คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์
ข้อมูลเบื้องต้น
หลี่เฟิ่งเซียนนั่งมองคนชั่วในกรงสุนัขจากช่องฝาผนังของห้องเก็บฟืน นางไม่เข้าใจจริงๆเหตุใดเขาต้องช่วยนางมากเพียงนั้น ถึงขั้นยอมอยู่ในกรงสุนัข เห่าหอนเช่นสุนัข หากเป็นนางคงหนีเอาตัวรอดก่อน หรือไม่ก็ตายให้สิ้นเรื่อง นางนั่งมองเขาจนนางหลับไป
ส่วนคนชั่วคนนั้น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางนั่งจ้องเขาอยู่เป็นนานสองนาน ในเมื่อห้องเก็บฟืนเก่านั่น ผนังไม้หลุดไปหลายแผ่น ไม่ได้มิดชิดอะไร เขาได้แต่หงุดหงิด หัวใจสั่นรัวเป็นบางครั้ง แต่ไม่กล้ามองกลับไปทางที่นางอยู่ คิดเพียงว่านางอาจกำลังสมเพชเขาที่ยอมถูกดูแคลนมากเช่นนี้ หรือไม่ก็กำลังดูถูกเขาที่นั่งอยู่ในกรงราวกับสุนัข
บทที่ 1 โดนจับ
หลี่เฟิ่งเซียน คุณหนูใหญ่ ลูกสาวคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนแม่ทัพ รั้นเอาแต่ใจอยากตามท่านพ่อและท่านอ๋องเยียนไปชายแดนสวีโจวให้ได้ นางให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องตามไปเกี้ยวท่านอ๋องเยียน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า แม้จะถูกท่านย่าทำโทษคุกเข่าในศาลบรรพชนกระทั่งขบวนทัพออกเดินทางได้หลายวันแล้ว สุดท้ายเมื่อท่านย่ารู้ หลี่เฟิ่งเซียนก็หอบผ้าขี่ม้าตามขบวนทัพไปแล้ว
เพราะตามมาช้าหลายวัน ต่อให้หลี่เฟิ่งเซียนควบม้าไม่พัก จนต้องเปลี่ยนม้าไปสองตัวก็ยังไม่สามารถตามขบวนทัพทัน นางได้แต่ก่นด่าตามถนนครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเมื่อมืดค่ำก็ยังต้องหาที่พักก่อน
คืนนั้นในห้องพัก ระหว่างที่นางกำลังหลับสบาย จู่ๆก็มีบางอย่างปิดลงมาที่หน้าของนางอย่างแรง ด้วยความตกใจหลี่เฟิ่งเซียนสะดุ้งตื่น จมูกได้กลิ่นฉุนบางอย่างคล้ายสมุนไพร นางตะเกียกตะกายคว้าโดนมือของใครบางคน แต่โชคร้าย มือข้างนั้นบีบลงมาที่คอของนางอย่างแรง หายใจไม่สะดวก รู้สึกปวดแสบทั่วลำคอเพราะกลิ่นฉุนและแรงกด แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆเลือนรางลง
นางสิ้นสติในที่สุด!!
หลี่เฟิ่งเซียน ตื่นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ลืมตาตื่นท่ามกลางความมืด แต่คล้ายว่านางนอนขดตัวอยู่บนรถม้าที่เต็มไปด้วยฟางข้าวสาลี กำลังวิ่งโคลงเคลงไปตามถนนขรุขระ มีบางอย่างมัดมือของนางไว้ทั้งสองข้างไพล่หลัง
นางพยายามดิ้นรนแต่ไม่หลุด พยายามจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เสียงที่ออกมาจากปากของนาง แหบแห้งจนฟังแล้วคล้ายกับเสียงลูกหมูที่กำลังถูกเชือดคอ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดยังไม่ใช่เสียงของนาง
แต่เป็นความรู้สึกด้านในลำคอที่ราวกับถูกถ่านไฟแดงฉานลวก ทั้งปวดแสบปวดร้อน ทั้งทุกทรมานทุกช่วงขณะที่หายใจ ด้วยความโมโห นางเตะขาไปทั่ว จนกระทั่งไปโดนถูกบางอย่างเข้า
หลังจากนั้น หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเสียงคล้ายบางอย่างกำลังขยับ นางจึงนิ่งตั้งใจฟัง หวังว่าจะเป็นสาวใช้หรือใครบางคนที่ต้องรีบหาทางจุดไฟ และรีบขอโทษขอโพยคุณหนูใหญ่เช่นนาง แต่นางคาดผิด จู่ๆก็มีมือผอมบางเย็นยะเยือกข้างหนึ่ง คลำไปทั่วตัวของนาง!
