โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

เคล็ดวิชา “คาราบาวกรุ๊ป” ทายาทรุ่น 2 ต้องรู้แจ้ง-ทำจริง

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 05 ส.ค. 2566 เวลา 12.20 น. • เผยแพร่ 05 ส.ค. 2566 เวลา 12.20 น.

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดสัมมนาหัวข้อที่น่าสนใจ “Family Business in the Changing World” โดยวิทยากรที่มาเล่าบทเรียนการทำธุรกิจครอบครัวไว้อย่างน่าสนใจ ก็คือ “เสถียร เสถียรธรรมะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ในหัวข้อ “Thai Family Businesses : Challenger & Opportunities”

“ผมยอมรับว่าธุรกิจคาราบาวกรุ๊ปโตมาได้ขนาดนี้ เกิดจากแรงผลักดันจากคนรุ่นผม แต่เมื่อลูก ๆ เข้ามาทำงาน ผมให้โอกาสเขาได้คิดนอกกรอบ ลองผิดลองถูก และรับผิดชอบในการทำงานใหม่ ๆ ไม่ใช่แค่เป็นผู้ช่วยผม หรือทำตามแค่ที่พ่อสั่ง เพื่อจะให้เขาเติบโต และเราจะเรียนรู้ไปด้วยกัน” ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอคาราบาวกรุ๊ปกล่าว

อาณาจักร “คาราบาวกรุ๊ป”

“เสถียร” กล่าวว่า ตนได้ร่วมทำธุรกิจคาราบาวกรุ๊ป มากับ “แอ๊ด-ยืนยง โอภากุล” และ “เพื่อนหุ้นส่วนตระกูลถนอมบูรณ์เจริญ” ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันดี ทำงานเติบโตมาด้วยกัน โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2545 ปัจจุบันขึ้นสู่ปีที่ 21 และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2557

ที่ผ่านมาได้ขยายธุรกิจ โดยเข้าร่วมทุนธุรกิจค้าปลีกชื่อ CJ Super Market หรือ CJ Mall ทำมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว โดยปีนี้น่าจะมียอดขายกว่า 4 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีธุรกิจโรงงานผลิตสุรา คือโรงเหล้าตะวันแดง ที่ทำเมื่อราว 4-5 ปีที่แล้ว มีแบรนด์ อาทิ GALAXY, Tendo, สุราขาว “เหล้าข้าวหอม” ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 1 หมื่นล้านบาท และในช่วงปลายปีนี้จะเริ่มผลิตเบียร์ออกขายสู่ตลาด

นอกจากนั้น ยังมีการทำธุรกิจร้านค้าโชห่วยขนาดเล็ก แบรนด์ “ถูกดี มีมาตรฐาน” ตอนนี้มีมากกว่า 5,000 ร้านค้า กระจายอยู่กว่า 60 จังหวัดทั่วประเทศ หลังเริ่มทำเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว

เข้าตลาดหุ้นลดปัญหาขัดแย้ง

“เสถียร” กล่าวว่า การตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2557 เพราะในเชิงโครงสร้างองค์กรจะมีกรอบกติกาชัดเจน อาทิ เรื่องระบบบัญชี, ผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest) เป็นต้น ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานที่ทำให้หุ้นส่วนไม่ทะเลาะกัน ซึ่งจะไปถึงผู้ถือหุ้นที่จะเข้ามาลงทุนด้วย และในเชิงครอบครัวเองก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะยึดกรอบกติการตรงนี้ ป้องกันความขัดแย้ง ความไม่ชอบมาพากล ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาอื่นอีกมาก

“การเข้าตลาดหุ้น คือการวางรากฐาน ลู่ทาง ในการทำให้ธุรกิจครอบครัวเราเจริญเติบโตไปอย่างมีหลักมีเกณฑ์ ทำให้สังคมได้เข้ามาร่วมตรวจสอบผ่านกลไกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ วางไว้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาสิ่งที่ยังไม่เกิด แต่หากเกิดขึ้นในอนาคต ใครจะอยู่ ใครจะไป หรือใครจะเป็นแค่ผู้ถือหุ้น หรือใครจะขึ้นมาเป็นผู้บริหาร ก็แก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ไปได้ ก่อนที่จะมีความขัดแย้ง”

