โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ฉันไม่เก่งจริง ฉันไม่ดีพอ - Imposter Syndrome สวัสดีเพื่อนร้ายในตัวที่ควรเลิกคบ - เพจพื้นที่ให้เล่า

TOP PICK TODAY

อัพเดต 26 ก.ย 2563 เวลา 03.01 น. • เผยแพร่ 26 ก.ย 2563 เวลา 00.36 น. • เพจพื้นที่ให้เล่า

ฉันไม่เก่งจริง ฉันไม่ดีพอ 

ชนะ 10 ครั้ง แพ้ 1 ครั้ง แต่รู้สึกว่าทำอะไรก็ล้มเหลว

ไม่มีใครอยากได้ยินความคิดเห็นของเรา 

กลัวว่าสักวันทุกคนจะรู้ว่าความสามารถของเรามันไม่จริง

ถ้าเกิดอาการแบบที่พูดไปแล้วข้างต้น แปลว่าตอนนี้ทุกคนอาจจะเกิดอาการ Imposter Syndrome หรืออาการ “ไม่มีคุณค่าในสายตาตนเอง” คือภาวะที่คนคนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ และที่สามารถก้าวเข้ามาอยู่ในสถานะปัจจุบันได้ เป็นเพราะโชคช่วยมากกว่าเพราะความสามารถของตัวเอง ซึ่งต้องบอกว่าอาการนี้ส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ ยิ่งกว่าการได้รับคำติเตียนจากผู้อื่นซะอีก เพราะจะทำให้เราเกิดความหวาดกลัวที่จะล้มเหลวและผิดหวังตลอดเวลา จนไม่กล้าริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ รวมถึงการตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต ที่สำคัญอาการนี้ยังสามารถพัฒนาเป็นสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้ในระยะยาวด้วย

งานวิจัยและงานวิชาการที่พูดถึงความคิดลักษณะแบบ Imposter Syndrome นี้ เริ่มขึ้นโดยนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน 2 คน ช่วงค.ศ.1970 ที่พบว่าบุคคลมากความสามารถที่ประสบความสำเร็จในสังคมส่วนใหญ่มักรู้สึกว่าความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้เกิดจากความสามารถ แต่เป็นเพราะความโชคดี!  ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการพยายามรักษาสถานะประสบความสำเร็จของตัวเองเอาไว้ จากความอิ่มเอมใจที่เป็นคนที่ยืนอยู่บนยอดของภูเขา ก็กลับกลายเป็นมงกุฎทองอันหนักอึ้งที่สวมหัวเอาไว้จนใช้ชีวิตกันแทบหายใจไม่ออก จึงทำให้เกิดการวิเคราะห์อาการนี้เข้า 

 

หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจที่นักวิจัยเรื่องนี้หยิบขึ้นมาพูด ณ เวลานั้นคือ อาการนี้มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และมักซ่อนอยู่ในรูปร่างท่าทางมั่นใจ รอยยิ้มอันสดใสของผู้ที่มีอาชีพที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นดาราฮอลิวูด นักร้องระดับโลก แม้กระทั่งอาชีพที่ต้องใช้ความมั่นใจอย่างนักกีฬา 

Emma Watson เคยออกมายอมรับว่าเธอเคยเผชิญกับ Imposter Syndrome
Emma Watson เคยออกมายอมรับว่าเธอเคยเผชิญกับ Imposter Syndrome

ในแง่กลับกัน ‘ผู้ชายมักเผชิญกับ Imposter Syndrome ได้มากกว่าผู้หญิง แม้พวกเขาจะไม่แสดงออกมากเท่า แต่ผลกระทบของอาการสูงกว่าผู้หญิง’  นักวิจัยชูประเด็นว่านี่อาจเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีลูกผู้ชายในกรอบสังคมชายเป็นใหญ่ ที่สังคมมักกดดันให้ผู้ชายต้องประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำได้มากกว่าผู้หญิงในทุกวงการ ส่งผลให้เมื่อเจอกับสถานการณ์กระตุ้นความรู้สึกว่าฉันไม่ดีพอ ฉันอาจล้มเหลวได้ สถานการณ์ที่ตัวเองตกเป็นรอง เสียเปรียบ หรือ จะล้มเหลวขึ้นมา พวกเขามีโอกาสที่จะตอบสนองในแง่ลอยแพความสำเร็จของตัวเอง หรือ ลดความกดดันที่ตัวเองต้องเผชิญ ด้วยการล้มกระดานเลิกตั้งใจทำไปเสียก่อน

