นินเทนโดก่อตั้งขึ้นในปี 1889 เป็นบริษัทระดับโลกที่พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายของเล่นและเกมหลากหลายประเภท ที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักในฐานะของผู้สร้างตัวละครเกมยอดนิยมอย่าง “มาริโอ (Mario)” ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์ “The Super Mario Bros. Movie” ก็ได้รับผลตอบรับดีมาก ขนาดที่ทำให้ถูกจัดอันดับให้เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล
นินเทนโดกำหนดทิศทางของแบรนด์ไว้อย่างไร?
View this post on Instagram
ทุกคนรู้กันหรือไม่ว่าบริษัทนินเทนโดไม่ได้มีการกำหนดแนวทางของบริษัท? คุณซาโตรุ อิวาตะ (Satoru Iwata) อดีตประธานนินเทนโด เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “นินเทนโดจะไม่มีการกำหนดแนวทางหรือค่านิยมของบริษัท เพราะการ ไม่มี นี่แหละที่คือ ความเป็นนินเทนโด (Nintendo-ism) อย่างแท้จริง ถ้าบริษัททำงานตามแนวทางนั้น ๆ คนทำงานก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายได้”
หากเราสังเกตบนเว็บไซต์ของนินเทนโดดูดี ๆ ก็จะพบว่ามีระบุถึงเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า “ที่เราไม่ได้กำหนดแนวทางของบริษัทไว้แบบตายตัวก็เพื่อให้การบริหารจัดการธุรกิจนั้นเป็นไปอย่างยืดหยุ่น” ซึ่งก็อาจกล่าวได้ว่าหมายถึงนินเทนโดจะไม่ตีกรอบความคิดคนทำงาน และให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ ด้วยตวามตั้งใจที่จะมอบรอยยิ้มให้ผู้คนผ่านสื่อบันเทิง ภายใต้ความเป็น “เกมที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับของนินเทนโด” แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารย์ตามมาว่า “ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิงในรูปแบบไหนพอวันหนึ่งคนก็จะเบื่อไปเอง” แต่นินเทนโดก็ไม่หวั่น ยังคงยืนหยัดเดินหน้าสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ และบริการที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้คนทั่วโลกต่อไปเช่นเดิม
กลยุทธ์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
1. การออกแบบโลโก้
View this post on Instagram
โลโก้ของนินเทนโดนั้นนอกจากจะถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายและให้เข้าถึงได้ง่ายแล้ว การใช้สีแดง และสีขาวบนโลโก้นั้นยังทำให้รู้สึกถึงความเป็นกันเอง แต่ก็ยังสื่อให้เห็นถึงจิตวิญญาณของความเป็นนินเทนโดที่ต้องการสร้างผลิตภัฑณ์ที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่หลากหลาย โดยสีแดงแสดงถึง Passion และพลังงาน ในขณะที่สีขาวสื่อถึงความจริงใจและซื่อตรง จึงอาจกล่าวได้ว่าการเลือกใช้สีแบบนี้ก็เป็นการสะท้อนถึงตัวตนในความเป็นนินเทนโดได้ด้วยเช่นกัน
2. กลยุทธ์โลโก้เสียง
การทำให้คนได้รับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์ไม่เพียงแต่ทำได้โดยผ่านการมองเห็นเท่านั้น ทางเสียงก็ด้วยเช่นกัน เพราะเสียงเองก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนโลโก้หนึ่ง เรียกว่า “โลโก้เสียง” ซึ่งจริง ๆ แล้วในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของนินเทนโด ไม่ว่าจะเป็น Wii หรือNintendo Switch ก็ได้นำโลโก้เสียงมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว ใคร ๆ ก็คงคุ้นเคยกับเสียงคลิกใน Nintendo Switch เป็นอย่างดี ซึ่งเสียงนี้ถูกนำไปใช้ในโฆษณาตั้งแต่วันเปิดตัว แค่เพียงได้ยินเสียงนี้เท่านั้น ผู้คนก็สามารถจินตนาการถึงความสนุกสนานของเกมนี้ได้ทันที!
