โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หวั่นวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาด-แพงขึ้นจากเอลนีโญและข้อตกลงทะเลดำ

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 03 ส.ค. 2566 เวลา 11.32 น. • เผยแพร่ 03 ส.ค. 2566 เวลา 04.22 น. • สำนักข่าวไทย อสมท

กรุงเทพฯ 3 ส.ค.- นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยหวั่นผลผลิตธัญพืชซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์จะมีปริมาณลดลงทั่วโลกเนื่องจากสภาวะเอลนีโญ รวมถึงการที่รัสเซียระงับข้อตกลงส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำของยูเครน ขณะที่สมาคมหมูเกรงราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่อาจปรับเพิ่ม จะซ้ำเติมภาวะขาดทุนจาก “หมูเถื่อน” เตรียมหารือภาครัฐส่งหนังสือถึงประเทศผู้ส่งออกหมูว่า ไทยยังไม่เปิดนำเข้าเนื้อหมู คาดส่งผลให้เกิดภาวะขาดทุนในธุรกิจสุกรไทยถึงสิ้นปี 2566

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยกล่าวแสดงความกังวลถึงปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบอาหารสัตว์ว่า สภาวะเอลนีโญมีแนวโน้มต่อเนื่องไป 1 ถึง 3 ปี จึงเป็นสัญญาณอันตรายว่า ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ รวมถึงธัญพืชซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ นอกจากนี้รัสเซียยังระงับ “ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ” อีกครั้งซึ่งจะทำให้การส่งออกธัญพืชจากยูเครนที่เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชอาหารสัตว์แหล่งใหญ่ของโลกต้องหยุดชะงัก ดังนั้นอาจเกิดปัญหาทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดและแพงขึ้น

ขณะที่ประเทศไทยยังไม่เตรียมการรับมือ โดยจำกัดการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาข้าวโพดหนีภาษีสวมสิทธิ์ในประเทศ ขณะที่การเพิ่มการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยยังไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง รวมถึงการปลูกยังขาดมาตรฐานรับรอง ต่างจากเวียดนามที่นำเข้าข้าวโพดได้ 100% และเริ่มปลูกข้าวโพด GMO แล้ว

นายทวีเดช ประเจกสกุล กรรมการและผู้จัดการฝ่ายวิชาการ บริษัท ท็อปฟีดมิลล์ จำกัดกล่าวว่า กังวลว่า ซับพลายวัตถุดิบอาหารสัตว์จะขาดมากกว่าราคาที่จะแพงขึ้น ส่วนการหาวัตถุดิบทดแทนโดยเชิงปริมาณแล้ว ยากที่จะทำได้ ดังเช่นกากเบียร์ กากทานตะวัน และกากงาที่จัดหาได้เพียงตามฤดูกาลเท่านั้น

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือเปิดเผยว่า ผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศได้รับความเดือนร้อนอย่างหนักจากราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มต่ำกว่าต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะต้นทุนด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น โดยเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนตั้งแต่ต้นปี 2565 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันทำให้ราคาสูงขึ้นกว่า 30% ล่าสุดรัสเซียประกาศยกเลิกข้อตกลงธัญพืชทะเลดำซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลีที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักเพิ่มขึ้นแล้ว 5-10% ประกอบกับปีที่ผ่านมา เกษตรกรลงทุนปรับปรุงฟาร์มเพื่อป้องกันการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น

ทั้งนี้ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มของไทยจากที่เคยมีราคาสูงสุดในภูมิภาคอาเซียนเมื่อปี 2565 แต่ปีนี้กลับตกต่ำที่สุดเนื่องจากได้รับผลกระทบจาก “หมูเถื่อน” ยังคงมีกระจายทั่วประเทศช่วงครึ่งปีแรก 2566 ทำให้ราคาหมูลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จึงต้องการให้ภาครัฐปราบปรามหมูเถื่อนให้สิ้นซาก

