จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าเราย้อนเวลาไป "ยุคกลาง" พร้อมเทคโนโลยี 2025 และความรู้ ม.ปลาย
สมมติว่าคุณ "ย้อนเวลา" ไปยุคกลาง พร้อมสมาร์ทโฟนและวิชาวิทย์ฯ คุณจะเปลี่ยนโลกหรือจะตุยเย่?
คู่มือเอาตัวรอดข้ามเวลา! 3 สิ่งจากยุคปัจจุบัน ที่จะเปลี่ยน "ยุคมืด" ให้กลายเป็นมหาอำนาจ
เคยจินตนาการไหมครับว่า ถ้าวันหนึ่งเราเกิดหลุดเข้าไปใน "รูหนอน" หรือเป็นตัวเอกนิยายแฟนตาซีที่ต้องย้อนเวลากลับไปโผล่ในยุโรป "ยุคกลาง" (ช่วงปี ค.ศ. 500-1500) พร้อมกับความรู้และเทคโนโลยีในปัจจุบัน คุณจะกลายเป็นพ่อมดผู้วิเศษ หรือจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล?
หลายคนมักติดภาพจำว่ายุคกลางคือยุคมืดที่สกปรก ล้าหลัง และศาสนจักรไล่ล่าแม่มด แต่ความจริงแล้ว ศาสนากับวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นไม่ได้ตีกันรุนแรงอย่างในหนัง ผู้นำศาสนาหลายคนมองว่าวิทยาศาสตร์คือการทำความเข้าใจ "ผลงานของพระเจ้า" นี่จึงเป็นช่องว่างให้ "นักเดินทางข้ามเวลา" อย่างคุณ ใช้ความรู้สมัยใหม่เข้าไปปฏิวัติโลกได้ แต่จะเริ่มจากตรงไหนดี?
1. ปฏิวัติ "ส้วม" เปลี่ยนนรกเชื้อโรคให้เป็นเมืองสวรรค์
ถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนโลก อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องสร้างจรวด ให้เริ่มจากเรื่อง "ขี้" ก่อนเลยครับ! ในยุคกลาง สุขอนามัยคือฝันร้าย ของเสียจากปราสาทราชวังมักถูกทิ้งลงมาจาก "Garderobe" (ห้องส้วมที่ยื่นออกมาจากกำแพง) ตกลงสู่คูน้ำรอบปราสาทโดยตรง ทำให้เมืองกลายเป็นบ่อเพาะเชื้อโรคชั้นดี
สิ่งที่คุณทำได้: ไม่ต้องใช้ชิปคอมพิวเตอร์ แต่ใช้แค่ "อิฐ" และ "ระบบประปา" สอนให้พวกเขาสร้างระบบท่อระบายน้ำแยกของเสียออกจากแหล่งน้ำกินน้ำใช้ และแนะนำนวัตกรรมที่จีนมีใช้มานานแล้วอย่าง "กระดาษชำระ" เพียงเท่านี้ คุณก็จะช่วยชีวิตคนนับล้านจากอหิวาตกโรค ฆาตกรเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนในยุคนั้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
2. เดิมพันด้วย "วัคซีน" สู้กับมัจจุราชไข้ทรพิษ
โรคระบาดอย่าง "ไข้ทรพิษ" (Smallpox) ในยุคนั้นมีอัตราการตายสูงถึง 33% การที่คุณจะพกวัคซีนใส่กระเป๋าไปจากอนาคตเป็นความคิดที่ไม่เวิร์ก เพราะใช้แล้วก็หมดไป ผลิตเพิ่มไม่ได้
สิ่งที่คุณทำได้: ใช้ความรู้ของ เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ (บิดาแห่งวัคซีน) นั่นคือการใช้ "ฝีดาษวัว" (Cowpox) ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่า มาปลูกฝีให้ชาวเมืองเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แม้วิธีนี้อาจจะดูเสี่ยงและต้องแลกด้วยชีวิตบ้างในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์คือการหยุดยั้งโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไปค่อนโลกได้ชะงัด (แต่อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยในช่วงแรกด้วยล่ะ เพราะตัวคุณเองอาจนำไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากอนาคตไปแพร่ใส่พวกเขาได้)
3. เปลี่ยนค่ำคืนอันมืดมิด ด้วย "ไฟฟ้า"
คนยุคกลางรู้จักแค่ไฟจากคบเพลิง ทั้งที่ชาวกรีกโบราณรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตมานานแล้ว นี่คือเวทีของคุณ! คุณสามารถสอนช่างตีเหล็กให้หลอมทองแดง ตีเป็นเส้นลวด แล้วใช้ร่วมกับแม่เหล็กเพื่อสร้าง "เครื่องกำเนิดไฟฟ้า" แบบง่ายๆ
สิ่งที่คุณทำได้: เมื่อมีไฟฟ้า คุณสามารถสร้าง "แท่นพิมพ์ระบบไฟฟ้า" ได้เร็วกว่าไทม์ไลน์จริงหลายร้อยปี ความรู้ ข่าวสาร และวิทยาการจะแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ทำลายกำแพงความรู้ที่เคยถูกผูกขาดโดยชนชั้นสูง นี่ยังไม่นับการสอนทำหลอดไฟ หรือมอเตอร์พื้นฐาน ที่จะพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมไปตลอดกาล
4. เมื่อสมาร์ทโฟน กลายเป็น "คัมภีร์เวทมนตร์"
ในยุคนั้น อุปกรณ์ไฮเทคที่สุดคือ "แอสโตรแลบ" (Astrolabe) ที่ใช้ดูดาวและบอกเวลา แต่ถ้าคุณหยิบสมาร์ทโฟน (ที่โหลดข้อมูล Offline Wikipedia ไว้แล้ว) ขึ้นมา คุณคือพระเจ้าทันที! ด้วยระบบไฟฟ้าที่คุณสร้างขึ้น คุณสามารถชาร์จแบตฯ และใช้มันเป็นคลังความรู้เพื่อสอนวิทยาการต่างๆ ได้ไม่รู้จบ
บทสรุป Butterfly Effect ที่น่ากลัว
การนำเทคโนโลยีไปเร่งวิวัฒนาการในอดีต ฟังดูเท่เหมือนการ์ตูน Dr. Stone แต่ในความเป็นจริง มันจะเกิด "Butterfly Effect" หรือปีกผีเสื้อขยับที่รุนแรงมาก ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สงครามอาจเปลี่ยนขั้ว เทคโนโลยีอาจก้าวกระโดดจนโลกปัจจุบันที่คุณจากมา "ไม่มีอยู่จริง" อีกต่อไป
นี่คือความย้อนแย้งของการย้อนเวลา เพราะเมื่อคุณสร้างอดีตที่ดีกว่า คุณอาจกำลังลบตัวตนของคุณในอนาคตทิ้งไปโดยไม่รู้ตัว!