้นการเที่ยวจะมีแพลนน้อยมาก มันก็เลยสนุก ไม่มีกรอบมาจำกัด ถ้าทุกอย่างไม่คาดหวัง คุณก็จะไม่ผิดหวังกับมัน สิ่งเดียวที่คาดหวังจากรายการ 'อาสาพาไปหลง' ก็คือรอยยิ้มของคนดู คนดูยิ้มง่าย เราก็ไม่เครียด
แน่นอนว่าการทำรายการต้องมีสปอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพื่อความอยู่รอด แต่ว่านไฉบอกว่า อาสาพาไปหลงมีแนวทางในการทำงานชัดเจน หากมีเรื่องสินค้าเข้ามาเกี่ยวข้องจะต้องไม่ลดทอนความเป็นอาสาพาไปหลงลงไปจนหมดสนุก 3 สิ่งที่ต้องมีในงานนั้นคือ 1. ความสนุกในการท่องเที่ยวแบบว่านไฉ 2. รอยยิ้มของคนดู และ 3. รอยยิ้มของลูกค้า ถ้าทั้งหมดสามารถผสมผสานกันได้ ทุกอย่างก็จะลงตัว แบบที่เขาบอกว่า ‘ยิ้มด้วยกันไปนาน ๆ แบบนี้ดีกว่า’ "
ประสบการณ์ท่องเที่ยวเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต
"คนเราเกิดมาพร้อมกับกรอบ และกรอบของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน อย่างเช่นคนไทยมักจะเติบโตมาพร้อมกรอบ แล้วแต่ว่าใครจะหนาจะบางแค่ไหน กรอบของเราเกิดขึ้นตอนทำงาน เป็นมิวสิคโปรดิวเซอร์ อาชีพในฝันเลย แต่พอได้ทำจริงมันเริ่มไม่สนุกแล้ว เพราะต้องทำงานแลกเงิน เราต้องคอยจับทางว่าเพลงแบบไหนถูกใจคนฟัง เพลงแบบไหนถูกใจลูกค้า กลายเป็นว่ากรอบมันเริ่มหนาขึ้น
ทำให้เราต้องหาประตูเปิดโลกใหม่ ๆ ซึ่งก็คือการเที่ยว ทำงานได้เงินมาก็เอาไปเที่ยว เที่ยวจนหนำใจก็กลับมาทำงาน จนเรารู้สึกว่าทุกครั้งที่ได้เที่ยวมันทำให้กรอบที่เรามีบางลงเรื่อย ๆ จนคิดได้ว่าควรทิ้งกรอบนี้ไปเลยดีกว่า ออกไปเที่ยวให้เกิดอะไรบางอย่างกับตัวเอง มันคงจะดีถ้าเราเป็นนักแต่งเพลงและเป็นนักท่องเที่ยวไปด้วย ตั้งแต่วันที่มีอาสาพาไปหลง เราเลยบัญญัติตัวเองว่า เราจะเป็นนักแต่งเพลงฟรีแลนซ์ และเป็นนักท่องเที่ยวฟูลไทม์ "
"เราอยากพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มันน่ารักหนักกว่าเดิม มันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากทั้งหมดนี้ไม่มีคนดู อยากให้ช่วยกันกดไลก์เพจ 'อาสาพาไปหลง' และ 'อาสาพาไปหลง Domestic' ที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าที่ท่องเที่ยวของบ้านเรา น่ารักที่สุดในโลก! ฝากไว้ด้วยนะครับ"
เรื่อง : nawa. | ภาพ : Count on Three | วิดีโอ : @mint.nisara
ความเห็น 7
ATHI
รายการโปรดเลย ชอบมาก แชร์ๆๆ แชร์เดะ
01 พ.ย. 2561 เวลา 14.48 น.
💠🌸ᴺᴬᴾᴴᴬᵀ°Ⓟᴮ🌸💠
😂😂😂😂😂 ชอบๆๆ เหมือนเราเลยค่ะ 555555
01 พ.ย. 2561 เวลา 22.17 น.
🐼🌸PaNdA💎6635
น่าลั๊ก😚😊☺️😙😉
02 พ.ย. 2561 เวลา 06.06 น.
🧡kit_kittichai💡🧡
ชอบเพลงเมาดิบมากเลยคับปม
02 พ.ย. 2561 เวลา 14.41 น.
baBa✨
หลงไหล หลงทาง หลงรัก ว้าว
เยี่ยมมากจ้าา^^
04 พ.ย. 2561 เวลา 22.55 น.
ดูทั้งหมด