นายสัตวแพทย์เกียรติภูมิ พฤกษะวัน เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา “หมูเถื่อน” ไหลเข้าสู่ประเทศไทย ทั้งที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรไทยเพิ่งฟื้นจากการระบาดของโรค ASF ในปี 2564 และสามารถเพิ่มการผลิตสุกรจนเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศแล้ว เมื่อมีปริมาณเนื้อสุกรนอกกฎหมายเข้ามาในตลาด ทำให้ราคาสุกรหน้าฟาร์มตกต่ำอย่างมากตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 4 ปี 2565 เป็นต้นมา โดยที่ภาครัฐไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศได้

ล่าสุดสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติเตรียมหารือกับกรมปศุสัตว์ให้ส่งหนังสือแจ้งให้กับหน่วยงานราชการนานาชาติทราบถึงปัญหา “หมูเถื่อน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งแจ้งประเทศผู้ส่งออกเนื้อสุกรมายังประเทศไทยว่า ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า เพื่อให้ประเทศผู้ส่งออกต้นทางที่รับคำสั่งซื้อจากผู้นำเข้าที่ไม่ได้รับอนุญาตจากประเทศไทยให้แจ้งทางผู้นำเข้าถึงปัญหาดังกล่าว เพื่อป้องกันการไหลของ “หมูเถื่อน” เข้ามายังตลาดเมืองไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายนี้โดยด่วน ส่วนในประเทศนั้น ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กวาดล้างขบวนการนี้จนถึงที่สุด

นายสัตวแพทย์เกียรติภูมิกล่าวว่า ปัจจุบันไม่มีข่าวการแพร่ระบาดใหม่ของโรค ASF ในประเทศไทย โดยฟาร์มสุกรที่ได้รับเป็นฟาร์มมาตรฐานเพิ่มขึ้นเป็น 6,209 ราย ยิ่งสร้างความมั่นใจในเชิงประสิทธิภาพของการป้องกันโรค โดยจำนวนสุกรเข้าเชือดในแต่ละวันประมาณ 55,000 ตัว คิดเป็น 80-90% ของจำนวนช่วงก่อนการระบาดของโรค ASF

ส่วนต้นทุนการเลี้ยงสุกรของไทยอยู่ประมาณ 90 บาทต่อกิโลกรัมแต่สามารถขายได้ประมาณ 60 บาทต่อกิโลกรัมทำให้ผู้เลี้ยงสุกรขาดทุนตัวละ 3,000 บาท โดยปริมาณการผลิตในประเทศมีการผลิตสุกรเฉลี่ย 50,000ตัวต่อวัน เท่ากับขาดทุนวันละ 150 ล้านบาท หรือ เดือนละ 4,500 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการฟาร์มสุกรในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงการระบาดปี 2564-2565 จะต้องมีทุนรองรับการขาดทุนจาก ASF และมีทุนเพื่อการขยายตัว คาดว่า การขาดทุนในธุรกิจสุกรไทยอาจลากยาวถึงสิ้นปี 2566

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติประกาศราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม โดยราคาอยู่ระหว่าง 62- 74 บาทต่อกิโลกรัมตามแต่ละภูมิภาค โดยตลาดมีทิศทางดีขึ้น การซื้อขายจริงมีฐานราคาปรับขึ้นเล็กน้อยในหลายภูมิภาค แม้รายงานแต่ละภูมิภาคยังรายงานราคาที่ทรงตัว พร้อมระบุถึงคดี “หมูเถื่อน” ว่า มีสายของผู้ประกอบการขนส่งทางเรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสาวถึงขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าสุกร

นอกจากนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมประชุมกับกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากรในสัปดาห์หน้าเพื่อกำหนดวันทำลายสินค้าของกลางในตู้คอนเทนเนอร์ 161 ตู้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งกำหนดพื้นที่ทำลายของกลางเป็นในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยของกลางเสื่อมสภาพจนไม่สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อการบริโภคได้แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...