คราแรกก็คลำจากสะโพก ไปที่เอว ค้นเจอถุงเงินและบางอย่างก็หยิบฉวยขโมยทันที หลี่เฟื่องเซียนอยากจะกรีดร้องประท้วงแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เตะเปะปะ ดิ้นรนไม่พอใจ
"ชู่ว…" มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายกระซิบห้ามนางส่งเสียงที่ข้างหู
หลี่เฟิ่งเซียนขนลุกซู่ ตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว นางเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!
มือข้างนั้นยังคงเลื่อนขึ้นไปบริเวณใกล้หน้าอก ก่อนจะเลี่ยงไปจับแขนของนาง ลูบคลำไปเรื่อยๆจนถึงลำคอ และเลื่อนไปลูบคลำที่ใบหูของนาง ค่อยๆดึงตุ้มหูทองคำแกะสลักที่ฮ่องเต้ประทานให้เมื่อปีก่อนออก
นางเข้าใจแล้วว่ากำลังถูกปล้น แต่ทั้งชีวิตคุณหนูใหญ่เช่นนางไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ถึงนางจะเป็นลูกสาวจวนแม่ทัพ กล้าหาญเหนือชายหลายคน ในสถานการณ์น่ากลัวเช่นนี้ นางทำสิ่งใดไม่ได้มาก ได้แต่นิ่งเฉย ปล่อยให้ตัวเองถูกลูบคลำ ถูกขโมย และร้องไห้ด่าตะโกนในใจ ไม่เช่นนั้นนางอาจตายได้ นางเข้าใจสถานการณ์ดี
นางนิ่งเงียบหวาดกลัวจนคนถ่อยที่ลูบคลำรู้สึกได้ เขาจึงหยุดกระทำเรื่องชั่ว หันไปนั่งห่างๆเช่นเดิม
'หน็อยแน่!!! เจ้าคนชั่ว ทำมาเป็นคนดี ทั้งที่เจ้าขโมยของมีค่าบนตัวข้าไปหมดแล้ว ฮึ่ม!' หลี่เฟิ่งเซียนก่นด่าในใจ เจ็บใจที่กระทั่งด่านางยังทำไม่ได้
เพราะความเจ็บปวดที่ลำคอหรือเพราะยาสลบที่นางโดนยังไม่หมดฤทธิ์ดี ทำให้นางค่อยๆง่วงซึมหลับไปอีกครั้ง แม้รถม้าจะกระเด้งกระดอนไม่สบายตัว ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่แน่ใจ เมื่อหลี่เฟิ่งเซียนลืมตาตื่นอีกครั้ง ครานี้มีแสงสว่างสายหนึ่งลอดผ่านช่องบนกำแพงหนา ถึงจะไม่เห็นชัดเจน แต่ก็พอจะสามารถแยกออกว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด
นางยังคงถูกมัดมือ รู้สึกเจ็บปวดตามเนื้อตัว และยังคงรู้สึกแสบร้อนที่ลำคอ หลี่เฟิ่งเซียนกวาดตามองไปรอบๆ ห้องนี้คล้ายคุกใต้ดินในจวนแม่ทัพอยู่มาก เพียงแต่ที่นี่ทั้งสกปรกทั้งเหม็น บนพื้นมีคราบน้ำเฉอะแฉะ ยังดีที่มีกองฟางบางๆปูให้นั่งให้นอน
ที่สำคัญ นางไม่ได้เป็นคนเดียวที่ถูกจับ!! ยังมีหญิงสาวอีกสองสามคนที่นั่งตัวสั่นหวาดกลัวอยู่ข้างๆนาง และมีอีกคนที่ท่าทางผอมแห้งมาก ขดตัวซุกหน้านอนคู้อยู่ตรงมุมห้อง เพราะในห้องแสงสว่างไม่พอ ส่องไปไม่ถึงที่มุมนั้น นางจึงเห็นร่างนั้นไม่ชัด รู้เพียงว่าเสื้อผ้าสกปรกยิ่ง
หลี่เฟิ่งเซียนเบะปาก ขยะแขยงและไม่พอใจ เหตุใดมีเพียงนางที่ถูกมัดมือ!! แต่ถึงจะโมโหเพียงใด นางยังคงส่งเสียงไม่ได้ จะหายใจยังยากลำบาก
จู่ๆ ก็มีเสียงพูดคุยดังมาแต่ไกล คราแรกยังจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไรกัน รู้เพียงว่าเป็นเสียงของชายฉกรรจ์หลายคน ต่อมาก็เริ่มได้ยินชัดเจนว่าพวกมันพูดว่าอย่างไร
"ข้าเอาคนขาวๆ"
"ข้าอยากได้นางม้าพยศ ฮ่าๆๆ.."
