โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

พลิกโฉมวงการแฟชั่น จับตาเทรนด์เสื้อผ้ารักษ์โลกสุดล้ำ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

WWF-Thailand

เผยแพร่ 13 มิ.ย. 2562 เวลา 17.01 น.

ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจแฟชั่น โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นตามกระแสนิยม (Fast fashion) นั้นเป็นสิ่งที่สวนทางกับแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากกระบวนการผลิตที่เน้นสินค้าปริมาณมาก ภายในเวลาอันรวดเร็ว ที่นอกจากจะสร้างมลพิษต่อทรัพยากรธรรมชาติโดยตรงแล้ว ยังก่อให้เกิดขยะปริมาณมหาศาลอีกด้วย

*แต่จะเป็นอย่างไร หากวงการแฟชั่นเริ่มตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และลงมือแก้ไขกันอย่างจริงจัง ? *

หลายปีที่ผ่านมาแบรนด์ต่าง ๆ นั้นเริ่มตื่นตัวและหันมาให้ความสนใจกับแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนกันอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่นแบรนด์ Adidas และ H&M ที่ได้ออกมาประกาศวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน และแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปีค.ศ. 2015 นับเป็นก้าวสำคัญของวงการแฟชั่นในการหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม

*Futurecraft Loop จาก Adidas: ทางเลือกใหม่สำหรับนักวิ่งรักษ์โลก รองเท้าที่นำกลับไปรีไซเคิลได้ 100% *

ในปีค.ศ. 2015 Adidas และ Parley for the Oceans องค์กรด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล ได้ร่วมมือกันออกแบบและผลิตคอลเลคชั่นรองเท้ากีฬาและเสื้อผ้า ที่ทำมาจากขยะในท้องทะเล ซึ่งมียอดขายมากกว่า 1 ล้านคู่ พร้อมเดินหน้านโยบายลดใช้พลาสติกในกระบวนการผลิต จัดส่ง และจำหน่ายสินค้า ที่ทำให้ Adidas สามารถลดการใช้พลาสติกไปกว่า 40 ตันได้ภายในเพียงปีเดียว

ในปีนี้ Adidas ก็เตรียมเปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ “Futurecraft Loop” ภายใต้คอนเซปต์ “Made to be remade” รองเท้าที่สามารถนำกลับไปรีไซเคิล และเปลี่ยนให้กลายเป็นรองเท้าคู่ใหม่ได้

โดยปกติ รองเท้ากีฬาทั่วไปนั้นทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น เส้นใยสแปนเด็กซ์ และใยฝ้ายประกอบเข้าด้วยกันโดยใช้กาว จึงยากต่อการนำไปรีไซเคิล ในขณะที่ Futurecraft Loop นั้นจะทำจากวัสดุ thermoplastic polyurethane (TPU) เพียงชนิดเดียว และใช้ความร้อนแทนการใช้กาว

ด้วยกระบวนการผลิตที่พิเศษนี้ ลูกค้าจึงสามารถส่งคืนรองเท้าไปที่ Adidas ภายหลังการใช้งาน จากนั้น Adidas จะนำรองเท้าเข้าสู่กระบวนการอัด และหลอมด้วยความร้อน และแปรรูปเป็นวัสดุที่สามารถนำไปผลิตรองเท้า Futurecraft Loop คู่ใหม่ได้อนาคต ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ รวมถึงแนวคิด Zero waste ได้เป็นอย่างดี

*H&M กับโปรเจ็คท์เสื้อผ้าวินเทจ และเสื้อผ้ามือสอง *

ส่วน H&M แบรนด์เสื้อผ้า fast fashion ยักษ์ใหญ่จากสวีเดนนั้น ได้ปล่อยเสื้อผ้าคอลเลคชั่น “Conscious” ออกมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2015 เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุและเส้นใยออร์แกนิค ซึ่งล่าสุดนั้นได้รวมไปถึงใยสัปปะรด และเปลือกส้มอีกด้วย

ในปีนี้ H&M ก็ได้วางแผนโครงการใหม่ที่สะท้อนแนวคิดรักษ์โลก อย่างการเสนอนำสินค้าวินเทจจากคอลเลคชั่นเก่าของทางแบรนด์ที่ได้เคยผลิตไว้แล้วในอดีต รวมไปถึงสินค้าแบรนด์ H&M มือสองที่ผ่านการใช้งานแล้ว กลับมาวางจำหน่ายที่ร้าน เพื่อเน้นย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ตระหนักถึงปัญหามลพิษจาก fast fashion และสนับสนุนแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นอกจากปัญหาด้านมลพิษที่เกิดจากกระบวนการผลิตสินค้าเหล่านี้แล้ว ปัญหาด้านจริยธรรม โดยเฉพาะการใช้แรงงานคนงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ก็เป็นอีกประเด็นที่คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหานี้ H&M จึงได้เตรียมติดตั้งระบบที่ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดของสินค้าว่ามีกระบวนการผลิตเช่นไร จากที่ไหนได้อีกด้วย

นี่อาจเป็นเพียงก้าวแรกของวงการแฟชั่นในการหันมาผลิตสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง แทนการเน้นปริมาณการผลิต ซึ่งสร้างขยะกว่า 10 ล้านตันต่อปีไว้ให้แก่โลกใบนี้ โดยในแต่ละปีอุตสาหกรรมเสื้อผ้าได้สร้างมลภาวะมากเป็นอันดับ 2 รองจากธุรกิจน้ำมันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีเราทุกคนต้องไม่ลืมว่าแท้จริงแล้วขยะนั้นเกิดจากฝีมือมนุษย์ ดังนั้นการจะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้นได้จึงควรเริ่มต้นจากสองมือของเรา

WWF-ประเทศไทย จึงขอเป็นกระบอกเสียงให้ทุกท่านตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากขยะ โดยเฉพาะขยะแฟชั่น และขอเชิญชวนให้ทุกท่านหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการหันไปใช้แฟชั่นในแบบที่ใช้งานได้จริง คงทน ยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนการรีไซเคิล บริจาคเสื้อผ้าเก่า หรือส่งต่อให้ผู้อื่น แทนการนำไปทิ้ง เพื่อลดขยะ เพื่อตัวเรา และเพื่อโลกที่น่าอยู่ของเรา

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0