การพัฒนาเครื่องเกมเพื่อขยายฐานผู้เล่น
1. สร้างประวัติศาสตร์วงการเกมด้วยเครื่อง Family Computer
นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท นินเทนโดก็มีกลยุทธ์หลักโฟกัสไปที่การขยายฐานของผู้เล่นเกม โดยการที่ให้ผู้เล่นเกมได้สัมผัสถึงผลิตภัฑณ์ของนินเทนโด เช่นในปี 1983 มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Family Computer หรือที่คนไทยคุ้นหูกับชื่อเครื่อง ฟามิคอม (Famicom) นั่นเองค่ะ
View this post on Instagram
Super Mario Bros. และ Dragon Quest บนเครื่อง Famicom
การเปิดตัวของเครื่อง Famicom กลายเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของวงการเกมแห่งยุคเลยก็ว่าได้เพราะเจ้าเครื่องเกมนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงมาก ชนิดที่ร้านขายเกมในญี่ปุ่นตอนนั้นถูกเรียกว่าร้านฟามิคอมเลยทีเดียว และยิ่งบูมขึ้นไปอีกเมื่อมีการเปิดตัวเกมบนเครื่องทั้ง มาริโอ ในปี 1985 และ Dragon Quest ในปี 1986 สองซีรีส์เกมที่ทำยอดขายถล่มทลาย แม้แต่ในปี 2024 นี้ ชื่อของสองเกมดังกล่าวก็ยังคงโลดแล่นให้เห็นไม่หายไปไหน
2. การมาของเครื่องเกมพกพาอย่าง Game Boy
ในปี 1989 นินเทนโดได้เปิดตัวเครื่องเกมแบบพกพาในชื่อ Game Boy ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามด้วยยอดจำหน่ายถึง 12.4 ล้านชุดในญี่ปุ่น เกมยอดฮิตในตอนนั้นก็คือเกมต่อบล็อคที่ทุกคนต้องฮัมซาวน์ประกอบเกมได้อย่าง Tetris และก็ยังมีเกม Pokemon Red & Green ที่วางจำหน่ายในปี 1996 ที่ฮอตฮิตและสร้างชื่อให้แก่นินเทนโด
3. การพัฒนาที่ต่อยอดจากของเดิมให้ดีขึ้น
ตัวอย่าง เครื่อง Super Famicom
การพัฒนาของเครื่องเกมนินเทนโดไม่ได้หยุดอยู่จุดเดิม เพราะหลังจากความสำเร็จจาก Game Boy ทางบริษัทก็ได้มีการต่อยอดขึ้นมากมาย ทั้งการอัพเกรดเครื่อง Famicom มาเป็น Super Famicom ที่อัพ จากระบบ 8 bit มาเป็น 16 bit และต่อมาในปี 1996 ก็มีการเปิดตัวเครื่องเล่นที่รองรับระบบ 3D เครื่องแรกของบริษัทอย่าง Nintendo64 และได้เกิดเกมที่สร้างตำนานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Super Smash Bros., The Legend of Zelda: Ocarina of Time และ GoldenEye 007
ตัวอย่างเครื่อง Game Boy Advance
การพัฒนาเรื่อยมาจนถึงคิวของ Game Boy ที่อัพเกรดมาสู่ Game Boy Advance กับระบบที่รองรับผู้เล่นได้หลายคน ทำให้บริษัทนินเทนโดยิ่งได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้พัฒนาเครื่องเล่นเกมแบบพกพามากขึ้นไปอีก และในที่สุดปี 2001 เครื่อง Nintendo64 ก็ได้อัพเกรดขึ้นเช่นกัน โดยกลายมาเป็นเครื่อง GameCube ซึ่งมีเกมยอดนิยมอีกเช่นเคยกับเกม Pikmin และ Tales of Symphonia
ตัวอย่างเครื่อง Nintendo DS