"ข้าจองคนเด็กสุด"
"เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ข้าไม่อยากได้ไม้เสียบผีผอมแห้งนั่นหรอกนะ"
หลี่เฟิ่งเซียนกำลังพยายามจับใจความหมายที่พวกมันคุยกัน แต่จู่ๆ เงาที่มุมห้องนั่นก็ลุกพรวดพราดเข้ามาใกล้นาง ผลักนางล้มบนกองฟาง แต่เพราะกองฟางไม่ได้หนามาก นางยังคงเจ็บอยู่ดี นางความโมโหมากแต่พูดไม่ได้ นางจึงชักสีหน้าแบบคุณหนูใหญ่กลับไป
แต่กลับมีฝ่ามือปิดลงมาที่ปาก ป้องกันไม่ให้นางส่งเสียง อีกมือหนึ่งก็เริ่มดึงเชือกมัดเอวของหลี่เฟิ่งเซียน นางตกใจแต่ทำอะไรไม่ได้มาก ได้แต่ดิ้นไปมา แม้ร่างที่คร่อมนางอยู่จะผอมมาก แต่ยังมีแรงสามารถกดนางเอาไว้ได้ แล้วคนผู้นั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของนาง ครั้งนี้หลี่เฟิ่งเซียนไม่อาจยอมได้จริงๆ มันน่ารังเกียจแม้ผู้ที่พยายามถอดจะเป็นสตรีก็ตาม นางเริ่มส่งเสียงแม้จะพูดไม่ได้
"อื้อออ.. อ้ากกก.."
หญิงสาวหลายคนที่อยู่ข้างๆ มองมาด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ หลี่เฟิ่งเซียนโมโห นางร้องขนาดนี้ ถูกกระทำเลวร้ายเช่นนี้ พวกนางก็ยังโง่งมไม่ลุกมาช่วยนางอีก
เสื้อผ้าของนางหลุดลุ่ยจนเห็นตู้โตว แต่ยายผู้หญิงสกปรกที่นั่งคร่อมนางอยู่ก็ยังไม่หยุด ยื่นมือมาดึงกระชากตู้โตวของนางทิ้ง เผยให้เห็นหน้าอกและยอดชมพูที่ราวกับซาลาเปาลูกท้อ อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงนางขึ้นมากอด พยายามแก้มัดมือให้หลี่เฟิ่งเซียน
แต่โชคร้าย หลี่เฟิ่งเซียนนางเป็นใคร จะให้คนผู้หนึ่งกระทำกับนางเช่นนี้หรือ นางกัดไปบนไหล่ของร่างที่กอดนางอยู่
'นางนี่ ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้วหรือไร …' แล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็นึกบางอย่างออก
มือผอมบาง เย็นยะเยือก นี่ใช่เจ้าคนที่ปล้นนางเมื่อคืนหรือไม่ มันไม่ได้เป็นผู้หญิงนี่!!!