ดันทายาทรุ่น 2 รับช่วงธุรกิจ

ในแง่การทำธุรกิจ “เสถียร” เล่าว่า ระหว่างที่ตนบริหารอยู่ ก็พยายามให้ลูก ๆ ค่อย ๆ เข้ามาซึมซับการทำธุรกิจ เข้ามาเรียนรู้งานตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือ อย่างลูกชายคนที่ 2 ตอนเรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย ช่วงปิดเทอม ก็ให้กลับมาเป็นเด็กเสิร์ฟที่โรงเบียร์

ส่วนลูกชายคนโตเริ่มเข้ามาทำงานเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็ให้ไปอยู่กับทีมสาวบาวแดงเลย ซึ่งต้องออกไปทำกิจกรรมในต่างจังหวัด กิน-นอนในโรงแรมคืนละ 350-400 บาท ส่วนลูกสาวที่จบมาจากต่างประเทศก็ให้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟโรงเบียร์ที่สิงคโปร์

“เรื่องแรกสุดก่อนจะไปเริ่มงานคือ เขาต้องเข้าใจชีวิต เข้าใจความเป็นคน และเข้าใจสังคมก่อน”

“เสถียร” กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าธุรกิจโตมาได้ขนาดนี้เกิดจากแรงผลักดันจากคนรุ่นตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อลูก ๆ โตขึ้นและเข้ามาทำงานแล้ว ก็ต้องให้โอกาสพวกเขาได้คิดนอกกรอบ ลองผิดลองถูก และรับผิดชอบในการทำงานใหม่ ๆ ไม่ใช่แค่เป็นผู้ช่วย หรือทำตามแค่ที่พ่อสั่ง เพื่อจะให้เขาเติบโต โดยตนให้ลูกชายคนโตบริหารธุรกิจ CJ และให้ลูกสาวบริหารร้านโชห่วยถูกดี มีมาตรฐาน

“ธุรกิจค้าปลีกนั้นต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูล พฤติกรรม และเทคโนโลยี ซึ่งเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว คนรุ่นผมก้าวไม่ทัน แต่สิ่งที่ผมช่วยได้คือ เข้าไปเซตโครงสร้างบริหารจัดการ และดูเรื่องคน เพราะเขาอาจจะไม่รอบคอบเท่าผม”

นอกจากนี้ สิ่งที่ตนมักจะพูดคุยกับลูก ๆ และทำให้เห็นคือ ความเข้าใจในกรอบคิดที่พ่อทำ หรือวัฒนธรรมองค์กร “รู้แจ้ง ทำจริง ถูกต้อง แม่นยำ”

“ตอนนี้ธุรกิจคาราบาวกรุ๊ปโตและใหญ่มาก ผมเองไม่เชื่อว่าลูกผมคนใดคนหนึ่งจะสามารถจัดการธุรกิจในกลุ่มทั้งหมดได้ ดังนั้น สิ่งที่พยายามทำในเบื้องต้นคือ การแบ่งแยกหน้าที่และความรับผิดชอบ แต่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในอนาคตคือ ลูก ๆ ต้องร่วมกันคิด และร่วมกันรับผิดชอบ”

เลี้ยงลูกให้รักกัน ลดปมขัดแย้ง

ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ “คาราบาวกรุ๊ป” กล่าวว่า ในมุมของครอบครัวนั้น ธุรกิจไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่เป้าหมายสูงสุดก็คือความสุข ซึ่งการมีความสุขนั้น คือทุกคนต้องรักกัน แล้วเรื่องธุรกิจจะตามมาเอง

“ผมก็ต้องทำให้เห็น ผมเองมีพี่น้อง 10 คน และผมอาจจะฐานะดีกว่าคนอื่น ซึ่งผมก็ดูแลพี่น้อง ดูแลไปถึงพ่อตา แม่ยาย หรือน้องภรรยา ซึ่งผมโชคดี เพราะเรื่องเหล่านี้หล่อหลอมให้ลูก ๆ ไม่ค่อยมีความขัดแย้งกัน อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างเป็นปกติ” เจ้าของอาณาจักร “คาราบาวกรุ๊ป” กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...