โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ม.มหิดล แนะความจำเป็นเร่งด่วนด้านนโยบายจัดการระบบข้อมูลสุขภาพ

สวพ.FM91

อัพเดต 16 ม.ค. 2566 เวลา 10.20 น. • เผยแพร่ 16 ม.ค. 2566 เวลา 10.20 น.

นับตั้งแต่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act - PDPA) มีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2565 เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านการรักษาข้อมูลบุคคล ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการข้อมูลมารองรับ การมีระบบที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากจะทำให้เกิดการจัดเก็บ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มที่ และไม่ผิดจริยธรรมแล้ว ยังจะส่งผลในวงกว้างในเชิงเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วย

เรื่องของข้อมูลส่วนบุคคลมีความเกี่ยวข้องต่อทุกกิจกรรมของประชากร หากจะพิจารณาเฉพาะในส่วนของระบบบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพ ทั้งในระดับประเทศ และระดับโรงพยาบาล จะพบว่าระบบดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จัดเก็บข้อมูลสุขภาพ ซึ่งเป็นข้อมูลอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ที่แม้จะได้รับความคุ้มครองจากกฎหมาย PDPA ในภาพรวม แต่ก็ยังไม่มีกระบวนการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานกลาง ยังเป็นการบริหารจัดการเฉพาะองค์กรเป็นหลัก

อีกทั้งยังไม่ได้มีการนำเอาข้อมูลในระบบมาก่อให้เกิดประโยชน์ในการวางแผนการจัดการดูแลสุขภาพ ทั้งระดับบุคคล และระดับนโยบายสาธารณสุขอย่างเต็มที่

รองศาสตราจารย์ ดร.จรณิต แก้วกังวาล อาจารย์ประจำภาควิชาสุขวิทยาเขตร้อน และที่ปรึกษาอาวุโสศูนย์ความเป็นเลิศทางสารสนเทศศาสตร์ชีวเวชและสาธารณสุข (Center of Excellence for Biomedical and Public Health Informatics) คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะผู้ก่อตั้งหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาสารสนเทศศาสตร์ชีวเวชและสุขภาพ

ได้ชี้ให้เห็นถึงรอยต่อของ PDPA ที่จะทำให้การจัดการสุขภาพของประเทศไทยก้าวทันโลกยุคข้อมูลข่าวสารเช่นปัจจุบัน จำเป็นต้องจัดให้มีนโยบาย และมีการลงทุนในเรื่องการบริหารจัดการข้อมูล ทั้งระดับองค์กร ระดับชาติ และระหว่างประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีระบบที่สามารถจัดเก็บ ใช้ และแบ่งปันข้อมูล (Data Sharing) การมีกระบวนการเชื่ิอมต่อข้อมูล (Interoperability) ที่ครอบคลุมในเรื่องการเข้าถึงข้อมูล และการใช้ข้อมูลทางสุขภาพที่ปลอดภัย และได้ประสิทธิภาพ

เพราะนั่นจะส่งผลต่อการดูแลรักษาผู้ป่วย ตลอดจนสิทธิประโยชน์อีกมากมายที่ผู้ป่วยจะได้รับ การมีระบบข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์ (Data integrity) จะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ในการตัดสินใจดำเนินการในกระบวนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิผล ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ต้องเข้ารับการรักษา ด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลมากขึ้น

อีกทั้งช่วยในเรื่องการวางแผนการบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรด้านสุขภาพ ช่วยในการเลือกใช้ และพัฒนาเทคโนโลยีและจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นในการบริหารจัดการองค์กรได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางที่นำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ทางวิชาการระดับนานาชาติอีกด้วย

โดยที่ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นแห่งแรกที่ได้จัดให้มีหลักสูตรนานาชาติวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาสารสนเทศศาสตร์ชีวเวชและสุขภาพ (Master of Science in Biomedical and Health Informatics) และประกาศนียบัตรบัณฑิตในสาขาเดียวกัน โดยในช่วงแรกได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สหรัฐอเมริกา เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำวิชาการในสาขาดังกล่าวในระดับภูมิภาค

เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด ในการพัฒนาหลักสูตรดังกล่าวได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยโอเรกอน และวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา จัดคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมสอนในทั้ง 2 หลักสูตรดังกล่าว

ปัจจุบันทั้ง 2 หลักสูตรดังกล่าวจึงได้เปิดสอนแบบออนไลน์ 100% และเพิ่มเติมในส่วนของ Non-degree สำหรับผู้สนใจที่ต้องการศึกษาเพียงเพื่อเพิ่มพูนทักษะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยไม่ต้องการประกาศนียบัตร อีกทั้งยังได้ยกระดับสู่ มาตรฐานนานาชาติ นอกจากการเปิดรับสมัครนักศึกษาจากทั่วโลกแล้ว

"โลกในทุกวันนี้เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายมหาศาลที่รอการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านระบบการบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพ Health Informatics ถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนแรกๆ ที่มี พ.ร.บ. PDPA บังคับใช้

การมีมาตรการ และระบบที่ดีนอกจากจะมีประโยชน์ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล และองค์กรแล้ว ยังจะเป็นการส่งเสริมขยายผลต่อในวงกว้างไปยังระบบเศรษฐกิจของประเทศ การจัดการ และเชื่อมโยงเครือข่ายสุขภาพไทย ทั้งระดับภายในประเทศ และระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบไม่ควรจะถูกมองข้าม ซึ่งการลงทุนในเรื่องการพัฒนาระบบ Health Informatics เป็นอีกช่องทางที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจได้เช่นกัน" รองศาสตราจารย์ ดร.จรณิต แก้วกังวาล กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามรายละเอียดของหลักสูตรนานาชาติออนไลน์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาสารสนเทศศาสตร์ชีวเวชและสุขภาพ และประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาสารสนเทศศาสตร์ชีวเวชและสุขภาพ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ที่ https://mu-informatics.org

และติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210

ภาพโดย ศูนย์ความเป็นเลิศทางสารสนเทศศาสตร์ชีวเวชและสาธารณสุข (Center of Excellence for Biomedical and Public Health Informatics) คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...