บทที่ 2 ถอดกางเกง
คิดได้ดังนั้น หลี่เฟิ่งเซียนยิ่งหวาดกลัวยิ่งดิ้นรน
"อื้อ..อื้อออ" นางส่งเสียงร้อง ไม่สนใจความปวดแสบในคอ
เจ้านั่นผลักนางล้มลงอีกครั้ง ยื่นนิ้วชี้มาแตะตรงปากของหลี่เฟิ่งเซียน เป็นเชิงบอกให้นางเงียบ แต่นางไม่ยอม จึงดิ้นรนต่อไป หวังว่าตัวเองจะส่งเสียงดังมากพอจนผู้มาใหม่ได้ยิน เพราะเสียงพูดคุยด้านนอกใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"เงียบก่อน!" เขาสั่งนาง
แม้แต่ชายผอมแห้งผู้นั้นก็รับรู้ได้ว่าคนข้างนอกใกล้เข้ามาทุกที มันหันไปมองด้านทางเข้าคราหนึ่ง และหันมามองนาง ตัดสินใจฉีกเสื้อคลุมตัวนอกของนาง ดึงออกและยัดใส่ใต้กองฟาง หลี่เฟิ่งเซียนตกใจกับแรงมหาศาลที่มาจากมือผอมแห้งนั้น!
แล้วเจ้าคนชั่วนั่นก็เริ่มถอดเสื้อถอดกางเกงของมัน ทาบทับลงมาที่ตัวของหลี่เฟิ่งเซียน แม้นางจะตกใจ พยายามดิ้นรนไม่ยอมรับ แต่เขาก็มีเรี่ยวแรงมากพอจะกอดนางให้อยู่นิ่ง เมื่อเขาใช้มือลูบไปที่กลีบซ่อนเร้นของนาง หลี่เฟิ่งเซียนสะดุ้งตกใจ ชั่วชีวิตของนาง นางยังไม่เคยพบเจอเรื่องสารเลวมากเท่านี้มาก่อน เขาแยกขาของนางออก นางรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด นางกำลังจะถูกย่ำยี!!!
หลี่เฟิ่งเซียนหันหน้าไปทางหญิงสาวที่เหลือ พวกนางหวาดกลัวตัวสั่นจนต้องหลบหน้า หลับตาแน่นไม่กล้าหันมามองที่หลี่เฟิ่งเซียน นางหมดหวังจะให้คนช่วย แต่เจ้านั่นก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ยังคงกอดนางไว้ ทาบทับอยู่บนตัวนางไม่ขยับ
หลี่เฟิ่งเซียนได้แต่ภาวนาให้คนข้างนอกเข้ามาเร็วๆ นางจะได้หลุดพ้นจากสภาพน่าอนาถนี้ แต่พอมีคนเข้ามาจริงๆ เจ้าคนเลวที่ทับนางอยู่ก็เริ่มขยับช่วงล่าง นางยังรู้สึกถึงบางอย่างที่ถูไถไปมาตรงกลีบดอกไม้ของนาง
"เฮ้ย นั่นมันอะไรกัน!!"
"หน็อย!! หยุดนะโว้ย!!"
เสียงตะโกนของผู้ชายหลายคนดังมา หลี่เฟิ่งเซียนคิดว่าตัวเองรอดแล้ว แต่เจ้าชั่วกลับก้มลงมากอดนางแน่น และเริ่มจูบปากของนาง ลิ้นอุ่นๆที่แทรกเข้ามาในปาก และกลิ่นเปลือกไม้บางอย่าง นางไหนเลยจะเคยชิดใกล้ชายใดมากขนาดนี้ หวาดกลัวจนความคิดในหัวเหลวเป็นอาหารหมู คิดสิ่งใดไม่ออก
แล้วชายสี่ห้าคนที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่กระชากเจ้าคนชั่วออกไปอย่างแรง หลี่เฟิ่งเซียนยังรู้สึกเจ็บที่ริมฝีปาก ตรงบริเวณที่ถูกเจ้านั่นจูบ นางรีบหุบขาด้วยความอับอาย นอนพลิกคว่ำเพื่อหลบหนีเรื่องน่าเวทนานี้ แม้แต่จะยื่นมือไปจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางยังทำไม่ได้ นางรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด
"เจ้านี่เป็นผู้ชายหรือ?"
"หน็อย!!"
หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเสียงเจ้าคนชั่วโดนเตะหนักๆหลายครั้ง แล้วพวกคนมาใหม่ก็เริ่มทะเลาะกัน
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้ดูดีๆ สมองโง่ๆเช่นเจ้าแม้กระทั่งจับผู้หญิงยังทำไม่เป็น ยังจะจับตัวผิดมา ไหนมันจะทำลายสินค้าเช่นนี้อีก นายท่านรู้เข้า เก้าชั่วโคตรก็ไม่พอให้นายท่านลงทัณฑ์"
"ข้าเห็นว่าตัวผอมๆบางๆ จึงนึกว่าเป็นผู้หญิง" อีกคนแก้ตัวเสียงอ่อย
"เจ้าโง่..นั่นมันผู้ชาย!!"
"ข้าขอโทษ ข้าเห็นว่าเขามีดวงตาที่งดงามราวกับสาวงาม อกเอวก็อ้อนแอ้น จึงเข้าใจผิด"
"ช่างเถอะช่างเถอะ ค่อยลงโทษเจ้าทีหลัง รีบไปแต่งตัวให้นางเด็กคนนั้น ถึงจะโดนทำให้เสียของ แต่เช่นนี้ก็ดี ตอนจับตัวมามันพยศมาก ตอนนี้คงอยู่เงียบๆได้สักที อย่างไรก็ยังขายได้ แม้จะเสียราคาไปบ้าง แต่ผิวขาวเนียนละเอียดมาก รีบพาตัวไปให้นายท่าน พวกข้าจะได้สนุกกันสักหน่อย"
หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้นาง
"เดี๋ยวก่อนนายท่านทั้งหลาย ข้าแนะนำว่าอย่าถูกตัวนางจะดีกว่า" เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนจำได้ว่าเป็นเสียงของเจ้าคนเลวคนนั้น
"เรื่องเมื่อครู่ข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ แต่ตอนนี้ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ข้าขอยอมรับกับพวกท่านตามตรง อันที่จริงแล้วข้าเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง มันรักษาไม่หายและอาจถึงตายได้" เจ้าคนชั่วมันยังคงพูดต่อ
"ถ้าท่านไม่เชื่อก็เข้ามาดูใกล้ๆ ที่ข้าผอมแห้งเพียงนี้ก็เพราะใกล้ตาย หากท่านแตะต้องตัวนาง ข้าเกรงว่าอาจจะติดโรคได้"
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกหนาวยะเยือกในใจ นี่นางถูกย่ำยีไม่พอ นางยังติดโรคร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตอีกหรือ นางค่อยๆหันหน้าไปทางเสียงพูด เห็นชายคนหนึ่งถือคบเพลิงเดินไปใกล้ๆเจ้าคนชั่วที่เปลือยเปล่าไม่มีผ้าสักชิ้นใส่ มันทำเพียงใช้สองมือกุมตรงเป้าเอาไว้ เขาค่อยๆลุกขึ้น เดินไปใกล้กับแสงไฟ เขามีผิวหนังขาวซีดน่ากลัว ผอมแห้งจนมีเพียงหนังหุ้มกระดูก บนแขน หลังมือ และบนไหล่บางจุดมีรอยคล้ายแผลถลอก ยังมีตุ่มใสน่ารังเกียจขึ้นเป็นหย่อมๆ
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียน มือผอมแห้งมีตุ่มใสๆเต็มไปหมดนั่น เมื่อคืนยังลูบคลำนางไปทั้งตัวของนาง เมื่อครู่ยังฉีกเสื้อผ้านางและกอดนางแนบเนื้อ เอาเชื้อโรคมาแพร่ใส่นาง
