โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ม.มหิดล ค้นพบโรคเส้นประสาทตาอักเสบชนิดใหม่ครั้งแรกของโลก

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 27 มี.ค. 2566 เวลา 10.08 น. • เผยแพร่ 27 มี.ค. 2566 เวลา 08.21 น.
ภาพจาก Pixabay-newarta

มหิดลค้นพบโรคเส้นประสาทตาอักเสบชนิดใหม่-สาเหตุภูมิคุ้มกันผิดปกติในผู้ป่วย HIV พร้อมได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับโลก “Dove Press Journal”

วันที่ 27 มีนาคม 2566 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา จินดาหรา อาจารย์แพทย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมวิจัยซึ่งเป็นความร่วมมือภายในคณะ ระหว่างหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และภาควิชาจักษุวิทยา ในฐานะ “ปัญญาของแผ่นดิน” ค้นพบภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ และได้รับการพร้อมตีพิมพ์ตีพิมพ์ผลการค้นพบดังกล่าวแล้วในวารสารวิชาการระดับโลก “Dove Press Journal” ซึ่งอยู่ใน Top 1% ของโลก

โดยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยเส้นประสาทตาอักเสบของโรงพยาบาลรามาธิบดี อายุเฉลี่ย 45 ปี จำนวน 171 ราย มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี พบว่าสาเหตุของการอักเสบมีหลายชนิด แต่ละชนิดให้การรักษาแตกต่างกันไป

ภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ ที่ทีมวิจัยค้นพบครั้งแรกของโลกนี้มีชื่อว่า “แอนตี้โจวัน” (Anti-Jo1 Associated-optic Neuritis) ซึ่งมีลักษณะการอักเสบมากขึ้นเรื่อย ๆ จากตาข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง บางรายอาจใช้เวลานานหลายเดือน รักษาได้โดยการใช้สเตียรอยด์ และยากดภูมิเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โรคเส้นประสาทตาอักเสบ เป็นโรคที่เกิดขึ้นบริเวณเส้นประสาทที่เชื่อมต่อดวงตาและสมอง โดยมีอาการสายตาพร่ามัวในระยะแรกเริ่ม และแม้อุบัติการณ์ของโรคเส้นประสาทตาอักเสบ

ทั้งนี้ พบไม่ถึง 2 รายต่อประชากร 1 แสนราย แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุทำให้สูญเสียการมองเห็นในระยะรุนแรงได้

นอกจากนี้ทางทีมวิจัยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วย HIV ทำให้โลกแห่งวงการแพทย์ได้ประจักษ์ถึง “ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ” ของการมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น แต่อาจให้ผลที่ตรงกันข้าม เพื่อเพิ่มความเฝ้าระวังในผู้ป่วยโรคดังกล่าว

โดยทั่วไปผู้ป่วย HIV จะต้องดูแลตัวเองด้วยการตรวจสารภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรือ “CD4” (Cluster of Differentiation 4) ให้มีค่าคงที่ระหว่าง 500-600 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิลิตร จากการได้รับยาต้านไวรัส HIV อย่างสม่ำเสมอ

ในขณะที่จากการศึกษาในผู้ป่วย HIV โดยทีมวิจัยกลับพบว่า สาเหตุของการเกิดอาการแทรกซ้อนด้วยโรคเส้นประสาทตาอักเสบ ในผู้ป่วย HIV นอกจากจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อเนื่องด้วยภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงแล้ว แต่อาจเป็นได้จากกรณีที่ผู้ป่วย HIV มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นกว่าเดิมจนกลายเป็น “ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ” (Immune reconstitution inflammatory syndrome) ซึ่งสามารถรักษาตามอาการด้วยสเตียรอยด์พิจารณาใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีพยากรณ์โรคที่ดี

พร้อมกันนี้ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา แนะนำว่า หมั่นสังเกตอาการด้วยตนเองโดยใช้มือปิดดวงตาแต่ละข้าง แล้วทดลองอ่านหนังสือและมองสีต่าง ๆ เพื่อสังเกตศักยภาพในการมองเห็นว่าลดลงหรือไม่ พร้อมเปรียบเทียบดูความแตกต่างในการมองเห็นของดวงตาแต่ละข้างด้วย จะทำให้ทุกคนสามารถห่างไกลความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบในระยะรุนแรงได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...