พูดมาจนถึงจุดนี้แล้วต่อไปอาจจะเรียกได้ว่าเราเริ่มเข้ามาสู่นินเทนโดในยุคใหม่มากขึ้นแล้วค่ะ เพราะในปี 2004 นินเทนโดก็เปิดตัว Nintendo DS ซึ่งมาจาก Dual Screen เครื่องที่มี 2 จอพับได้ ทั้งแบบที่เป็นจอแสดงผลและจอแบบสัมผัสในเครื่องเดียว
การมามาของ Nintendo Ds ถือเป็นจุดกำเนิดของเกมสุดน่ารักซึ่งฮิตสุด ๆ ในช่วงโควิดกับเกม Animal Crossing: New Horizons รวมถึงเกมจากซีรีส์โปเกม่อนPokemon Diamond and Pearl อาจเรียกได้ว่า Nintendo DS ถือเป็นทิศทางที่ถูกต้องของบริษัทเลยก็ว่าได้เพราะหลังจากนั้นก็มีการวางจำหน่ายเครื่อง Nintendo 3DS ซึ่งมีการอัพเกรดระบบเครื่องให้แรงยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับเครื่องเวอร์ชั่นอัพเกรดที่ผ่านมา
4. ความท้าทายที่มากขึ้นกับเครื่อง Wii
ตัวอย่างเครื่อง Wii
ด้วยตลาดเกมในตอนนั้นเป็นยุคของเกมที่มีความลึกและซับซ้อนมากขึ้น คนจึงเริ่มออกห่างจากเกมแนวครอบครัว และเป็นที่มาให้นินเทนโดต้องเริ่มก้าวที่ท้าทายกว่าเดิมด้วยการออกจำหน่ายเครื่อง Wii ในปี 2006
Wii เป็นผลิตภัฑณ์ที่ได้รับความนิยมมากของ Nintendo เพราะทำยอดจำหน่ายเครื่องไปได้มากถึง 100 ล้านชุดทั่วโลก! โดยสามารถเล่นพร้อมกันได้หลายคนซึ่งต่างจากเกมอื่น ๆ ที่สามารถเล่นได้เพียงคนเดียว การใช้งานจริงนั้นง่ายมาก ผู้เล่นสามารถถือ และบังคับรีโมตคอนโทรลได้ด้วยมือเดียว เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวนี่เองทำให้กลายเป็นเครื่องเกมที่ใคร ๆ ก็สามารถเล่นได้ คุณแม่ที่เคยห้ามลูกเล่นเกมก็กลายมาเป็นผู้เล่นเกมนี้ไปด้วยซะเลย!
ตัวอย่างโฆษณาเครื่อง Wii
โฆษณาเปิดตัวของ Wii ที่ออกอากาศในตอนนั้นก็ดูเหมือนเป็นรายการหนึ่งของ NHK มากกว่าจะเป็นโฆษณาเกม ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจได้จากทุกเพศทุกวัย นอกจากนั้นในโฆษณายังให้ภาพลักษณ์ของเกมว่าเป็นเกมสำหรับทุกคนในครอบครัว จึงดึงกลุ่มคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนมาร่วมเล่นเกมได้ นับเป็นความสำเร็จในการสร้างมูลค่าของ Wii ให้กลายเป็นเกมที่เป็นสากล และเข้าถึงง่ายอย่างแท้จริง
5. การหลอมรวมทุกจุดแข็งมาสู่เครื่อง Nintendo Switch
ความสำเร็จจากเครื่อง Wii เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนา Nintendo Switch เครื่องเกมของนินเทนโดรุ่นปัจจุบันที่เรารู้จักกันดี โดยกล่าวกันว่า Nintendo Switch คือการหลอมรวมเอาทุกจุดแข็งและแก้จุดอ่อนของเครื่องเกมนินเทนโดเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งสามารถรักษาความเป็นเกมพกพาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของนินเทนโดเอาไว้ และตอบโจทย์คนที่ต้องการเล่นเกมด้วยประสบการณ์แบบภาพจอใหญ่ อีกทั้งยังใส่เอกลักษณ์จาก Wii ด้วยการออกแบบให้จอยบังคับสามารถถอดออกมาและให้ประสบการณ์การเล่นแบบเดียวกับที่ Wii ทำได้
