พังไปแล้วเท่าไหร่ เพราะไม่ใส่ใจกัน! 5 ความจริงเกี่ยวกับความใส่ใจที่คุณต้องรู้

ความใส่ใจ คือ การเลือกจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่าง เป็นความตั้งอกตั้งใจต่อสิ่งตรงหน้า จะพูดว่า ความเอาใจใส่ ก็ไม่ผิด

การใส่ใจ ไม่ใช่เป็นเพียงการโฟกัสต่อเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการตัดสิ่งกวนใจอื่น ๆ ที่อาจทำให้ว่อกแว่กออกไปด้วย เพราะความใส่ใจ คือ ‘เอาทั้งหัวใจไปใส่ในเรื่องนั้น ๆ’

เคยไหม ทะเลาะกับคนรักเพราะเขาลืมวันครบรอบ, เพื่อนร่วมงานทำงานที่ได้รับมอบหมายแบบชุ่ย ๆ จนคนอื่นเดือดร้อน, เล่าปัญหาหนักใจให้เพื่อนฟัง แต่เพื่อนมัวแต่ทำอย่างอื่นแทนที่จะตั้งใจฟัง กลายเป็นว่าเหตุการณ์แบบนี้สร้างอารมณ์ทางลบต่อตัวเองและในความสัมพันธ์ เพียงเพราะว่าความไม่ใส่ใจ และทั้งหมดนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า “การใส่ใจสะท้อนถึงความสำคัญที่มีต่อสิ่งเหล่านั้นได้ดี” 

LINE TODAY Original ชวนอ่าน 5 ความจริงที่ต้องรู้เกี่ยวกับความใส่ใจ เพราะการใส่ใจเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ และละเลยไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

1. ทุกคนต้องการความใส่ใจ

จริง ๆ แล้วเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับสมองที่ทำหน้าที่นี้อยู่ทุกคน แต่การเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อม หล่อหลอมให้เรามีอุปนิสัยแตกต่างกันไป ทำให้แต่ละคนมีปริมาณของความใส่ใจไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่คนหนึ่งคนจะใส่ใจมาก และอีกหนึ่งคนจะไม่ใส่ใจอะไรเลยสักนิด

ธรรมชาติแล้วมนุษย์ต้องการ ‘มีตัวตน’ ในสายตาคนอื่น เพราะเราเป็นสัตว์สังคม ซึ่งความเอาใจใส่หรือความใส่ใจนี้สามารถทำได้หลายแบบ ไม่ว่าจะผ่านทางการแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง, สัมผัส, คำพูด และแบบใดก็ตามที่บอกว่า “ฉันรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้นะ”

ด้วยเหตุนี้ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ชอบน้อยใจ แต่ไม่ว่าเพศไหน วัยไหน ล้วนแล้วแต่ต้องการความใส่ใจด้วยกันทั้งนั้น

2. ใส่ใจมากไปก็ไม่ดี

ทุกอย่างมีขอบเขตของมัน ความรู้สึกก็เช่นกัน หากใส่ใจมากเกินไปจนรู้สึกอึดอัดทั้งสองฝ่าย ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหม บางคนคิดว่าการใส่ใจคือต้องโทรคุยกันตลอดเวลา ตัวติดกันไม่ไปไหน คอยเอาอกเอาใจทุกอย่าง แต่มันอาจไม่ได้เป็นคำตอบของโจทย์ข้อนี้ เพราะการใส่ใจควรเน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณค่ะ นาน ๆ มาทีก็ได้ แต่ต้องแม่นยำ จะไม่ใส่ใจเลยก็ไม่ได้ ความสัมพันธ์ไม่รอดแน่ ๆ ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดีซึ่งอยู่ที่จะตกลงกันในแต่ละความสัมพันธ์นะคะ

3. ทำหลายอย่างพร้อมกัน ไม่ได้แปลว่าไม่ใส่ใจ

หลายคนอาจเข้าใจว่า ถ้าใส่ใจจริงก็ควรสนใจทีละอย่างสิ ก็ไม่จำเป็นค่ะ เราสามารถใส่ใจหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้ เพียงแต่ว่าต้องรู้จักบริหารการโฟกัสแต่ละเรื่องให้มีประสิทธิภาพที่สุดเท่านั้นเอง อย่างเช่น โฟกัสเรื่องงานไปพร้อมกับโฟกัสเรื่องส่วนตัวก็ทำได้ หากแบ่งเวลาเป็น เราใส่ใจการทำงาน ทุ่มเทกับงานให้ออกมาดีที่สุด พร้อม ๆ กับดูแลครอบครัว ดูแลตัวเอง เอาใจใส่คนรอบข้างได้ในเวลาเดียวกัน บางครั้งแฟนเราอาจลุยงานหนัก แค่โทรศัพท์กริ๊งเดียวถามว่าเหนื่อยไหม อยากกินของโปรดหรือเปล่า เล็กน้อยแต่ได้ใจไปเลยค่ะ

4. สนใจ ไม่เท่ากับ ใส่ใจ เสมอไป

ฟังเผิน ๆ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ใช่เสมอไปค่ะ อธิบายง่าย ๆ คือทั้งความสนใจและความใส่ใจมีสิ่งที่เหมือนกันก็คือ การโฟกัสไปที่คนใดคนหนึ่ง หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่สิ่งที่ความสนใจต่างจากความใส่ใจคือ ‘รายละเอียด’ โดยเฉพาะดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะมองข้ามไป ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์เช่น

แฟนสาวบอกว่าอยากได้กระเป๋าใบใหม่จังเลย แฟนหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็รีบหากระเป๋าสะพายใบใหม่ให้ทันที แต่ไม่ลืมที่จะซื้อแบบมีช่องใส่หลายช่องด้วย เพราะจำได้ว่าแฟนเป็นคนชอบพกของเยอะ แบบนี้แหละที่เรียกว่า ใส่ใจ เพราะถ้าแฟนหนุ่มแค่สนใจเฉย ๆ เขาก็คงซื้อกระเป๋าใบใหม่แบบอะไรก็ได้มาให้แฟนสาว ซึ่งก็อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ได้ แต่พอใส่ใจรายละเอียดแล้ว รับรองว่า ชอบแน่นอน!

5. ใส่ใจแค่ไหนก็ต้องแสดงออก

ท่องไว้เลยนะคะ การใส่ใจจะถูกมองเห็นเมื่อเราแสดงออก บางคนปากบอกว่าก็ใส่ใจอยู่ตลอด แต่ไม่เค้ย ไม่เคยทำให้เห็น หรือพูดให้ได้ยิน ใส่ใจแบบแอบ ๆ อีกฝ่ายเขาก็ไม่มีวันรู้หรอกค่ะ ไม่มีใครในโลกที่จะอ่านใจคนอื่นได้

ใครเล่าอะไรให้ฟังก็แสดงออกว่าตั้งใจฟัง, เขาบอกไม่ชอบอะไรก็อย่าทำ, ทำอะไรก็นึกถึงใจคนอื่นด้วย อย่าลืมว่าคิดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแสดงออกมาให้เห็นเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์หรือแม้กระทั่งเรื่องงาน ก็ล้วนต้องใช้ความใส่ใจเข้าไปผสมทั้งนั้น ทุกอย่างต้องการความเอาใจใส่ รายละเอียดเล็กน้อยไม่ควรพลาด เพื่อที่จะทำให้ผลลัพธ์ของสิ่งนั้นออกมาดีที่สุด..

.

ขอบคุณข้อมูลจาก 

-verywellmind.com

.