Lady Gaga ก็เคยกล่าวไว้เช่นกันว่าเธอมีอาการ Imposter Syndrome
Lady Gaga ก็เคยกล่าวไว้เช่นกันว่าเธอมีอาการ Imposter Syndrome

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็สรุปได้ว่าผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากอาการนี้เท่าเทียมกันแน่ ถึงแม้อาการนี้ไม่เคยถูกระบุว่าเป็นโรคทางจิตเวชอย่างชัดเจนจนถึงปัจจุบัน แต่อาการลดความมั่นใจและความสุขที่ Imposter Syndrome มีให้กับคนเก่งที่ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้นั้น บอกได้เลยว่าหนักหนาจริงแท้แน่นอน 

Cara Delevingne อีกหนึ่งสาวแกร่งที่มีอาการเดียวกัน
Cara Delevingne อีกหนึ่งสาวแกร่งที่มีอาการเดียวกัน

ใครที่อยากห่างไกลจาก Imposter Syndrome แนะนำให้หมั่นทำ 7 ข้อดังต่อไปนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้เราสามารถภาคภูมิใจและมีความสุขกับชีวิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องโบยตีตัวเองมากเกินไป 

 

1.บันทึกสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน หัดให้เรารู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จเล็กๆในชีวิตบ้าง

2.เปิดอกพูดคุยเรื่องงานกับเพื่อนร่วมเรียนและเพื่อนร่วมงาน “ความสำเร็จของทีม” เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจว่ามันไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวคนเดียว

3.วางเป้าหมายสิ่งที่อยากทำในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหน ให้เราลองเขียนใส่กระดาษและเขียนแนวทางที่เราต้องการจะทำให้ชัดเจน

4.ลงมือทำและอย่าลืมที่จะขอคำแนะนำจากคนที่เราไว้ใจและผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นอยู่เสมอ

5.หาเวลาสัก 1 วัน/อาทิตย์ในการนำงานของเราไปให้คนอื่นวิจารณ์ เปิดกว้างในคำชมและคำติเตียน เราไม่จำเป็นจะต้องเชื่อถือในสิ่งที่ได้ยินทั้ง 100% แต่ต้องรู้จักคิดวิเคราะห์จากคำติชมของผู้อื่น เลือกนำข้อที่น่าสนใจมาปรับปรุงแก้ไขในจุดอ่อนและจุดแข็งของงาน

6.เข้าใจหลักการความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ

7.ในแต่ละวันเราต้องรู้จักขอโทษตัวเอง เวลาที่เราเผลอใจร้ายกดดันตัวเองมากเกินไป และรู้จักขอบคุณตัวเองในความพยายามและความทุ่มเท

สำหรับใครที่อ่านแล้วรู้สึกว่ามีอาการลักษณะนี้มาค่อนข้างยาวนาน และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก อย่าปล่อยเอาไว้เด็ดขาด! ถึงประเทศไทยจะยังไม่มีการประชาสัมพันธ์อาการนี้กันอย่างแพร่หลายเท่าไร แต่การบริการให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตยังมี.. แนะนำให้โทรไปที่สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 โทรฟรี โดยไม่มีค่าบริการ!

เก่งได้ แต่ต้องมีความสุขให้ได้ด้วย

อย่าปล่อยให้มีใครมาขวางระหว่างเรากับความสุข แม้ว่าจะเป็นตัวเองก็ตาม

อย่าปล่อยให้เสียงของเราในหัวที่บอกว่า ‘ฉันไม่ดี’ ‘ฉันไม่เก่ง’ ทำให้เราไม่มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน

.

ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์

.

อ้างอิง

-fwd.co.th

-thefailureinstitute.com

-impostorsyndrome.com

-digest.bps.org.uk

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 2

  • บางครั้งในเรื่องของการปล่อยวางก็อาจสามารถที่จะช่วยได้อยู่เหมือนกัน.
    27 ก.ย 2563 เวลา 12.28 น.
  • 🐾 Nutchakanlaw 🐾
    เหมือนเราจะมีอาการแบบนี้นะ แบกรับความคาดหวังจากคนอื่น โดนที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอ
    27 ก.ย 2563 เวลา 10.30 น.
ดูทั้งหมด