Facebook ก้าวมาไกลมาก ๆ จากจุดเริ่มต้นในหอพักในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดย Mark Zuckerberg เด็กหนุ่มเนิร์ด กับทักษะการเขียนโปรแกรมอันสุดยอด ที่ได้เสกสรรค์ Facebook เวอร์ชั่นแรกออกมาภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ เรื่องราวที่เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคม ในระหว่างเส้นทางการก่อตั้งโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด
มีทั้งเรื่องถูกประนามในการ copy idea จากคู่แฝด Winklevoss หรือแม้กระทั่งการหักหลังเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Eduardo Saverin เรียกได้ว่า Mark ผ่านทุกอย่างมาได้หมด ด้วยการตัดสินใจที่เหี้ยมโหด แข็งแกร่ง ไม่เกรงกลัวต่อใครหน้าไหน หากใครที่คิดจะขัดขวางทางเดินของผลิตภัณฑ์ที่แสนรักอย่าง Facebook ของเขา แต่เมื่อ Facebook เติบโตมาถึงระดับหนึ่ง มันก็มาถึงจุดที่ Mark ไม่สามารถที่จะแบกรับทุกอย่างไว้ได้เหมือนเคย คล้าย ๆ กับสิ่งที่สองผู้ก่อตั้ง Google อย่าง Sergey Brin และ Larry Page ต้องประสบพบเจอมาก่อน
Google เลือก Eric Schmidt ให้มาคอยควบคุมเด็กหนุ่มวัยคะนองทั้งสอง ให้มีการจัดการในระดับมืออาชีพ พร้อมที่จะผลักดัน Google ให้กลายเป็นบริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่มูลค่าหลายแสนล้านเหรียญอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน เฉกเช่นเดียวกันกับที่ Mark Zuckerberg ได้มองเห็นจุดอ่อนในตัวเขาเอง เขาอาจจะเป็นโปรแกรมเมอร์ชั้นยอดก็จริง แต่การที่ Facebook ที่สถานการณ์กำลังเติบโตแบบฉุดไม่อยู่เมื่อ 14 ปีที่แล้วนั้นเขาต้องการพี่เลี้ยงที่มีความเป็นมืออาชีพ อย่าง Sheryl Sandberg และได้พิสูจน์ฝีมือมาแล้วระดับหนึ่งกับทั้งงานทางการเมืองและงานบริหารที่ Google
เส้นทางสู่การเป็น ผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของ Sheryl Sandberg นั้นไม่ธรรมดา เส้นทางอาชีพของเธอสู่ผู้บริหารอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นนำเริ่มต้นที่ World Bank ซึ่งเธอทำงานให้กับหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ Larry Summers ในตำแหน่งผู้ช่วยนักวิจัย หลังจากที่ Sandberg ได้รับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ เธอก็มาช่วยงาน Summers ในตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่แผนกธนารักษ์ของสหรัฐฯ ซึ่งในขณะนั้น Summers ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการระหว่างการบริหารของประธานาธิบดี Bill Clinton
เธอก็มาช่วยงาน Larry Summers ที่รับตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลของประธานาธิบดี Clinton (CR:Fortune)
เมื่อ Summers เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง Sandberg ยังคงทำงานเคียงข้างเขาจนถึงปี 2001 ในปี 2001 Sandberg ย้ายไปแคลิฟอร์เนียเพื่อเป็นรองประธานฝ่ายขายและปฏิบัติการออนไลน์ทั่วโลกที่ Google ซึ่งเพิ่งก่อตั้งบริษัทมาได้เพียงแค่ 3 ปี ความรับผิดชอบของ Sandberg ที่ Google แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งจะตั้งไข่ แต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอได้รับผิดชอบให้มาดูแลเรื่องการขายโฆษณาและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Google ตั้งแต่ยุคแรก ๆ เธอทำงานที่ Google จนถึงปี 2008 และได้รับการยกย่องในฐานะสุดยอดผู้บริหารชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ในปี 2008 Sandberg ก็ได้เข้าร่วมงานกับ Facebook ในตำแหน่ง COO ซึ่งในขณะนั้น Facebook ก็กำลังดิ้นรน กำลังอยู่ในช่วงเติบโตเช่นเดียวกับ Google ตอนที่เธอเริ่มเข้าไปทำงาน โดยในตอนนั้น Facebook มีพนักงานมากกว่า 500 คนแล้ว แต่ยังไม่มีเส้นทางสู่การสร้างผลกำไรที่ชัดเจนนัก
Mark Zuckerberg ไว้วางใจ Sanberg เป็นอย่างมาก (CR:The Times)
แต่มาถึงทุกวันนี้ แม้จะมีเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับ Facebook มากมาย แต่เส้นทางของพวกเขาในฐานะองค์กรธุรกิจที่ต้องทำกำไร มันพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่ Mark เลือกให้ Sandberg มาร่วมงาน เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องครั้งใหญ่ที่สุดครั้งนึงของ Facebook เลยก็ว่าได้
ในโลกของวงการ Startup มันมีเคสที่เกิดขึ้นมากมาย กับความไม่เป็นมืออาชีพของผู้ก่อตั้งผู้หยิ่งผยอง ที่คิดว่าตัวเองนั้นล้ำเลิศกว่าใคร ๆ และคิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุดในโลก ไม่เชื่อฟังใคร แต่สุดท้ายก็มีจุดจบไม่สวยซะเป็นส่วนใหญ่ ตัวอย่างเช่น เหตุที่เกิดกับ ผู้ก่อตั้ง WeWork อย่าง Adam Neumann หรือ Travis Kalanick แห่ง Uber
มันเป็น case study ที่น่าสนใจในวงการธุรกิจโลกนะครับ สำหรับการเลือกคู่หูคู่ใจมือทำงาน Operation อย่างที่ Mark ได้เลือก Sheryl Sandberg เพราะเธอได้พา Facebook ผ่านมรสุมมากมาย แล้วก้าวผ่านคำว่า startup unicorn หน้าใหม่ที่ร้อนแรง กลายมาเป็นองค์กรธุรกิจมหาชนอย่างยิ่งใหญ่และมั่นคงมาจวบจนถึงทุกวันนี้นั่นเองครับผม
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog ผ่าน Line OA : @tharadhol
เพียงคลิก : https://lin.ee/aMEkyNA
——————————————–