หลี่เฟิ่งเซียนอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากจะอ้วกอาเจียนก็ทำไม่ได้ แม้นางจะอยู่ไกลขนาดนี้ยังมองออกว่าเขาติดโรคร้ายแรง ชายฉกรรจ์พวกนั้นจะมองไม่เห็นได้อย่างไร
"เฮ้ย!!!" ชายคนที่ถือคบเพลิงรีบโยนคบเพลิงทิ้งลงพื้น ใช้สองมือปัดๆตามเสื้อตัวเองอย่างหวาดกลัว แม้เจ้าคนชั่วจะไม่ได้โดนตัวเขาเลยก็ตาม
"ข้า..ข้าจับเจ้านี่ไปเมื่อครู่ ทั้งยังถีบไปบนหลังมันด้วย ข้าต้องรีบไปล้างตัว" ชายอีกคนรีบเผ่นหนีออกไปจากคุกใต้ดิน
ชายคนที่มีท่าทางคล้ายหัวหน้าถีบไปบนตัวของเจ้าคนชั่วอย่างแรงอีกครั้ง จนมันกลิ้งหลุนๆไปสองรอบ เนื้อตัวเปื้อนน้ำสกปรกบนพื้น
"ข้าเป็นคนจับมันมาเมื่อคืนข้าก็ต้องรีบไปล้างตัว" ชายอีกคนที่มีหนวดเคราเต็มหน้า หน้าตาดูโง่ๆก็รีบวิ่งออกไปจากคุกใต้ดินเช่นกัน
ชายที่เป็นหัวหน้าหันมาสั่งลูกน้องอีกสองคน ให้รีบเอาตัวเหล่าหญิงสาวที่นั่งหวาดกลัวด้านข้างออกไป ก่อนจะหันมามองอย่างเคียดแค้นไปที่เจ้าคนชั่ว และสะบัดชายเสื้อออกไปจากคุกใต้ดินเป็นคนสุดท้าย
ยามนี้ เหลือหลี่เฟิ่งเซียนและเจ้าคนชั่วอยู่ในคุกใต้ดินกันสองคน นางกลับมาหวาดกลัวอีกครั้ง หลังจากเรื่องน่าหวาดหวั่นผ่านพ้นไป
'ข้าติดโรคร้ายแรงและกำลังจะตายหรือ?' นางคิด
ความหวังที่ไม่ใช่ความหวัง คุณหนูใหญ่ผู้โชคร้ายในความโชคร้าย อีกคนจะย่ำยี อีกคนจะเอาไปขาย สู้นะหญิง เธอต้องรอด
ให้กำลังใจคุณหนูใหญ่ด้วยนะคะ
บทที่ 3 กระสันไม่เลิก
หลี่เฟิ่งเซียนไม่กล้ามองไปทางเจ้าคนชั่ว แต่เห็นจากหางตาว่ามันเริ่มคลานไปหยิบเสื้อผ้าเน่าๆ ของมันมาสวมใส่ทีละชิ้น ก่อนจะคลานอย่างเจ็บปวดมาทางนาง
'สารเลว เมื่อครู่ถูกทุบตี เตะถีบไปขนาดนั้น มันยังกระสันไม่เลิก นี่มันยังคิดจะมาทำเรื่องย่ำยีข้าต่อหรือ!'
"ท่านยังไม่ตายหรอก ไม่ต้องกลัว ข้าโกหกเจ้าพวกนั้นเท่านั้น" เสียงของเจ้าคนชั่วเบาจนได้ยินกันเพียงสองคน
มันใช้มือเน่าๆ สองข้างใส่เสื้อผ้าให้หลี่เฟิ่งเซียน แม้นางจะแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงหวาดกลัวและขยะแขยงมือคู่นั้น แต่ไม่อาจขยับตัวมาก นางหลับตายอมรับความอัปยศปล่อยให้มือผอมแห้งคู่นั้นใส่เสื้อผ้าให้
"อีกครู่ หากพวกมันยังไม่เชื่อ พวกมันอาจลงมาตรวจร่างกายของท่าน ท่านควรโวยวายให้มาก ร้องไห้ได้จะยิ่งดี อย่าให้พวกมันตรวจภายในของท่าน อย่าให้พวกมันรู้ว่าข้าไม่ได้ทำอะไรท่าน” เจ้าคนชั่วพูดอย่างปลอบประโลม
‘สารเลว เจ้าทำไปตั้งมากมายเพียงนั้น ยังถือว่าไม่ได้ทำอะไรข้าได้อีกหรือ’ หลี่เฟิ่งเซียนคิด
