“ซอมบี้ครองใจ”
วงการภาพยนตร์ทั้งฝั่งเอเชียและต่างประเทศหรือแม้แต่ในบ้านเราเอง มักจะหยิบเค้าโครงของร่างไร้วิญญาณอย่าง ‘ซอมบี้’ มาเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องราวให้น่าสนใจ ถึงจะมาพร้อมกับความสยดสยองทุกรูปแบบทั้ง เลือดสาด กระดูกผิดรูปกับท่าเดินแปลก ๆ ก็ไม่สามารถทำให้คอหนังลุกหนีได้ แต่กลับติดตาม (จับผิด) วิธีเอาตัวรอดของตัวละคร ว่าจะจัดการกับวิกฤติซอมบี้คลั่งครั้งนี้เยี่ยงไร จะเป็นไปตามดั่งใจหวังหรือไม่ ??
จากกระแสหนังซอมบี้ที่ได้รับความนิยม ก็มาพร้อมกับการตั้งคำถามที่ว่าถ้าโลกของเราเกิดมีวิกฤติซอมบี้ไล่กัดผู้คนขึ้นมา จะมีวิธีรับมืออย่างไร LINE TODAY จึงได้รวบรวมวิธีเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้ แม้ในความเป็นจริงอาจเป็นไปไม่ได้ แต่ภาพยนตร์ที่เราได้ชมถือเป็นบทเรียนที่สามารถนำมาปรับใช้ จนอยู่รอดบนโลกใบนี้
คลิกอ่านบทความเพิ่มเติม
( ซอมบี้ระบาด!? เจาะลึกหนัง 'ซอมบี้' กับที่มาสุดสะเทือนใจ และเหตุผลที่ใครก็ชอบดู)
-อยู่เป็นกลุ่ม
‘คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย’ ท่องให้ขึ้นใจว่าอย่าอยู่คนเดียว อย่างน้อยมีเพื่อนร่วมคิดร่วมปรึกษาวางแผนจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นจะดีกว่า แม้เราสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ แต่วิกฤติเช่นนี้มีคนอยู่ข้างกายไว้จะดีกว่า ถึงจะไม่ใช่คนพิเศษ แต่อยู่ด้วยความผูกพันยังไงก็มีชีวิตรอดจนหลุดพ้นไปได้ และจำไว้อย่าไปไหนคนเดียว
-อยู่แต่ในห้อง
บางครั้งการปิดกั้นหรือขังตัวเองไว้ในห้องอาจเป็นสิ่งที่ดีในยามวิกฤติซอมบี้ เพราะถ้าเรามัวแต่วิ่งร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านรอบข้างคุณก็อาจกลายเป็นซอมบี้ได้ ด้วยเสียงที่คุณเปร่งตะโกนอาจเป็นชนวนเรียกให้มากัดและพังบ้านของคุณ ในทางที่ดีอยู่ห้องเงียบ ๆ และทำสัญลักษณ์ขอความช่วยเหลือ
-ไปห้างสรรพสินค้า
จากในหนังเราจะเห็นว่าบ้านเรือนส่วนใหญ่จะได้รับความเสียหายทั้งอาคาร รวมถึงอาหารที่ร่อยหรอเพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้กักตุนเนื่องด้วยเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นห้างสรรพสินค้าจึงเป็นคำตอบของการเข้าไปหลบภัย เพราะว่าภายในเต็มไปด้วยเครื่องอุปโภค บริโภค ครบครัน สามารถอยู่รอขอความช่วยเหลือได้เลย แต่ทว่าห้างสรรพสินค้านั้นไม่มีประตูปิดที่มิดชิดนะคิดให้ดี
-อย่าเล่นกับสัตว์
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำคนใจอ่อนได้นั้นคือ ‘สัตว์’ ในช่วงวิฤติเช่นนี้ถ้าเกิดพบเจออย่าเข้าไปเล่นด้วยเด็ดขาดเพราะอาจเป็นจุดกำเนิดของเชื้อไวรัสตัวใหม่ได้ โดยเฉพาะ ‘หนู’ ห่างได้ห่าง เพราะถือเป็นสัตว์ที่สะสมเชื้อโรคและเป็นปัญหาทางสาธารณสุขทั่วโลก ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อมายังมนุษย์ทางที่ดี ดูแต่ตา มืออย่าต้อง
-อย่าทำตัวน่ารำคาญ
เรื่องนิสัยของตัวบุคคลอาจเปลี่ยนได้ยาก ยิ่งเจอวิกฤติเช่นนี้อาจทำให้สติแตก จนเผลอทำนิสัยน่ารำคาญออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทางที่ดีถ้ายังอยากมีชีวิตรอดก็ทำตัวให้น่ารัก อย่าไปขัดขาใคร เพราะคุณอาจจะสู่ขิตด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง
-มีน้ำใจ
‘น้ําใจยิ่งให้ยิ่งได้’ การทำความดีไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาใดก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจกว้างขวางถือเป็นการสร้างมิตรไมตรีต่อกัน ถ้าคุณเกิดตกอยู่ในที่นั่งลำบาก จนไม่สามารถหาทางออกได้ คนเหล่านี้จะคอยช่วยเหลือคุณอย่างแน่นอน
-หาเพื่อนที่เป็นผู้นำ (ไม่เผด็จการ)
อย่างที่กล่าวในข้างต้นถึงการอยู่เป็นกลุ่มเพื่อนร่วมเดินทางเพื่อให้มีชีวิตรอด แต่ก็ต้องสังเกตเพื่อนของคุณด้วยเช่นกันว่ามีลักษณะเป็นผู้นำและสามารถให้คำปรึกษาตัดสินใจในยามที่เผชิญวิกฤต ถ้าเกิดพบว่าเพื่อนคุณมีลักษณะเผด็จการ คุณก็จงจำไว้ได้เลยว่า “ต้องระวังตัวเองเป็น 2 เท่า”
-อย่าติดโซเชียล
โลกโซเชียลทุกวันนี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบัน แต่ในห้วงเวลาคับขันเพื่อเอาชีวิตรอด ยอดไลก์ ยอดแชร์ ก็คงไม่จำเป็น ถึงจะทำให้ตัวคุณมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่วินาทีที่ต้องเอาตัวรอด สิ่งเหล่านี้ก็คงไม่จำเป็นและอาจเป็นตัวถ่วงในการหลบหนี เอาเป็นว่าเก็บภาพพอเป็นพิธีเพื่อเก็บหลักฐาน
-สติ
ปิดท้ายกับคำว่า ‘สติ’ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการดําเนินชีวิต ซึ่งทําให้เรารู้จักคิด รู้จักยับยั้งชั่งใจสามารถตัดสินใจในยามที่เจอวิกฤต อย่าตื่นกลัว ควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ด้วยความ สุขุม รอบคอบ
ทั้ง 9 วิธีข้างต้นที่กล่าวมาเป็นเพียงแนวทางที่สามารถทำให้เรามีชีวิตรอดและฝ่าฟันกับฝูงซอมบี้ได้ หรือจะนำไปปรับใช้กับวิกฤตต่าง ๆ และที่สำคัญการมีสติคือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่การ คิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ แม้เจออุปสรรคหนักหนาเพียงใด คุณก็ยังคงมีชีวิตรอด