เราเขียนเรื่องระเบียบ/จรรยาบรรณการเป็นนักจิตบำบัดที่นี่ไปแล้วในภาคแรก สัปดาห์นี้ขอมาต่อภาคสองแล้วกัน ขอบอกเลยว่า นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะให้เขียนทั้งหมดไม่ไหวแน่เยอะเหลือเกิน มันส์เข็ดฟันมาก
*4) การเก็บความลับของคนไข้ *
เรื่องนี้สำคัญมาก ยิ่งเราทำงานที่แอลเอ Therapist (นักจิตวิทยาบำบัด) หลายคนมีคนไข้เป็นคนดัง ฮอลลีวูดทั้งหลายบ้าง ถ้าเกิดเผลอคันปากเล่าให้เพื่อนสนิทหรือแฟนฟังถึงเรื่องราวกอสซิบที่ได้ยินมา โดนฟ้องเอาได้ง่ายๆ
แต่! มีบางข้อยกเว้นที่การเก็บความลับนั้น ละเมิด ได้ และต้องรีบรายงานศาลหรือตำรวจทันที (ถ้ารายงานช้าหรือรู้ข้อมูลแต่ไม่ยอมรายงาน ก็อาจโดนทั้งจำทั้งปรับเป็นปีได้เลยนะ) นั่นได้แก่
- การทารุณเด็ก
- การทารุณคนแก่ (65 ปีขึ้นไป)
- การทารุณบุคคลที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และต้องพึ่งพิงคนอื่นดูแล (18 ถึง 64 ปี)
- และเป็นคำสั่งศาล
ทั้งหมดนี่ ต้องเป็นเหตุการณ์ทารุณที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงปัจจุบันเท่านั้นนะ ถ้าผ่านมาแล้วในอดีต เราไม่สามารถไปฟ้องหรือเล่าให้ใครฟังได้ เราจำได้ว่าในคลาส เราถามครูด้วยว่า ‘แล้วถ้าเขาทารุณสัตว์ละคะ (คิดภาพน้องหมากำลังโดนตี) รายงานได้มั้ย’
จิตใจก็ต้องห่อเหี่ยว เพราะครูตอบกลับมาว่า ‘ไม่ได้ครับ มันเศร้านะ แต่ต้องบอกว่า เรามาทำงานช่วยเหลือคน ไม่ใช่ช่วยเหลือสัตว์’ ฮืออออออ
*5) ไม่กูเกิ้ล หรือแอบส่องคนไข้ในโซเชียลมีเดีย *
คิดดูว่าถ้าเราไปตามอินสตาแกรมคนไข้ กลายเป็นเห็นกันละกันตลอด ทั้งชีวิตปาร์ตี้ ชีวิตดราม่าลงไอจี ความสัมพันธ์จากคนไข้-therapist จะกลายเป็นความขี้เล่นกันเองเม้าท์มอย ความน่าเชื่อถือในอาชีพก็จะหายไป หรือหากเราไปกูเกิ้ลเขา หรือเรียนรู้เขาจากสื่อต่างๆ จะทำให้จิตใจเราลำเอียงเวลาฟังเรื่องราวของคนไข้ ไม่อยู่กับช่วงอารมณ์ในเซสชั่นนั้น
ครูเคยบอกว่า ลองคิดดูนะ ถ้าคนไข้มาบอกเราว่าไม่มีเงินจ่ายค่าบำบัด แต่เรากลับไปกูเกิ้ลแล้วเจอว่าเขาทำเงินได้เดือนละเป็นแสนๆ เราก็จะเกิดความรู้สึกทะแม่งๆ ตะหงิดๆ ทำให้รักษาได้อย่างไม่เป็นประสิทธิภาพ เพราะยังไงก็ตามคนไข้ก็ต้องมาก่อนเสมอ
*6) สถานที่ต้องเหมาะสมและปลอดภัยต่อการเก็บความลับ *
