เกมเบี่ยงประเด็น! ‘นักวิชาการ’ ชี้ 5 ปัจจัยกัมพูชา เปิดศึกรอบใหม่ หลังถูกไทยแฉปมทุ่นระเบิด
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 68 นายเชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์ประจำภาควิชาการบริหารและจัดการการเมือง วิทยาลัยพัฒนามหานคร มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาระอุอีกครั้ง หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แนวชายแดนไทย ว่า เหตุปะทะบริเวณภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่สะท้อน มุขเก่าในขวดเก่า ที่รัฐบาลกัมพูชามักใช้เป็นประจำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญ
นายเชษฐา กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชามีพฤติกรรมนักเบี่ยงประเด็นชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่เจอสถานการณ์เสียเปรียบ ทั้งในเวทีระหว่างประเทศ เศรษฐกิจภายในประเทศ และแรงกดดันด้านภาพลักษณ์จากนานาชาติ โดยมาจาก 5 ปัจจัยดังนี้ ประการที่ 1 เหตุปะทะชายแดนอาจถูกใช้เพื่อเบี่ยงประเด็นจากกรณีที่ รมว.การต่างประเทศของไทย นำคลิปหลักฐานการวางทุ่นระเบิดของกัมพูชาในเขตประเทศไทยไปยืนยันต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล การเปิดโปงดังกล่าวกระทบภาพลักษณ์ของกัมพูชาอย่างหนัก ทั้งต่อสายตานานาชาติและโครงการช่วยเหลือจากต่างประเทศ กัมพูชาจึงมีแรงจูงใจในการสร้างสถานการณ์ใหม่ เพื่อเบนความสนใจและพยายามสร้างภาพว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกรังแก
นายเชษฐา กล่าวต่อว่า ประการที่ 2 ความนิยมทางการเมืองในประเทศกัมพูชายังผันผวน รัฐบาลจึงต้องใช้ภัยคุกคามจากภายนอก เป็นเครื่องมือระดมความรู้สึกรักชาติของประชาชน การสร้างประเด็นปะทะชายแดนกับไทย ช่วยให้รัฐบาลมีเวทีแสดงบทผู้พิทักษ์ชาติและใช้ความขัดแย้งมาสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศ ประการที่ 3 มิติทางเศรษฐกิจ เนื่องจากกัมพูชากำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซา แรงงานจำนวนมากที่เคยทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในไทยต้องกลับบ้าน ขณะที่รัฐบาลไม่สามารถจัดหางานรองรับได้เต็มที่ การปิดด่านชายแดนต่อเนื่องส่งผลให้การค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนชะลอตัว แรงงานถูกเลิกจ้างเพิ่มขึ้น รายได้ภาคท่องเที่ยวไม่ฟื้นตามเป้า ภายใต้แรงกดดันเรื่องปากท้อง รัฐบาลจึงมีแรงจูงใจใช้ประเด็นความมั่นคงมาช่วยกลบเสียงวิจารณ์ด้านเศรษฐกิจ
นายเชษฐา กล่าวต่อว่า ประการที่ 4 ปัจจัยด้านภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่ากัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการของขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ จนถูกขนานนามว่า “Scambodia” พร้อมทั้งถูกกดดันจากหลายประเทศ ภายหลังมีการทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์และอายัดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลในภูมิภาค รวมทั้งในไทย การสร้างประเด็นปะทะชายแดนจึงอาจถูกใช้เพื่อเบี่ยงความสนใจของทั้งประชาชนในประเทศและสื่อต่างชาติ จากเรื่องอาชญากรรมไซเบอร์ มาสู่เรื่องศักดิ์ศรีแห่งชาติแทน
นายเชษฐา กล่าวว่า ประการที่ 5 มิติภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับเวียดนาม กรณีการพัฒนาเส้นทางและโครงสร้างพื้นฐานของเวียดนามไปยังเกาะฟูก๊วก ซึ่งกัมพูชาอ้างสิทธิทางประวัติศาสตร์ ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวภายในกัมพูชาและอาจถูกตีความว่า รัฐบาลกัมพูชา สกัดเวียดนามไม่อยู่จนเสี่ยงถูกโจมตีว่าอ่อนแอเกินไปต่อประเทศเพื่อนบ้าน การทำให้สถานการณ์ชายแดนกับไทยร้อนแรงขึ้น จึงอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อลดแรงกดดันจากกรณีเวียดนาม และเปลี่ยนเป้าความไม่พอใจของประชาชนไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
“การปะทะบริเวณชายแดนครั้งล่าสุด ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญหรือเหตุเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่เป็นมุกเก่าในพื้นที่เก่า ที่สะท้อนรูปแบบการเมืองแบบเดิมของรัฐบาลกัมพูชา ที่มักใช้ความขัดแย้งชายแดนเป็นเครื่องมือเบี่ยงประเด็น ฟื้นคะแนนนิยม และต่อรองในเวทีภูมิรัฐศาสตร์ ใครที่ติดตามการเมืองกัมพูชามาตลอด ย่อมมองออกว่า นี่คือรูปแบบการเมืองซ้ำๆ ของรัฐบาลกัมพูชา นักเบี่ยงประเด็นทางการเมืองตัวยงของอาเซียน” นายเชษฐา กล่าว.