‘หนูเสียใจมากเลย ที่ทำให้ทั้งสองคนกลับมารักกันเหมือนเดิมไม่ได้’
หนึ่งในนักเรียนจิตวิทยาที่นี่ บอกกับอาจารย์ที่ปรึกษา ถึงคนไข้คู่สามี-ภรรยาที่เธอเพิ่งใช้เวลาบำบัดมาสักพัก แต่อาจารย์กลับบอกว่า ‘ไม่ต้องเสียใจเลย’
.
หนึ่งข้อสำคัญที่เรารู้จากการเรียนจิตวิทยาความสัมพันธ์ที่นี่
ก็คือ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่กำลังอยู่ในช่วงบำบัดคู่รัก การที่เราทำให้เขา ‘กลับมารักกันเหมือนเดิม’ ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าเราเป็นนักบำบัดที่แย่ เพราะจริงๆ แล้ว หน้าที่ของเรา คือการทำให้คน 2 คนนั้น เข้าใจทั้งตัวเองและความสัมพันธ์ที่มีอยู่ให้มากที่สุด เพื่อจะได้ตกผลึกและตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตคู่/หรือไม่คู่ ต่อไปได้ด้วยตัวของคนไข้เอง
บางครั้ง หน้าที่ของเรา ก็คือการช่วยทั้งคู่ จัดการความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ เมื่อไม่มีกันและกันเหมือนเดิมแล้ว ให้ดีที่สุด
.
.
.
แต่จะว่าไปแล้ว ในตำราจิตวิทยาโบราณโดยดร.จอห์น ก็อตแมน ที่เขาเคลมว่าสามารถทำนายความเป็นไปได้ของคู่รักแม่นยำถึง 90% ว่าจะอยู่ต่อหรือบ๊ายบาย! เขาได้ทำการเก็บข้อมูลและศึกษาคู่รักทั้งหมด 3,000 คู่ โดยเป็นการเก็บข้อมูลเรื่อยๆ อย่างยาวนานมาก คู่ที่นานที่สุด คือเก็บข้อมูลมา 20 ปีเลยทีเดียว เขาได้ทำการศึกษาความแตกต่างในการสื่อสารระหว่างคู่รัก ของคู่รักที่ยังรักกันหวานชื่นและคู่ที่ต้องหย่าร้างจากกัน
.
.
.
ได้มาเป็นตำรา The Four Horsemen หรือชายขี่ม้าทั้ง 4
ชื่อนี้ เขาเปรียบเทียบจากพันธสัญญาใหม่ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ถึงความหายนะที่ชายขี่ม้าทั้ง 4 นี้นำมาสู่โลกมนุษย์; ชัยชนะ, สงคราม, ความหิวโหย, และความตาย เรียงตามลำดับ
ก็อตแมนก็เลยบอกว่า ระหว่างช่วงเวลาที่คู่สมรสเกิดปัญหาอยู่ มี 4 พฤติกรรมนี้แหละ ที่สามารถทำนายการหย่าร้างของทั้งคู่ได้แม่น 90% เลยทีเดียว
1) การวิพากวิจารณ์ (Criticism)
การพูดจาที่เหมารวมและกล่าวหาอีกฝ่าย เช่น ‘ผู้หญิงก็ชอบทำตัวแบบนี้ทั้งนั้นแหละ น่ารำคาญ!’ คือการโจมตีบุคลิกลักษณะของอีกฝ่าย แทนที่จะคุยดีๆ ถึงพฤติกรรมแต่ละอย่างที่เราไม่ชอบในตัวเขา การเอาแต่บอกว่า ‘เธอๆๆๆๆๆ น่ะ!’ แทนที่จะพูดดีๆ ให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า
‘ฉัน’รู้สึกอย่างไร
‘ฉัน’ต้องการอะไร
2) ความร้อนตัว (Defensiveness)
รู้สึกจำเป็นที่ต้องป้องกันตัวเพราะโดนกล่าวหา หรือใช้ความโกรธ/ความน่าสงสารทำเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อในความสัมพันธ์นี้ มันแก้ปัญหาการสื่อสารที่ไม่ตรงใจนี้ไม่ได้หรอก มันเหมือนเป็นการโยนความผิดไปให้อีกฝ่ายซะด้วยซ้ำ เหมือนเราแค่ต้องการให้เขาไปไกลๆ ก่อน หยุดพูดเรื่องปัญหานี้ได้แล้ว นั่นเอง
3) การเมินเฉย (Stonewalling)
ฟังแบบหูซ้ายทะลุหูขวาโดยไม่เก็บเอามาใส่ใจคิดต่อใดๆ ไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาใดๆ บางครั้งมันก็ทำให้อีกฝ่ายดีขึ้นได้เพราะชอบที่ไม่ได้มีการตอบโต้ กระทบกระทั่งใดๆ แต่ถ้ามีใครเมินเฉยเวลาเกิดปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ปัญหาที่มีอยู่ มันก็จะไม่ได้แก้ มันกลับกลายเป็น เออๆๆๆ ทำเป็นลืมไปๆๆ ช่างเหอะขี้เกียจคุยๆๆๆ ก็จะเป็นความสัมพันธ์ที่ เหมือนมีหนึ่งคนที่ต้องคุยกับกำแพงตลอดเวลาโดยไม่ได้รับการตอบกลับ… แล้วมันจะไปรอดได้ยังไง
4) การดูถูก (Contempt)
เขาบอกว่า ข้อนี้เป็นข้อที่ชัดที่สุดที่จะบอกได้เลยว่า สองคนนี้ ต่อไปหย่ากันแน่นอน
คือการคิดว่า ตัวเองดีกว่าและอยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย – เช่นภรรยาว่าสามีว่า ‘เธอน่ะมันโง่!’