ต้องเป็นห้องปิดประตูมิดชิด ในสถานที่ที่น่าเชื่อถือ จะมามีเซสชั่นในร้านกาแฟ มีคนโช้งเช้งเดินไปมาแบบนี้ไม่ได้ (ถ้าคนไข้ไม่ว่าง สามารถมีเซสชั่นแบบโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลได้ แต่ก็ต้องทำในสถานที่ปิด หนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น)
ครูเล่าให้ฟังว่า มีวันหนึ่งระหว่างครูกำลังมีเซสชั่นกับคนไข้ ตึกนั้นมีซ้อมหนีไฟขึ้นมา ทุกคนต้องออกจากตัวตึกหมดเลย ครูก็ต้องปกป้องไม่ให้มีใครเห็นหน้าคนไข้ ว่าคนๆ นี้มาหานักจิตบำบัดซึ่งคือครู ทุกอย่างต้องเป็นความลับ ที่นี่ถึงขั้น ถ้าบังเอิญเดินเข้าไปในห้างแล้วเจอคนไข้ของเราในที่สาธารณะ เราต้องเดินออกทันที หรือทำเป็นไม่รู้จักกัน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมเปิดเผยตัว ว่ามาหานักจิตบำบัดกับใครอยู่
*7) ถ้าใครมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย เราสามารถบอกคนในครอบครัวเขาได้มั้ย? *
นี่ละตัวยากเลย แต่ละครั้ง การตัดสินใจบอกคนอื่นเราเองต้องปรึกษาหลายคนมาก เพราะมันเป็นเรื่องบอบบาง มันอาจกลายเป็นเปิดเผยความคิดซึ่งเป็นความลับของคนไข้ได้ แล้วเขาก็จะไม่เชื่อใจเราอีกแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนไข้แค่บ่นขึ้นมาลอยๆ ขึ้นมาว่า ‘โอ้ย เบื่ออยากตาย’ เราก็ต้องมานั่งคิดกับทีมของเราว่า คำพูดนี้มันน้ำหนักพอมั้ย ความจริงจังแค่ไหน
พอๆ กับการที่เขาบ่นว่า ‘แฟนใหม่ของแฟนเก่าฉันน่ารำคาญจังเลยอยากตบ!’ เราก็ต้องมานั่งคิดกับทีมอีกเหมือนกันว่าน้ำหนักคำพูดเป็นยังไง ซึ่งสำหรับการทำร้ายคนอื่นนั้น มันก็มีเกณฑ์ของมันไปอีกซับซ้อนไปอีก
เอาเป็นว่า แค่นี้ก่อนละกัน ปวดหัวใหญ่แล้ว
งานนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็เป็นงานที่เรารักมาก และรู้สึกว่าคุ้มในทุกวันที่ยังทำอยู่ดี
ติดตามบทความจากเพจ BEAUTIFUL MADNESS BY MAFUANG บน LINE TODAY ได้ทุกวันอังคาร
ความเห็น 4
Rainny L.(อิมกึมบี)🌦
คงจะอึดอัดมาก ถึงมาเขียนระบายอะไรหลายอย่าง การเก็บความลับของผู้อื่น มันคงทำให้เธออึดอัดและอยากจะบอกใครสักคนแต่บอกไม่ได้ น่าเห็นใจหมอเหมือนกันนะ เป็นมนุษย์ก็เป็นโรคทางจิตใจกันแทบทุกคน เป็นมากก็ถึงขั้นบ้า เป็นน้อยก็แค่ หลง แต่จะหลงอะไรก็ไปฝึกจิตดูกันเอาเอง
18 ก.ย 2562 เวลา 01.36 น.
การมีจรรยาบรรณต่อในอาชีพ ย่อมสามารถที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีได้อย่างแน่นอน.
17 ก.ย 2562 เวลา 10.33 น.
หรออ
17 ก.ย 2562 เวลา 09.06 น.
ดูทั้งหมด