คนเราเดี๋ยวนี้ความต้องการเยอะ บางคนไม่อยากแก่ บางคนไม่อยากตาย หรือบางคนขอตายก่อนจะแก่น่าดีกว่า
แต่เราก็เป็นแค่คน ๆ หนึ่งที่ต้องยอมรับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป มีเกิดก็ต้องมีแก่ มีเจ็บ และตายไป เป็นสัจธรรมที่แสนจะธรรมดาที่สุดในโลก
สิ่งที่เราควบคุมมันได้ก็มีแต่จิตใจและความคิดของเราเองเท่านั้น คิดว่าทุกข์ เราก็ทุกข์..แต่ถ้าคิดอยากจะสุข เราก็จะพาตัวเองไปมีความสุขให้ได้
เหมือนอย่างเรื่องจริงของคุณยายคนหนึ่งที่ป่วยสารพัดโรครุมเร้า ทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต จนต้องไปทักทายคุณหมอเป็นประจำทุกเดือน และบางเดือนก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งคุณยายก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีทีท่าเป็นทุกข์กับโรคภัยที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย ทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมคุณยายยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงใจ แม้ร่างกายจะเสื่อมถอยไปตามกาลเวลาก็ตาม
คุณยาย บอกว่า ปกติก็ไม่ค่อยเครียดกับโรคที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ ส่วนมากก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ โรคก็ส่วนโรค เราก็ส่วนเรา ถึงเวลาก็มาหาหมอ กินยาตามที่หมอสั่ง ในเมื่อโรคมันเกิดขึ้นมาแล้ว จะไปเครียด ไปกังวลกับมันตลอดเวลาก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก เพราะเราเองก็ไม่ได้ดูแลตัวเองตั้งแต่ต้น ก็ไม่แปลกที่จะป่วยโรคสารพัด จะทุกข์ไปก็ใช่ที่ สู้อยู่กับมันให้ได้อย่างที่เราสบายตัว สบายใจก็น่าจะดีกว่า
คำตอบของคุณยาย ทำเอาคนถามต้องอึ้งไปเหมือนกัน เพราะแม้จะไม่ได้มีโรคภัยไข้เจ็บ แต่ก็ทุกข์ร้อน เครียดกับสารพัดเรื่องยิ่งกว่าคุณยายเสียอีก โดยเฉพาะเรื่องไม่เรื่อง อย่างรถติด รถเมล์จอดไม่ตรงป้าย ไฟแดงนาน ก็ทำเอาโกรธได้แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง เครียดจนแทบจะบ้าตาย ทั้งที่มันก็แค่เรื่องนิดเดียวเมื่อเทียบกับเรื่องของคุณยาย แต่คุณยายกลับสบายตัว ใช้ชีวิตได้แบบไม่เป็นทุกข์ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคุณยายมีพลังชีวิตที่มากกว่าก็เป็นได้
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า “พลังชีวิต” คืออะไร พลังชีวิตก็คือ วิธีคิดนั่นเอง เมื่อใดก็ตามที่เจอปัญหา เจออุปสรรค แล้วเรามีวิธีคิดที่สามารถทำให้เดินไปข้างหน้าได้ก็แปลว่าเรามีพลังชีวิตที่สูง แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง นั่นก็หมายความว่าพลังชีวิตของเราได้ถดถอยลงเรื่อย ๆ
คนที่มีพลังชีวิตมาก ก็คือคนที่มีความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นการมีพลังชีวิตมากหรือน้อย จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ความเจ็บป่วยหรือโรคภัยใด ๆ เลย..คนแก่ก็มีพลังชีวิตมากได้ ส่วนคนหนุ่มสาวก็อาจมีพลังชีวิตที่น้อยได้เช่นกัน
บางคนอาจคิดว่าพลังชีวิต หรือก็คือวิธีคิดและความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข เป็นอะไรที่นามธรรมมากเสียจนจับต้องก็ไม่ได้ รู้สึกก็ไม่ได้ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว เมื่อเจอปัญหา..เราจะรู้สึกได้เองว่าค่าพลังชีวิตของเราอยู่ที่ระดับไหน แล้วพลังชีวิตสำคัญกับการดำเนินชีวิตของเราอย่างไร ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ เราก็จะไม่กลัวแก่ ไม่กลัวเจ็บ และไม่กลัวตาย
สุดท้ายแล้ว..จะดีแค่ไหนถ้ายิ่งแก่ พลังชีวิตก็ยิ่งเพิ่ม เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำให้อายุและพลังชีวิตเพิ่มขึ้นแบบสัมพันธ์กันได้ เราจะพบว่ายิ่งแก่ ก็ยิ่งมีความสุข
ความเห็น 19
ยุ
คุณยายน่ารักค่ะขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรงอยู่กับลูกหลานไปนานๆๆนะคะ
18 ต.ค. 2561 เวลา 15.19 น.
คุณยายน่ารักจุงเบย..จ้าา
18 ต.ค. 2561 เวลา 12.54 น.
ไม่ทุกข์ก็สุขแล้วยิ่งมองโลกในแง่ดียึดการไม่เบียดเบียนลัลล้าสดใสแน่นอนยินดีกับความสุขครับคุณยาย😊😊😊แต่ต้องระวังไอ้พวกไม่ทุกข์ก็สุขแล้วก็มันเล่นไม่สนโลกกรูจะทำของกรูอย่างนี้ใครเดือดร้อนกรูไม่สนเดี๋ยวนี้มีเยอะครับใกล้พวกนี้ต่อให้เป็นคนรวยก็ไม่ได้เป็นเสน่ห์กับตัวมีแต่เป็นเสนียดอยู่ห่างๆดีกว่า..😧😨😨
18 ต.ค. 2561 เวลา 18.33 น.
@...
การเจ็บป่วยอะไรนั้นไม่สำคัญเท่ากับการเจ็บป่วยทางจิตใจ.
18 ต.ค. 2561 เวลา 19.40 น.
Watcharapong
‘คิดบวกทำให้ชีวิตมีพลัง’ ถ้าสารพัดโรครุมตั้งแต่อายุน้อยมันก็ทุกข์น่าดู ยังไงก็ต้องคิดบวกมีความหวังต่อไป
18 ต.ค. 2561 เวลา 18.47 น.
ดูทั้งหมด