ตัวอย่างเกมยอดนิยมจากนินเทนโด
1. ซีรีส์ Mario
มาริโอถือเป็นตัวละครที่ถึงคนไม่เล่นเกมก็ต้องรู้จัก ความมีคาแรคเตอร์นี้เองทำให้ไม่ว่าจะออกซีรีส์อะไรก็ได้ใจเสมอ ถ้าชอบมาริโอล่ะก็ทุกคนก็สามารถเลือกแนวเกมเล่นได้ตามชอบเลยค่ะ เพราะมีทั้งแนวแข่งรถอย่าง Mario Kart หรือจะตีกอล์ฟ, เทนนิส ก็มี Mario Golf, Tennis ถ้าชอบแอคชั่นผจญภัยช่วยเจ้าหญิง Peach ก็แนะนำ Super Mario Bros. เลยค่ะ
2. ซีรีส์ Pokemon
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโปเกม่อนก็ถือเป็นหนึ่งในภาพจำของนินเทนโดเช่นกัน เกมโปเกม่อนถูกพัฒนาโดยบริษัท Gamefreak และจัดจำหน่ายโดยนินเทนโด ซึ่งปัจจุบันออกมาแล้วกว่า 9 Generations
ความสำเร็จของโปเกม่อนนั้นไม่ใช่แค่กับเกม แต่ทั้งอนิเมะ ของเล่น การ์ดเกมส์ หรือจะสินค้าต่าง ๆ ก็ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แถมยังเคยถูกหยิบไปสร้างเป็นภาพยนตร์อีกด้วยค่ะ
3. Kirby
ใครรู้จักเจ้าตัวกลม ๆ ชมพูนี่บ้างคะ Kirby มักถูกแซวบ่อย ๆ ว่าเป็นตัวละครลูกรักของนินเทนโด เพราะเวลาออกซีรีส์รวมดาวอย่าง Super Smash Bros. ทีไร เจ้ากลม ๆ ตัวนี้ก็จะได้รับบทพระเอกเสียทุกที
เจ้า Kirby มีความสามารถในการกลืนกินและคัดลอกความสามารถคู่ต่อสู้ ด้วยฟอร์มที่เปลี่ยนไปตามพลังนั้นทำให้เรามักจะเห็น Kirby ในหลากหลายรูปแบบมากมายค่ะ
5. Splatoon
Splatoon เป็นเกมซึ่งได้ออกสู่ตลาดในปี 2015 โดยมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านชุด เกมนี้เป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ สร้างอาณาเขตของตัวเองโดยใช้ปีนฉีดน้ำ ความสนุกของ “Splatoon” ที่ทำให้ได้รับความนิยมจากแฟนเกมมากมายนั้นอยู่ที่การออกแบบระบบเกมเพลซึ่งเป็นเอกลักษณ์ โดยผู้ที่ออกแบบ UI ของ Splatoon ให้ความสำคัญทั้งในเรื่องของการทำให้เป็นเกมที่ “เข้าใจง่าย” ควบคู่ไปกับ “ความสดใหม่” ของเกม ดังจะเห็นได้จากการนำเอาเทคนิคต่าง ๆ เข้ามาใช้เพื่อให้เกมมีความสดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “การสร้างตัวอักษรใหม่” “การแปลงรูปภาพให้เป็นคำในแบบของ Splatoon” และ “การใช้โทนสีที่เป็นที่นิยม (การใช้สีที่มีเฉดสีแตกต่างกัน)” เป็นต้น
5. The Legend of Zelda
The Legend of Zelda เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่อยู่คู่กับนินเทนโดมาอย่างยาวนาน โดยมีตัวเอกคือเจ้าหนุ่มผมทองอย่าง Link ใช่ค่ะอ่านไม่ผิดหรอกตัวเอกเรื่องชื่อ Link ค่ะ ส่วนที่มาของชื่อเรื่อง Zelda นั้นมาจากชื่อของเจ้าหญิงในเรื่องนั่นเอง โดยเนื้อเรื่องของ The Legend of Zelda ในแต่ละภาคนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ก็มีความต่อเนื่องกันในบางภาคบ้าง หรือไม่งั้นก็จะเป็นเนื้อเรื่องคนละเส้นเวลา คนละโลกคู่ขนานกันไปเลย แต่รับรองว่าไม่ว่าจะหยิบภาคไหนมาเล่นก็การันตีความสนุกแน่นอนค่ะ อีกทั้งในภาค Breath of the Wild ยังได้รับรางวัล Game of The year จากงาน Game Awards ในปี 2017 ด้วยนะคะ เรียกได้ว่าถือเป็นเกมที่แฟนเกมทุกคนคาดหวังในคุณภาพได้ทุกภาคแน่นอนค่ะ