“แต่หากพวกมันไม่ลงมาจนพรุ่งนี้ ข้าจะทำแผลถลอกปลอมให้ท่าน ท่านต้องอดทน เข้าใจหรือไม่ ไม่ต้องกลัว ข้าเป็นหมอ" เจ้าคนเลวยังคงพูดต่อ
หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆ ลืมตามองเขาอย่างสับสน ตกลงคนชั่วตรงหน้านางต้องการสิ่งใด ตกลงว่ามันได้ย่ำยีนางแล้วหรือว่ายังไม่ได้ทำกันแน่ นางจะเชื่อเขาได้จริงหรือ
หลังจากใส่เสื้อผ้าให้นางคร่าวๆ มันก็นั่งลงข้างๆ ฉีกสาบเสื้อเน่าๆ ตัวนั้น และหยิบห่อกระดาษบางเฉียบออกมา เปิดด้านใน มีผงบางอย่างสีขาวผสมสีดำ
"อ้าปาก" มันสั่ง
หลี่เฟิ่งเซียนสั่นหัว ส่งสายตาที่บ่งบอกว่า
‘ไม่! ต่อให้เจ้าบังคับข้าก็จะขอตาย’
เขาเห็นนางทำหน้าตาเช่นนั้นก็ส่ายหัว
"นี่เป็นยา ช่วยบรรเทาอาการปวดแสบในลำคอของท่าน ข้าเป็นหมอจริงๆ รีบกินก่อนที่พวกมันจะลงมา" เขาอธิบาย
นางยังคงส่งสายตารังเกียจไปที่เขา นางไม่มีทางเชื่อเขา หากเขาหลอกนางเล่า คิดแล้วสะบัดหน้าหันไปทางอื่น พร้อมกับขยับหนี เขากลับยื่นมือผอมๆ น่ารังเกียจนั่นมารั้งนางไว้
"ไม่!! ห้ามให้พวกมันเห็นเสื้อคลุมราคาแพงของท่าน จะให้พวกมันรู้ว่าท่านมีฐานะไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นั่งอยู่ที่นี่ ซ่อนเสื้อคลุมนั่นไว้" เขากระซิบ
หลี่เฟิ่งเซียนคล้ายตระหนักถึงบางอย่างได้ มิน่าเจ้าคนเลวถึงฉีกเสื้อคลุมตัวนอกของนางและซ่อนเอาไว้ใต้กองฟาง
ก่อนออกมานางปลอมตัวจึงใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ของแม่ครัวในจวนเพื่อปลอมตัว และเตรียมสัมภาระของตัวเองมาด้วยห่อหนึ่ง แต่เพราะคืนที่พักในโรงเตี๊ยมอากาศค่อนข้างเย็น นางจึงหยิบเสื้อตัวนอกปกติของนางใส่ และถูกจับมาที่นี่ คราแรกนางเข้าใจว่าโดนจับเพราะนางเป็นบุตรสาวของจวนแม่ทัพ ยามนี้คล้ายว่าไม่ใช่เช่นนั้น มีหญิงสาวหลายคนโดนจับ และนางก็เป็นหญิงสาวโง่ๆ ที่เดินทางคนเดียว โชคร้ายถูกจับมาพร้อมหญิงโชคร้ายคนอื่น
‘พวกนางจะถูกย่ำยี หลังจากนั้นจะถูกขาย หน้าตาดีอาจได้ไปอยู่หอนางโลม หน้าตาเลวอาจถูกส่งไปอยู่รับใช้คนงานบนเรือ’ เสียงของแม่ทัพหลี่ดังในความทรงจำของหลี่เฟิ่งเซียน เกี่ยวกับบางเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ นางรู้แล้วว่าหญิงสาวพวกนั้นจะถูกพาไปทำอะไร
แต่คิดได้เช่นนั้น ในใจของหลี่เฟิ่งเซียนยิ่งหวาดกลัว หมายความว่าจะไม่มีใครรู้ว่านางถูกจับตัว จะไม่มีผู้ใดออกตามหานาง กว่าท่านพ่อและอ๋องเยียนจะรู้ข่าว นางอาจตายไปแล้ว หลี่เฟิ่งเซียนยิ่งดิ้นรน อยากหลุดพ้นจากการถูกมัด แต่นางคล้ายไม่มีเรี่ยวแรง อาจเพราะนางถูกวางยา และหิวโหยเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืน
