บางคนคิดว่าถ้าเราไม่คาดหวัง เราก็จะไม่ทุกข์ใจ แต่จริง ๆ แล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่เราจะใช้ชีวิตในแต่ละวันแบบไม่คาดหวัง โดยเฉพาะในทุกรูปแบบความสัมพันธ์ที่มีการให้ไปและรับกลับมา ยังไงเราก็ยังมีความคาดหวังอยู่ดี แม้กระทั่งความรักที่ดีสุด อย่างความรักของพ่อแม่ ก็ยังมีความคาดหวังเจือปนอยู่ดี
พ่อแม่รักเรา เลี้ยงดูเรา อบรมสั่งสอนเรา เพื่อหวังจะให้เราเติบโตเป็นคนดี และส่วนลึกในใจก็หวังว่าลูกจะรักเรา และดูแลเราบ้างตามสมควร ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะหวังเช่นนั้น
แต่มนุษย์เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ทุกคนมีอิสระในการตัดสินใจเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งเสมอ มีความผิดพลาดเกิดขึ้นเสมอเมื่อเราเลือกทำหรือไม่ทำอะไรสักอย่าง แม้แต่การเลือกไม่ทำอะไรเลย ในบางครั้งก็นับว่าเป็นความผิดพลาดได้เหมือนกัน
แน่นอนว่า เมื่อสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราให้ไป ไม่ได้กลับมาอย่างที่คาดหวังไว้ ใคร ๆ ก็ผิดหวังทั้งนั้น มากน้อยแตกต่างกันไป แต่ครั้นจะไม่คาดหวังเลยนั้น ชีวิตก็ขาดแรงผลักดัน ขาดสีสันกันไปหมด
ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
พลาดบ้าง สำเร็จบ้าง
ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง
สลับกันไป นี่แหละคือสีสันของชีวิตในแต่ละวัน
แดดออกทุกวัน เราก็คิดถึงสายฝนเย็นฉ่ำ แต่พอฝนตกหลายวันเข้า เราก็นึกฝันถึงวันที่แดดดี ชีวิตเราก็อย่างนี้แหละ มันไม่เหมือนเดิมทุกวัน มีวันแห้ง ๆ และมีวันที่เปียกปอน มีวันที่ร้อน ๆ และมีวันที่เย็น ๆ
แล้วเราควรจัดการยังไงกับความคาดหวังของเราดี
ลองคิดแบบนี้ดูไหมครับ คิดแบบกำไรหรือไม่ก็เท่าทุน ให้ความคาดหวังของเรามีผลลัพธ์อยู่สองอย่าง
*ได้ก็ดีใจ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร *
ไม่กำไรก็เท่าทุน
ลองนึกดูดี ๆ เราจะเข้าใจสัจธรรมง่ายๆ ที่พูดกันต่อๆ มาทุกยุคสมัยที่ว่า
“ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน” นั่นเอง
เราเกิดมาในโลกที่ทุกอย่างไม่แน่นอน เวลาเปลี่ยน ฤดูกาลผันผ่าน เมื่อวานหมดไป วันนี้มาใหม่ พรุ่งนี้ก็รออยู่
คนที่เรารู้จักเมื่อห้าปีที่แล้ว เป็นคนละคนกับที่เราเพิ่งเจอหน้ากันเมื่อกี้ เขาเปลี่ยนไปแล้ว
เคยไหมครับ เจอเพื่อนสมัยเด็ก ๆ ตอนที่เราโตแล้ว และเราพบว่า
“เฮ้ย สมชาย เมื่อก่อนแกไม่ได้เป็นงี้นี่หว่า” ท่าทาง วิธีพูด คำพูดติดปาก ความคิด นิสัย มันเปลี่ยนแปลงไป
นี่แหละความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นแน่นอนทุกวัน
ถ้างั้นแสดงว่าพื้นฐานชีวิตเราอยู่กับความไม่แน่นอนทุกวัน ยังไงมันก็ต้องเปลี่ยน ยังไงมันไม่ก็ไม่เหมือนเดิม ยังไงก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าจะมั่นคงตลอดไป ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป สุขได้ ก็ทุกข์ได้ และเผลอ ๆ มันมาจากคน ๆ เดียวกันด้วยซ้ำ
