โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ตุ๊กตาไล่ฝนสุดน่ารัก !? แต่เป็นตำนานอันแสนโหดเหี้ยมของญี่ปุ่น - เพจ Eak SummerSnow

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 25 ก.ย 2563 เวลา 18.41 น. • เพจ Eak SummerSnow

ในช่วงเวลาฝนตกจนเกิดน้ำท่วม เอ้ย…เกิดน้ำขังรอการระบายหลายที่แบบนี้ บางครั้งก็อยากจะอ้อนวอนอยากให้ฝนหยุดตกบ้างเหมือนกันนะครับ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีความเชื่อเกี่ยวกับการทำให้ฝนหยุดตกและอากาศแจ่มใสที่แตกต่างกันออกไป 

อย่างในบ้านเราที่คุ้นเคยกันดีก็จะเป็นการ “ปักตะไคร้” ที่อาจจะต้องวัดใจคนปักกันซักเล็กน้อยเพราะผู้ปักจะต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ ถ้าปักปุ๊บแล้วฝนตกหนักกว่าเดิมนี่คนปักคงโดนแซวเละแน่ ๆ และอีกหนึ่งพิธีกรรมของต่างชาติที่คนไทยน่าจะรู้จักคุ้นเคยกันดีก็คือเรื่องของ “ตุ๊กตาไล่ฝน” ในญี่ปุ่นเพราะเราน่าจะเคยเห็นมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นหลาย ๆ เรื่อง 

โดยเฉพาะเรื่อง “อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา” ที่จะมีตุ๊กตาไล่ฝนโผล่มาในตอนจบทุกตอน นั่นก็เลยทำให้คนไทยคุ้นเคยกับเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนนี้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เจ้าตุ๊กตาไล่ฝนนี้ดูหัวกลม ๆ น่ารัก ก็เลยทำให้เรามักจะคิดว่าเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนนี้เป็นพิธีกรรมน่ารัก ๆ ของดินแดนที่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความน่ารักอย่างประเทศญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ตำนานที่มาของเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนนี้กลับเต็มไปด้วยเลือดและความตายครับ

ตำนานเรื่องตุ๊กตาไล่ฝนหรือ เทรุเทรุโบซึ (てるてる坊主) ในญี่ปุ่นนั้นก็จะมีหลายตำนานหลายเรื่องเล่า แต่ทุกเรื่องเล่าล้วนมาจากความตาย การเสียสละ และการนองเลือดทั้งนั้น …

เช่นตำนานแรกก็ว่ากันว่า จริง ๆ แล้วเรื่องของตุ๊กตาไล่ฝนเนี่ยเป็นวัฒนธรรมที่ญี่ปุ่นรับมาจากประเทศจีนในสมัยโบราณ ซึ่งในจีนจะเรียกตุ๊กตาไล่ฝนว่า 掃晴娘 หรือ หญิงสาวผู้ปัดกวาด คำว่าปัดกวาดในที่นี้ก็คือการปัดกวาดเมฆฝนให้หมดไป ซึ่งก็อาจจะเรียกได้อีกอย่างว่าเป็น หญิงสาวผู้ทำให้ฟ้าใสนั่นเอง

ตำนานนี้ถูกบันทึกไว้ในจีนว่า เมื่อนานมาแล้วในช่วงหนึ่งของปีที่มีฝนตกติดต่อกันอย่างหนักมาก ตลอดจนชาวบ้านหวั่นกันว่าจะเกิดภัยพิบัติ ในตอนนั้นมีหญิงสาวผู้หนึ่งที่ทำงานอยู่ในโรงงานตัดกระดาษ เกิดได้ยินเสียงจากเทพเจ้ามากระซิบว่า “ถ้าเจ้ายอมเสียสละชีวิตของตัวเอง ฝนจึงจะหยุดตก แต่ถ้าไม่ทำ เมืองทั้งเมืองจะต้องเกิดภัยพิบัติจมน้ำทั้งเมือง” (เทพเจ้าใจร้ายจริง ๆ ) 