หลี่เฟิ่งเซียน คุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพหลี่ ร้องไห้เพราะความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก แต่ชายสารเลวคนข้างๆ กลับไม่สนใจ ใช้นิ้วมือผอมแห้งของเขาจุ่มลงไปในผงยาและยื่นมาทาที่คอของหลี่เฟิ่งเซียน
ถึงนางจะพยายามบ่ายเบี่ยง แต่พอยาถูกทาไปที่ผิวหนัง ความแสบร้อนที่เผาบริเวณนั้นก็เบาบางลงทันที นางจึงนั่งนิ่งปล่อยให้คนชั่วทายาที่คอให้ สุดท้ายยังอ้าปากกลืนยาทั้งหมดลงไปอีกด้วย ถึงแม้ในใจของหลี่เฟิ่งเซียนจะยังคงรังเกียจมือผอมแห้ง ผิวหนังที่เต็มไปด้วยตุ่มน้ำใสและแผลถลอกเหล่านั้นก็ตาม
ไม่นานจากนั้น มีคนท่าทางคล้ายหมอหญิงลงมาตรวจร่างกายของนาง ตามคำพูดของเจ้าคนเลวนั่นไม่ผิด นางยังแสดงงิ้วฉากหนึ่ง ร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญว่าตัวเองจะตายในไม่ช้า ชีวิตตัวเองช่างอนาถา ถูกย่ำยีทั้งที่ไม่มีสามี
นางไม่ยอมให้หมอหญิงตรวจดีๆ สุดท้ายหมอหญิงใช้ไม้ยาวเขี่ยๆ เปิดกระโปรง เห็นว่ากางเกงตัวในมีเลือดเปื้อน ซึ่งเป็นเลือดที่เจ้าคนชั่วทาเอาไว้ก่อนจะย่ำยีนาง คงจะเป็นตอนที่เขาใช้มือลูบส่วนหวงแหนก่อนจะกอดนางไว้ หมอหญิงจึงตัดสินใจกลับไปเช่นนั้น
'ฮึ่ม! ไม่รู้จักคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพหลี่เช่นข้าเสียแล้ว' หลี่เฟิ่งเซียนภาคภูมิใจ
แม้จะถูกเจ้าคนชั่วมองด้วยสายตาหยามเหยียดนางก็ไม่ใส่ใจ สุดท้ายยังคงเหลือพวกเขาในคุกใต้ดินกันเพียงสองคน
ผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ แต่ไม่มีแสงสว่างส่องมาที่คุกแล้ว ระหว่างนั้นหลี่เฟิ่งเซียนยังคงนั่งทับเสื้อคลุมไม่ยอมลุกไปทางใด เจ้าคนชั่วก็นั่งนิ่งอีกมุมห้อง ในที่สุดก็มีคนเข้ามาพร้อมคบเพลิง เจ้าคนชั่วรีบวิ่งมาเกาะแกะหลี่เฟิ่งเซียน ทำท่าทางพยายามดึงสายผูกเอวของนาง
"ดูเจ้าสองคนสนุกสนานกันดีเหลือเกินนะ" ผู้มากล่าว
เจ้าคนชั่วนั่นรีบวิ่งไปคุกเข่า
"นายท่าน พาข้าออกไปด้วยเถิด จะให้ทำสิ่งใดข้าทำได้ทั้งสิ้น" มันขอร้องผู้มาใหม่อย่างหน้าไม่อาย ชายผู้นั้นมองเหยียดอย่างสมเพช
"ข้าแค่มาดูว่าพวกเจ้าตายหรือยัง นายท่านไม่อยากให้มีปัญหาตอนที่กองทัพกำลังจะเดินทางผ่าน"
พูดเสร็จก็โยนแผ่นแป้งแข็งสองแผ่นลงพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำสกปรก หลี่เฟิ่งเซียนไม่ได้สนใจแผ่นแป้งแม้จะหิวมาก เพราะหัวใจของนางกำลังเต้นแรงหลังจากได้ยินคำว่า กองทัพ
" รีดคิดว่ายังไงกันบ้างคะ ตกลงคุณหนูใหญ่ถูกย่ำยีหรือยัง?