หลังจากศาลรัฐธรรมนูญไต้หวันประกาศออกมาแล้วว่าภายใน 2 ปีทางการไต้หวันจะออกกฎหมายฉบับใหม่ หรือแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันให้แล้วเสร็จ ซึ่งหากสำเร็จจะทำให้ไต้หวันเป็นประเทศแรกในเอเชียที่คู่รักเพศเดียวกันสามารถแต่งงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ข่าวนี้ทำให้ชาว LGBT หรือกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กส์ชวล และคนข้ามเพศในบ้านเราเริ่มมองเห็นหนทางที่จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันในประเทศไทยมากขึ้น
แต่เมื่อมองมาที่ประเทศในแถบอาเซียนบ้านใกล้เรือนเคียงไทย กลับพบว่านอกจากความรักของเพศเดียวกันจะไม่ได้รับการสนับสนุนแล้ว ยังถูกกีดกันอย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยรัฐบาลมาเลเซียเพิ่งจะมีโครงการสนับสนุนให้เยาวชนอายุ 13-24 ปี สร้างสรรค์คลิปวิดีโอที่มีเนื้อหา “กีดกันการรักเพศเดียวกัน” เพื่อแข่งขันชิงรางวัล รวมถึงมีกฎหมายว่าด้วยเรื่องรักร่วมเพศ มีโทษติดคุก 2-20 ปี และลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี ส่วนประเทศสิงคโปร์ที่มีกฎหมายกำหนดว่าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และผู้กระทำผิดต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี แม้ที่ผ่านมากฎหมายนี้จะไม่ค่อยถูกใช้มากนักก็ตาม
ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซีย ทางการท้องถิ่นบางแห่งยังคงเคร่งครัดกับการเอาผิดกรณีมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ซึ่งจะได้รับโทษต่อสาธารณชนและยังคงใช้กฎหมายอิสลามควบคู่ไปกับการใช้กฎหมายอาญาด้วย ส่วนเวียดนาม แม้จะใช้กฎหมายว่าด้วยการแต่งงานและครอบครัวฉบับปรับปรุงใหม่ ถึงจะยกเลิกการห้ามแต่งงานของคนเพศเดียวกัน แต่ก็ยังคงมาตราที่ระบุว่ารัฐจะไม่รับรองสถานะการแต่งงานระหว่างบุคคลเพศเดียวกัน ที่สำคัญกลุ่ม LGBT ในเวียดนามยังคงต้องเผชิญกับการถูกกีดกันจากสังคมอยู่เช่นเดิม(สถานการณ์ “สิทธิ LGBTQI” ในอาเซียนย่ำแย่)
จากกฎหมายและการต่อต้านของภาครัฐอย่างจริงจังของประเทศต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าบางประเทศในอาเซียนเอง อาจยังไม่ยอมรับและสนับสนุนกลุ่มคู่รักเพศเดียวกันอย่างแพร่หลายมากนัก โดยเฉพาะประเด็นทางด้านศาสนาที่อาจส่งผลกระทบกับความรักของชาว LGBTQI อยู่บ้าง ต่างจากประเทศฝั่งตะวันตกที่สนับสนุนและเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่จนทำให้มี 19 ประเทศที่คนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว
ก่อนหน้านี้ไทยคือประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่ผลักดันประเด็นนี้อย่างจริงจัง จนหลายคนคิดว่าไทยอาจเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีกฎหมายรองรับคู่รักเพศเดียวกันให้สามารถจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายได้ แต่ก็โดนไต้หวันแซงหน้าประกาศแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องไปเสียก่อน ซึ่งถ้าพูดในแง่ของเสียงสนับสนุนแล้ว เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่พร้อมผลักดันกฎหมายเพื่อความรักของคู่รักเพศเดียวกันอยู่แล้ว (สมควรหรือไม่? หากคู่รักเพศเดียวกันแต่งงานได้ในประเทศไทย) แต่ที่น่ากังวลก็คือบริบทของประเทศเพื่อนบ้านที่ต่อต้านคู่รักร่วมเพศอย่างจริงจัง จะถูกนำมาใช้อ้างอิงเพื่อผลักดันกฎหมายคู่ชีวิตของไทยหรือไม่
