ในเฟซบุคเพจของเราเอง (Beautiful Madness by Mafuang) เราพูดถึงความสำคัญของ Boundary หรือ ‘ขอบเขตความสบายใจ’ ค่อนข้างบ่อย
เพราะไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เรารู้ซึ้งเลยว่า ‘การให้เวลาตัวเองได้พักเพื่อเพิ่มพลังใจ’
มันมีความสำคัญมากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีอาชีพเกี่ยวข้องโดยตรงทางด้านจิตใจ
เช่นนักจิตบำบัดอย่างเรา
แต่ถึงจะไม่ใช่นักจิตบำบัด
เราเชื่อว่าหลายคนที่มีความสนใจเรื่องจิตวิทยา
ก็มักจะชอบฟังเรื่องราวและเหตุการณ์ในชีวิตของผู้อื่น
‘เพราะจิตใจและสภาวะอารมณ์ของมนุษย์ทั้งหลาย ช่างเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์’
แต่ถ้าเราคิดอยากจะรับฟังเรื่องราวหนักๆ ที่บางครั้งก็แสนปวดใจจากเพื่อนทั้งหลาย
แล้วเราไม่มีฟิลเตอร์ หรือ ‘แผ่นกรองอารมณ์’
คิดจะรับอย่างเดียว แล้วไม่รู้จักเท-ออก ไม่รู้จักพัก
หรือ ไม่คัดกรองคนที่ ‘คุ้มค่ากับหัวใจและความช่วยเหลือของเรา’
แทนที่เราจะรู้สึกมีความสุขและเติมเต็ม
มันกลับว่างเปล่า พลังงานแห้งเหือด
ใครก็ตามที่เปิดใจ ต้องการรับฟังคำปรึกษาของเราจริงๆ
เขาเหล่านั้น จะเป็นคนที่ซาบซึ้งถึงพลังกายและพลังใจที่เราจะมอบให้
ตั้งใจฟังสิ่งที่เรากำลังแนะนำ พร้อมสติปัญญาและความรับรู้ นำไปสะท้อนกับสิ่งที่ตัวเองเจอ ตื่นเต้นที่จะนำสิ่งนั้นไปปรับใช้ในชีวิตของตัวเอง
พวกเขาคือ คนที่พร้อมช่วยเหลือตัวเองให้ทุกอย่างดีขึ้น
โดยมีเราพร้อมเดินจูงมืออยู่ข้างๆ
แต่! เราอาจมีดวงต้องประสบพบเจอกับบุคคลประเภท ‘ชอบเล่นบทเหยื่อ’ (Victim Mentality)
ขอบอกให้เข้าใจก่อนว่า
ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง คนที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิต หรือภาวะบอบช้ำทางจิตใจมา และกำลังอยู่ในช่วงเยียวยาหัวใจของตัวเอง
แต่เรากำลังหมายถึง คนที่ขอใช้ชีวิตด้วยแนวคิดที่ว่า
‘ฉันตกเป็นเหยื่อของทุกอย่างในชีวิต โลกนี้เอาแต่จะกลั่นแกล้งฉัน มันไม่มีทางเลยที่ชีวิตฉันจะสดใสขึ้นมาได้’
บรรยากาศรอบตัวของเขา จะมีแต่ความ ‘สิ้นหวัง ไม่เหลือพลัง เหี่ยวแห้ง ยอมจำนน’
คนประเภทนี้ เราต้องคอยระวังและกลั่นกรอง
เอาตัวออกห่าง หรือไม่ผูกจิตผูกใจด้วยมากเป็นพิเศษ
นั่นเป็นเพราะ ‘เขาไม่ได้อยากดีขึ้น หรือใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ด้วยตัวเอง’
แต่เขาอยากจะมีตัวตนท่ามกลางบริบทปัญหาท่วมหัวให้เรารับรู้เสมอ
ขอพึ่งพาเราเสมอ
และมีวิธีบีบและกดดันให้เรารู้สึกผิด เมื่อเราเริ่มตีตัวออกห่าง
เหมือนๆ กับว่า ชีวิตของเขา คือหน้าที่ของเราที่ต้องดูแล
ยิ่งเราอยู่ด้วยไปเรื่อยๆ จิตใจก็จะมีแต่ความห่อเหี่ยว
เราจะคอยสังเกตคนประเภทนี้ได้อย่างไร?
- ‘ไม่เคยมีอะไรเป็นความผิดของฉันเลย!’
โทษโลก โทษทุกอย่างโดยอัตโนมัติ โบ้ยคนอื่นหมด คิดไว้แล้วว่า ทุกสิ่งอยู่เหนือการควบคุม และฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือพยายามทำอะไรให้มันดีกว่านี้ได้
- หลีกเลี่ยงการรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
หากคนประเภทนี้ เกิดความขัดแย้งกับใคร มักจะไม่พยายามหาทางประนีประนอม เปิดอก เจรจาถึงต้นตอของสิ่งที่เกิดขึ้น หรือหาวิธีเปลี่ยนสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีกว่านี้ ก็จะตีมึน แล้วชี้นิ้วไปที่คนอื่นทันที
- ใช้ปัญหา ในการเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง
ต้องการคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ประมาณว่า ขาดเธอแล้วขาดใจ ไม่กล้าที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัย หรือ Comfort zone ของตัวเอง ไม่อยากเสี่ยงเผชิญความท้าทายต่างๆ
เลยขออยู่ในบรรยากาศที่ตัวเองคุ้นชิน ถึงแม้มันจะเต็มไปด้วยความคิดที่ลบมากก็ตาม
- มีความสามารถในการตลบแตลง หาว่านี้เป็นความผิดของอีกฝ่าย
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชาย ที่ทำร้ายร่างกายผู้หญิง แล้วโทษฝ่ายหญิงว่า ‘ก็เธอทำตัวให้ต้องหึงก่อนทำไมล่ะ’
- บางครั้ง พวกเขาเหล่านี้ จะชอบเลือกมีความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ให้เกียรติ หรือทำร้ายบั่นทอนจิตใจตนเสมอ นั่นเป็นเพราะ จิตใต้สำนึกของพวกเขาเหล่านี้ ต้องการจะคอนเฟิร์มให้โลกรู้ไปเลยว่า พวกเขานั้นโชคร้ายแค่ไหน
ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม
ด้วยหัวใจที่อยากช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ของเรา
เราก็มีหน้าที่ช่วยเขาถึงจุดหนึ่งเท่านั้น
ในที่สุดชีวิตเขา มันก็เป็นของเขา
และก็ต้องเป็นเขา
ที่พร้อมจะลุกขึ้นมา ช่วยและดูแลตัวเอง
ติดตามบทความใหม่จาก เพจ Beautiful Madness by Mafaung ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY
ความเห็น 2
บทความดีมาก ๆ ค่ะ ชอบมาก ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
21 ต.ค. 2563 เวลา 11.15 น.
Pattie
ใครอยู่ใกล้จะเหนื่อยใจและอึดอัด พูดเยอะก็ไม่ได้ เงียบก็ไม่ได้
22 ต.ค. 2563 เวลา 08.58 น.
ดูทั้งหมด