สมมติว่า ถ้าเราทำงานอยู่ที่หนึ่ง บริษัทกำไรดี สิ้นปีนี้ได้โบนัส…กำไร
ปีหน้าเศษฐกิจแย่ เงินเดือนไม่ขึ้น ไม่มีโบนัส…ไม่เป็นไร ถือว่าเท่าทุน
อย่างน้อยก็ยังมีงานทำมาเป็นปี
อ้าว ! ปีต่อมาโดนเลิกจ้าง ปิดบริษัท ปลดพนักงาน…ไม่เป็นไร ก็รู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างมันไม่มีอะไรแน่นอน อย่างน้อย สามสี่ปีมานี่ก็ได้เรียนรู้งานจากเจ้านายที่เก่งมาก จนเราเข้าใจธุรกิจนี้เป็นอย่างดี มีโอกาสไปทำที่อื่นได้ ได้ทำงานที่นี่มาได้ทั้งกำไรและเท่าทุน
สมมติว่า เรากับแฟนรักกันมาก คบกันมา 3-4 ปีแล้ว แฟนดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี…กำไร
แต่ปีนี้ แฟนลืมวันเกิดเรา ไม่ได้พาไปเลี้ยงวันเกิดหรู ๆ…ไม่เป็นไร ถือว่าเท่าทุน
ปรากฎว่า เพิ่งมารู้ทีหลังว่า แฟนแอบไปมีใครอีกคนซ่อนไว้อยู่ ความมาแตก ทั้งๆ ที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว…ช่างมัน ถือว่าเท่าทุน เพราะเราก็ยังมีชีวิตของเราเหลืออยู่ ให้ไปเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่ได้ถูกปอกลอกหมดตัว หรือสูญเสียอะไรไป นอกจากความไว้ใจ
หรือถ้าลองคิดให้ลึกลงไปอีก มันอาจจะเป็นกำไรก็ได้ ที่เราได้คัดคนที่หลอกลวง ไม่ซื่อสัตย์ออกไปจากชีวิตเรา ก่อนที่สายเกินไป
ทุกอย่างบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรเป็นของเราเลยครับ
เราเกิดมาตัวเปล่า สิ่งที่เราครอบครองอยู่ตอนนี้ ครั้งหนึ่งก็ไม่ได้เป็นของเรามาก่อน ถ้าวันหนึ่งมันจะหลุดมือเราไป วันหนึ่งมันจะหายไป วันหนึ่งมันจะไม่เป็นอย่างที่เราหวังก็ถือว่ามันเท่าทุน เพราะอย่างน้อย สิ่งที่ยังเหลืออยู่กับเราเสมอ คือตัวเรา ชีวิตของเรา ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถือว่าชีวิตเราเท่าทุน
แต่ถ้าคิดดูให้ดี ที่เหลืออยู่ในชีวิตเรานั้น ในวันที่เราคิดว่าไม่เหลืออะไร คือ โอกาสใหม่ ๆ ทางเลือกในอนาคต วันเวลาที่ยังมาไม่ถึง ประสบการณ์ที่สั่งสมมา ความเข้มแข็งที่ผ่านการฝึกฝนชีวิต และความคิดที่เติบโตขึ้น
พอลองนับ ๆ ดูแล้ว เออ ! จริง ๆ แล้ว พวกนี้มันกำไรชีวิตทั้งนั้นนี่นา ลองคิดดูให้ดี ๆ ครับ
ความเห็น 3
หากรู้จักความพอเพียงกับในการดำเนินแล้ว ชีวิตย่อมที่จะไม่เป็นทุกข์.
20 ก.ย 2562 เวลา 10.02 น.
Peace
แต่นักการเมือง ข้าราชการ ทั้งระดับล่าง ถึงระดับบน ตลอดจน ทหาร ตำรวจ ระดับนายพล เหล่านั้น แต่ละคน มีเงินไม่ตำ่กว่า 10 - ถึง 1000 หรือมากกว่า พวกนี้คือ สร้างความเลื่อมล้ำให้กับสังคม ทั้งที่มีสวัสดิกาลเพียบ หาใส่ใจ แบ่งปันให้ผู้อยากไร้ เงินเหล่านี้ได้มาจากไหน 99% ได้มาจาก corruption
21 ก.ย 2562 เวลา 00.10 น.
Chat
ผมว่าถ้าเราคิดถึงคำสอนของตถาคตว่าอย่าคิดว่าสิ่งนี้จริงสิ่งอื่นเปล่าถ้าทำได้ชีวิตก็จะดำเนินไปตามธรรมชาติของมันเอง
21 ก.ย 2562 เวลา 00.05 น.
ดูทั้งหมด