หญิงสาวที่กลัวจะเกิดภัยพิบัติขึ้นก็ตัดสินใจเสียสละชีวิตด้วยการปลิดชีวิตตัวเองลง แล้วฝนก็หยุดตกจริง ๆ หลังจากนั้นในเมืองจีนเมื่อมีฝนตกก็จะตัดกระดาษเป็นรูปหัวและเสื้อผ้าของหญิงสาว เพื่อทำให้ฝนหยุดตก ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้แพร่เข้ามาในญี่ปุ่นในสมัยเฮอัน และได้เติมแต่งจากตำนานเรื่องเล่าของเดิมกลายเป็นตำนานของสาวฟ้าใสผู้ที่จะต้องเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ท้องฟ้าแจ่มใส ทำให้ตุ๊กตาไล่ฝนในญี่ปุ่นยุคแรก ๆ จะเป็นรูปเด็กผู้หญิง เพื่อเป็นตัวแทนของสาวฟ้าใส ไม่ใช่ตุ๊กตาไล่ฝนหัวโป๊งเหน่งแบบในปัจจุบัน

ใครที่คิดว่าตำนานแรกนี้โหดร้ายแล้ว ยังครับ นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะที่มาของเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนหัวโป๊งเหน่งสุดน่ารักแบบที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น มีที่มาของตำนานที่โหดกว่าตำนานของสาวฟ้าใสซะอีก ก่อนที่ผมจะเล่าถึงตำนานอันโหดร้ายของตุ๊กตาไล่ฝนหัวโป๊งเหน่ง เราลองมาดูเนื้อหาของเพลงตุ๊กตาไล่ฝนของญี่ปุ่นกันก่อนครับ ซึ่งเพลงตุ๊กตาไล่ฝนนี้เป็นเพลงกล่อมเด็กที่คนญี่ปุ่นก็ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาของมันฟังดูโหดร้ายจนเด็กน่าจะร้องไห้คาเปลแท้ ๆ แต่พี่ญี่ปุ่นเขาเอามากล่อมเด็กเฉยเลย เนื้อหาของเพลงนี้เป็นแบบนี้ครับ

ตุ๊กตาไล่ฝน เจ้าตุ๊กตาไล่ฝนเอ๋ย ช่วยทำให้พรุ่งนี้อากาศแจ่มใสทีนะ

ให้ท้องฟ้าเป็นเหมือนดั่งความฝัน ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะให้กระพรวนทองคำกับเธอ

ตุ๊กตาไล่ฝน เจ้าตุ๊กตาไล่ฝนเอ๋ย ช่วยทำให้พรุ่งนี้อากาศแจ่มใสทีนะ

ถ้าทำให้คำขอของฉันเป็นจริง ก็มาจิบสาเกหวานกัน

ตุ๊กตาไล่ฝน เจ้าตุ๊กตาไล่ฝนเอ๋ย ช่วยทำให้พรุ่งนี้อากาศแจ่มใสทีนะ

ถ้าเมฆยังร้องไห้และฝนตกลงมาฉันจะตัดคอของเจ้าซะ !!!

เอ้า ขึ้นต้นยังฟังดูน่ารักเด็กกำลังจะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว ทำไมลงท้ายมันโหดอย่างนี้ละเนี่ย ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็จะตัดคอกันเลยทีเดียว เด็กได้ยินถึงท่อนนี้คงลงมาร้องไห้อุแงแทนที่จะหลับแล้วแหละครับ ซึ่งสาเหตุที่เพลงตุ๊กตาไล่ฝนมันฟังดูโหดเหี้ยมแบบนี้เพราะมันอิงกับตำนานตุ๊กตาไล่ฝนอีกตำนานหนึ่งของญี่ปุ่นที่เป็นที่มาของเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนหัวโป๊งเหน่งแบบในปัจจุบันครับ

คือว่าตุ๊กตาไล่ฝน ภาษาญี่ปุ่นคือ เทรุเทรุโบซึ (てるてる坊主) คำว่าเทรุนั้นแปลว่าอากาศแจ่มใส และคำว่า โบซึนั้นแปลว่าหัวโป๊งเหน่ง ซึ่งก็เป็นคำที่สามารถใช้เรียกพระในญี่ปุ่นได้เช่นกัน ซึ่งที่มาของคำเรียกนี้มันมาจากตำนานอีกตำนานหนึ่งเกี่ยวกับตุ๊กตาไล่ฝนที่บอกไว้ว่า

