โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ม.มหิดล ตรวจมะเร็งช่องปากสุนัขด้วยน้ำลายได้ครั้งแรก

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 22 ส.ค. 2567 เวลา 11.52 น. • เผยแพร่ 22 ส.ค. 2567 เวลา 11.38 น.
ภาพไฮไลต์

การให้ขนมขัดฟันเป็นรางวัลแก่สุนัข อาจไม่ได้เป็นการแสดงความรักและใส่ใจต่อการดูแลช่องปากของสุนัขได้มากเท่าการหมั่นดูแลรักษาความสะอาดช่องปากของสุนัขด้วยการแปรงฟันเพื่อให้มีสุขภาพช่องปากที่ดี และเพื่อสังเกตความผิดปกติ หรือโรคที่อาจมาเยือน และทำให้จากไปอย่างรวดเร็ว เช่น “โรคมะเร็งช่องปากสุนัขและแมว” ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสีย เพราะเซลล์มะเร็งของโรคมะเร็งช่องปากนั้นมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันยังคงไม่มีรายงานที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด

อาจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์เศกรินทร์ พลอยเพ็ชร์ อาจารย์สัตวแพทย์ประจำกลุ่มวิชาศัลยศาสตร์สัตว์เล็ก ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ค้นพบการตรวจ “โรคมะเร็งช่องปากสุนัข” ด้วยวิธีโปรตีโอมิกส์ (Proteomics) และเมแทบอโลมิกส์ (Metabolomics) จากน้ำลายของสุนัขและแมว เพื่อค้นหาสารชีวภาพที่บ่งชี้โรคมะเร็งช่องปากสุนัขได้เป็นครั้งแรก

สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (ภาพจาก iStock)

โดยเป็นผลงานที่ได้ร่วมวิจัยกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา (University of Alberta) สหพันธรัฐแคนาดา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ Journal of Veterinary Internal Medicine เมื่อเร็วๆ นี้

เป็นวิธีการตรวจมะเร็งช่องปากสุนัขจากตัวอย่างน้ำลายที่สามารถทำได้ครั้งแรก ซึ่งเป็นงานวิจัยต่อยอดมาจากงานวิจัยระหว่างศึกษาปริญญาเอก โดยผู้วิจัยหวังช่วยให้การวินิจฉัยโรคเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเกิดโรคมะเร็งช่องปากมักเกิดกับสุนัขที่มีอายุมากกว่า 10 ปี ดังนั้นงานวิจัยอาจจะช่วยให้สามารถตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งช่องปากจากสุนัขกลุ่มนี้ได้

สุนัขพันธุ์ค็อกเกอร์ สแปเนียล (ภาพจาก iStock)

จุดเด่นของนวัตกรรมฯ อยู่ที่การเพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว จากเดิมที่ต้องตัดเนื้องอกส่งตรวจ แต่ด้วยวิธีการตรวจจากน้ำลายสุนัข ทำให้เจ้าของสามารถเก็บส่งตรวจได้ด้วยตัวเองจากที่บ้าน ด้วยการใช้สำลีพันปลายไม้เช็ดน้ำลายที่กระพุ้งแก้มของสุนัข และนำเอาตัวอย่างน้ำลายสุนัขไปแช่ในตู้เก็บความเย็น สามารถเก็บรักษาได้นานประมาณ 24-48 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส

สุนัขพันธุ์พุดเดิล (ภาพจาก iStock)

การรักษาสุนัขที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งช่องปาก แม้การผ่าตัดจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในปัจจุบัน แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงหากตรวจพบมะเร็งในระยะที่มีขนาดใหญ่แล้ว ดังนั้นการตรวจพบโรคมะเร็งช่องปากสุนัขตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายลงได้เป็นจำนวนมาก

สุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน (ภาพจาก iStock)

ดังนั้นหากสุนัขได้รับการดูแลช่องปากด้วยการหมั่นแปรงฟันตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติ หรือโรคมะเร็งช่องปากสุนัขได้อย่างรวดเร็ว โอกาสที่เจอโรคมะเร็งในระยะรุนแรงก็จะลดน้อยลง

สุนัขสายพันธุ์กลุ่มเสี่ยง

จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า สุนัขสายพันธุ์ต่อไปนี้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปากสูง

  • ค็อกเกอร์ สแปเนียล (Cocker Spaniel)
  • โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)
  • ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)
  • พุดเดิ้ล (Poodle)
  • สุนัขพันธุ์เล็กแบบผสม (Mixed Breed)

มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งช่องปากได้มากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น ดังนั้นสุนัขเหล่านี้จึงควรได้รับการดูแลและใส่ใจเรื่องสุขภาพช่องปากเป็นพิเศษ

สุนัขพันธุ์ผสม (ภาพจาก iStock)

วิธีแปรงฟันสุนัขและแมวที่ถูกต้อง

อาจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์เศกรินทร์ พลอยเพ็ชร์ ได้แนะนำวิธีการแปรงฟันที่ถูกวิธีสำหรับสุนัขและแมวไว้ดังนี้

  • ควรใช้ยาสีฟันที่ใช้โดยเฉพาะสำหรับสุนัขและแมว
  • ไม่ควรใช้ยาสีฟันของคน เพราะฟลูออไรด์และไซลิทอลที่อยู่ในยาสีฟันของคน อาจเป็นพิษต่อสุนัขและแมว ทำให้เกิดอาการกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้
  • นอกจากนี้ แปรงแบบปลอกนิ้วอาจไม่เหมาะสมในสุนัขพันธุ์เล็กและแมว เพราะขนาดที่ไม่พอดีกับช่องปาก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองเหงือกสุนัขและแมว
  • ควรใช้แปรงสีฟันสำหรับสุนัขและแมวที่มีขนาดเหมาะสมแทน เพื่อให้สามารถแปรงฟันสุนัขและแมวได้อย่างทั่วถึง
ควรใช้ยาสีฟันและแปรงสีฟันสำหรับสุนัขและแมวโดยเฉพาะ (ภาพจาก iStock)

อาการมะเร็งช่องปากในสุนัขและแมว

หากพบความผิดปกติในสุนัขและแมว เช่น

  • อาการอักเสบของเหงือก
  • มีกลิ่นผิดปกติภายในช่องปาก
  • มีเลือดและน้ำลายออกมากกว่าปกติ
  • พบก้อนเนื้อในช่องปาก
  • รูปทรงหน้าบิดเบี้ยว ฯลฯ
ควรพาสุนัขและแมวไปตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ (ภาพจาก iStock)

หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบนำส่งสัตวแพทย์ ซึ่งหากปล่อยไว้จนก้อนเนื้อมีขนาดโตขึ้นจนขวางลำคอ จะทำให้สุนัขกินอาหารไม่ได้ และอาจถึงแก่ชีวิตได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม

คาดว่าในอนาคตวงการสัตวแพทย์จะได้ใช้แถบตรวจโรคมะเร็งช่องปากจากน้ำลายสุนัข (Saliva Test Kit) ที่สามารถทราบผลได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนขยายผลสู่การพัฒนายาและวัคซีนเพื่อยื้อชีวิตสุนัขและแมวจากโรคมะเร็งช่องปากต่อไป.

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ม.มหิดล ตรวจมะเร็งช่องปากสุนัขด้วยน้ำลายได้ครั้งแรก

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...