พูดจาประชดประชัน ถากถาง ล้อเลียน (ไม่ใช่ล้อแบบที่ณเดชน์เรียกญาญ่าว่า อ้วน ด้วยความเอ็นดูนะ อันนี้ล้อเลียนให้เจ็บแสบ) หรือเป็นการกลอกตาบน การเล่นมุขแบบเสียดสี
แถมมีการศึกษาบอกมาอีกว่า คู่รักที่ชอบมีการดูถูกกันและกันไปมา มักเป็นโรคติดต่อกันทางร่างกาย เช่นโรคหวัด เป็นไข้ เพราะความเครียดจากการกระทำแบบนี้ มันค่อยๆ ทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกายเรา และร่างกายเรามันมหัศจรรย์ตรงที่ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย-ความคิด-จิตใจ มันเชื่อมต่อกันไปหมดเลย
เขาบอกว่าคู่รักที่มีความสุข การดูถูกไม่เคยโผล่เข้ามาในความสัมพันธ์ของพวกเขาเลย
.
.
.
วันนี้มาเล่าเรื่องความรักซะห่อเหี่ยวหัวใจเลย
อาทิตย์หน้า สัปดาห์แห่งวันวาเลนไทน์
เดี๋ยวมาเล่าเรื่องความรักที่ชุ่มชื่นหัวใจบ้างแล้วกันนะ
อ่านบทความใหม่จากเพจ Beautiful Madness by Mafuang ได้ทุกวันอังคารบน LINE TODAY
ความเห็น 6
Tickety-Boo!!!🐈
4 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น. ถ้าตราบใดที่ยัง"รัก"กัน เราทั้งคู่ยังสามารถปรับ จูน แก้ ในความผิดพลาดของอีกฝ่ายได้.
แต่มีอยู่สาเหตุนึง. ถ้าเกิดขึ้นแล้ว มันยากจะทำใจจริงๆ นั่นคือ การนอกใจ!!!
เพราะการนอกใจมันคือฝันร้ายของชีวิตคู่. มันได้ทำลายสิ่งที่สำคัญอีกอย่างนึงที่ตามมา คือ ความไว้ใจ!!!
ชีวิตก็คือชีวิต ชีวิตไม่ต้องซับซ้อนอะไรมากหรอก. ไม่รักก็บอกแต่อย่านอกใจ!!!
จำไว้นะคะ..ความลับไม่มีในโลก.
04 ก.พ. 2563 เวลา 13.57 น.
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ อย่าให้คำพูดของคนอื่นมามีอิทธิพลในการตัดสินของในการดำเนินชีวิตคู่ได้แค่นั้นก็พอ.
04 ก.พ. 2563 เวลา 22.39 น.
Apichart.S
คนเขียนคงไม่เคยโดนนอกใจ ถ้าโดนแล้วจะรู้ว่า 4 ข้อนี้มันยังพอรับได้นะ
05 ก.พ. 2563 เวลา 05.07 น.
Pichai
ความสัตย์ซื่อเป็นข้อสำคัญข้อหนึ่งในชีวิตรัก ไม่ว่าจะเป็นคู่สมรสหรือเป็นแฟนกัน
พระเจ้าก็เช่นกัน พระเจ้าทรงเป็นความรัก ต้องการความสัตย์ซื่อของพวกเราทุกๆคน. การที่มนุษย์กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือรูปเคารพหรือเทพเจ้า ก็เปรียบเสมือนเรานอกใจพระเจ้า
05 ก.พ. 2563 เวลา 03.39 น.
ขอบคุณ
เราแอบคิดว่าไม่มีอะไรยั่งยืนในทุกสรรพสิ่งเลย ความสุขในชีวิตตรรกะมันไม่ตายตัว อยู่และเข้าใจทั้งตัวเองและรอบตัวให้เป็น ศีล5 สำคัญมากก
10 ก.พ. 2563 เวลา 02.45 น.
ดูทั้งหมด