การประกาศรางวัล Game of The year 2017
การโลดแล่นของตัวละครจากนินเทนโดที่ไม่ได้ถูกจำกัดแค่เกม
View this post on Instagram
A post shared by ユニバーサル・スタジオ・ジャパン USJ (@universal_studios_japan)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกหนึ่งจุดแข็งของนินเทนโดคือ การสร้างตัวละคร เราจะเห็นได้ว่าแต่ละเกมของนินเทนโดนั้นเต็มไปด้วยมาสคอตยอดนิยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มาริโอ (Mario) หรือ เคอร์บี้ (Kirby)
ก้าวต่อไปของนินเทนโดคือต้องการที่จะต่อยอดคาแรคเตอร์เกมนั้นๆ โดยการเพิ่มจำนวนตัวละครเกม และทุ่มเทให้กับการเพิ่มช่องทางเข้าถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของนินเทนโดให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การผลิต จำหน่ายฟิกเกอร์ และการ์ดตัวละคร อีกทั้งการเปิดตัว “Super Nintendo World” โลกของ Mario ในสวนสนุกที่มีชื่อเสียงอย่าง USJ เป็นที่แรก
ตัวอย่างภาพยนตร์ The Super Mario Bros. Movie
นอกจากนี้ ภาพยนตร์ “The Super Mario Bros. Movie” ที่มี Mario เป็นตัวเอกของเรื่องก็ได้เข้าฉายในญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 หลังจากเข้าฉายได้ 3 สัปดาห์ก็กวาดรายได้จากการฉายภาพยนตร์ทั่วโลกไปมากกว่าแสนล้านเยน ว่ากันว่านี่น่าจะเป็นสถิติสูงสุดของวงการภาพยนตร์แอนิเมชั่นเลยทีเดียว การกำเนิดขึ้นของตัวละครของนินเทนโดนั้นได้สร้างรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคงให้กับนินเทนโด ไม่เพียงแค่ในส่วนของเกมเท่านั้น ในส่วนอื่น ๆ ก็ด้วยเช่นกัน คาดว่าในปีต่อไปหลังจากนี้เราคงจะเห็นได้เหล่าตัวละครจากเกมค่ายนินเทนโดออกมาโลดแล่นในสื่ออื่น ๆ นอกจากเกมมากขึ้นเป็นแน่
กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ของนินเทนโดที่มีประวัติมาอย่างยาวนานนั้น ไม่มีการกำหนดกรอบของบริษัทที่ตายตัว และแม้จะเป็นแบบนั้นนินเทนโดก็ยังสามารถพัฒนาเกมที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมายมาได้โดยตลอด นินเทนโดมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจไม่เพียงแต่เฉพาะในเรื่องของเกมเท่านั้น ทำให้ก้าวต่อไปของนินเทนโดนั้นเป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เราคงได้เห็นอะไรใหม่ ๆ จากเครื่องรุ่นต่อไปจากแบรนด์นินเทนโดแน่นอนค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก : Nintendo ec.geo-online note.zebranding
เรียบเรียงโดย : Hikary
ความเห็น 0