ในสมัยก่อนเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ไม่มีท่าทีจะหยุด จนเกิดโกลาหลไปทั้งเมือง เรื่องก็ไปถึงพระผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงว่าท่านสามารถทำให้ฝนหยุดตกได้ด้วยการสวดมนต์ เหล่าขุนนางจึงเชิญพระองค์นี้ให้มาสวดมนต์ทำพิธีไล่ฝน แต่ทว่าท่านก็ทำไม่สำเร็จ แม้จะสวดมนต์เท่าไรฝนก็ไม่หยุด 

สุดท้ายแล้วเหล่าขุนนางรู้สึกเสียหน้ามากที่พระท่านทำอย่างที่พูดไม่ได้ จึงลงโทษด้วยการตัดคอของพระรูปนั้น ก่อนที่จะนำหัวของพระไปห่อผ้าแล้วแขวนเอาไว้ (บางตำนานบอกว่าไม่ได้ตัดคอ แต่จับห่อผ้าแล้วแขวนคอทั้งแบบนั้นเลย) 

ผลก็คือในวันรุ่งขึ้นท้องฟ้ากลับแจ่มใส สร้างความดีใจให้แก่ชาวเมืองเป็นอย่างมาก (พระท่านคงดีใจเนาะ…) หลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นตำนานสืบต่อมาว่าถ้าทำตุ๊กตาไล่ฝนหัวโป๊งเหน่งเหมือนหัวของพระแบบนี้แล้วแขวนไว้ ในวันรุ่งขึ้นอากาศจะแจ่มใส

ในปัจจุบันถ้าแขวนตุ๊กตาไล่ฝนหัวโป๊งเหน่งแล้วอากาศแจ่มใสจริง ๆ เขาก็จะมีการนำกระพรวนทองมาติดให้ หรือเทสาเกหวานเป็นการขอบคุณตุ๊กตาไล่ฝนตามตำนานความเชื่ออีกด้วย แต่ปัจจุบันไม่มีใครตัดคอเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนแล้วนะ เพราะมันดูโหดร้ายเกินไปแถมจะเป็นการปลูกฝังความรุนแรงให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย ทิ้งไว้เพียงตำนานความโหดร้ายที่อยู่ในเรื่องเล่าและเพลงเท่านั้น …

วันพรุ่งนี้ อากาศจะดีไหมนะ ?

อ้างอิงที่มาจาก tenki.jp

ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม

Facebook :Eak SummerSnow

Youtube : Eak SummerSnow

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 7

  • chuanchom
    ของไทยไม่มีตุ๊กตา แต่มีความเชื่อการไล่ฝนฟ้าคะนอง ยามฝนตกหนัก บ้านไหนมีลูกชายคนสุดท้องที่อายุไม่เกิน 6-7 ขวบ ก็จะให้ถือสากกะเบือส่ายไปมา หันสากกะเบือออกไปนอกบ้าน เป็นนัยว่า พวกอสูรเห็นสากกะเบือก็จะกลัว ฝนก็จะซาลง ฟ้าร้องฟ้าคำรามก็จะเบาลง เป็นความเชื่อของคนโบราณค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่มีทำแบบนี้แล้วมั้ง
    26 ก.ย 2563 เวลา 12.20 น.
  • ธวัลรัตน์
    ของเราก็โหดนะ ถ้าใครโดนทำหน้าที่ปักตะไคร้แล้วฝนไม่หยุดตกเนี่ย โดนแซวหนักมาก 555
    26 ก.ย 2563 เวลา 11.25 น.
  • N.K.Asia consultants
    ขอบคุณข้อมูลครับ (รอคนโยงการเมืองอยู่ ปล่อยวางๆๆ)
    26 ก.ย 2563 เวลา 12.07 น.
  • B. f. BG™
    เทะโระเทะโระโบสุ
    26 ก.ย 2563 เวลา 11.38 น.
  • Man 2024
    วัฒนธรรม​ ของเขาดีๆมีมากมาย​ ความกตัญญู​ รู้คุณคนเอามาลงบ้าง​ นะ​ เรื่องมโนไปเอง​ ควรงด
    25 ก.ย 2563 เวลา 21.42 น.
ดูทั้งหมด