โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

คิดใหม่กีฬาไทย 'บัวขาว' ห่วงบุคลากรมวยไทยน้อย 'เทนนิส' ชี้เด็กๆมีฝันแต่ขาดทุนทรัพย์

MATICHON ONLINE

อัพเดต 10 ก.ค. เวลา 09.31 น. • เผยแพร่ 10 ก.ค. เวลา 09.31 น.

คิดใหม่กีฬาไทย ‘บัวขาว’ ห่วงบุคลากรมวยไทยน้อย ‘เทนนิส’ ชี้เด็กๆมีฝันแต่ขาดทุนทรัพย์

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม งาน“SPLASH-Soft Power Forum 2025” มหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นำเสนอศักยภาพ14 อุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของไทย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น Soft Power Hub แห่งเอเชียอย่างเต็มกำลัง โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–11 กรกฎาคม 2568 ณ ฮอลล์ 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ เวลา 12.45 น.นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี,บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทย, พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโด และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “คิดใหม่ กีฬาไทย ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง” โดยมีผู้เข้าร่วมงานให้ความสนใจรับฟังอย่างล้นหลาม

บัวขาว กล่าวถึงความสำเร็จในฐานะนักกีฬามวยไทยในตำนานว่า ความมีวินัยคือสิ่งสำคัญ การที่ตนประสบความสำเร็จในอาชีพนักมวยในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์การกีฬายังไม่ได้ถูกพัฒนาดังเช่นปัจจุบัน และไร้สิ่งเอื้ออำนวยต่างๆ เป็นเพราะความมีวินัย การเป็นนักกีฬาไม่ใช่เพียงแค่ต้องหมั่นฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง การดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารอย่างดี รวมไปถึงการเก็บตัวเพื่อฝึกซ้อมด้วย เนื่องจากการแข่งขันมวยไทยเป็นการแข่งขันที่ใช้ร่างกายหนัก และต้องปะทะกับผู้เข้าแข่งขันต่างชาติที่มีพละกำลังมหาศาลและแข็งแรง การมีวินัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมทั้งเผยว่า ตนนำเทคนิคแบบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอาหารการกิน การเก็บตัว หรืออะไรก็ตามแต่ มาใช้ในการฝึกซ้อม

สำหรับสิ่งที่อยากเห็นวงการมวยไทยพัฒนาในอนาคต บัวขาวเผยว่า ในฐานะนักกีฬามวยไทยที่เดินทางไปสัมนา และดูงานในหลายประเทศ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือการสนับสนุน และโปรโมตเยาวชน สร้างบุคลากรเกี่ยวกับมวยไทยตั้งแต่รากฐาน

“ผมเห็นว่าปัจจุบันบุคลากรคนไทยที่เข้ามาทำเรื่องมวยไทยนั้นน้อยลงมาก ขณะเดียวกันความนิยมของมวยไทยเพิ่มขึ้นในระดับโลกส่งผลให้ ต่างชาติสนใจมวยไทยมากยิ่งขึ้น มีการฝึกตั้งแต่เด็กๆ ให้มีความถนัดในเรื่องของมวยไทย แต่ในทางกลับกันบุคลากรที่เป็นคนไทยน้อยลง เริ่มมาซ้อมมวยน้อยลง สนใจน้อยลง ทำให้เห็นว่าในอนาคตบุคลากรมวยไทยมี่เป็นต่างชาตินั้นจะยิ่งมากขึ้น” บัวขาวกล่าว

ในส่วนของการแสดงในเทศกาลดนตรี “Head In The Cloud 2025” ณ ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่บัวขาวได้ขึ้นเวทีไปทำการแสดงศิลปะมวยไทยร่วมกับ MILLI แรปเปอร์หญิงชาวไทย ในเพลง ONE PUNCH นั้นสร้างกระแสไวรัลไปทั่วโซเชียลมีเดีย กับเรื่องนี้บัวขาวเผยว่า การที่มวยไทยได้ไปแสดงบนเวทีระดับนานาชาตินั้นสะท้อนให้เห็นว่ามวยไทยไม่ใช่แค่กีฬาแต่คือศิลปะแขนงหนึ่งที่สามารถแผ่ขยายไปยังวงการอื่น ๆ

“ในงานวันนั้นผมเห็นเลยว่าการชมกีฬามวยไทยไม่ใช่แค่การชกให้คนเห็นว่าเราเป็นมืออาชีพ แต่มวยไทยสามารถไปไกลในเวทีโลกได้ และเป็นไปในมิติที่หลากหลาย” บัวขาวกล่าว

บัวขาว กล่าวต่อว่า ในอนาคตตนอยากเห็นวงการมวยไทยเข้าถึงทุกคน โดยเล่าย้อนว่าในสมัยที่ตนต้องไปแข่งขันชกมวยบนเวทีต่างประเทศ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าในปัจจุบัน แต่การแข่งขันในครั้งนั้น ทำให้ตนได้เห็นผู้ชมนับหมื่นคนที่เข้ามาดูหารชกมวย เป็นกรากฏการณ์ที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน และทำให้ตนรู้สึกว่า มวยไทยมีค่ามากขนาดนี้เลยเหรอ หลังจากวันนั้น ตนคิดมาเสมอว่าจะทำอย่างไรให้มวยไทยไปอยู่ในใจของทุกคน ให้มวยไทยเป็นมากกว่าอาชีพ

“เราอยากให้มวยไทยแพร่หลายไปยังทุกคน ไม่ใช่แค่ว่าเรียนชกอย่างเดียว ทุกวันนี้เราเห็นความหลากหลายของมวยไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่น ปัจจุบันมีคนสวมกางเกงมวย ใส่เสื้อมวยเดินห้างเยอะแยะมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเรามาก โดยเฉพาะผู้หญิง และเยาวชนหันมาสนใจมวยไทยมากขึ้น อีกทั้งแฟชั่นเหล่านี้ที่เกิดขึ้นนั้นมันสร้างเม็ดเงิน และสร้างธุรกิจให้กับค่ายมวยต่างๆ ในการขายสินค้า ขายอุปกรณ์มวยไทย” บัวขาวกล่าว

บัวขาวกล่าวต่อไปว่า “อีกหนึ่งเรื่องคืออยากให้ฝึกโค้ชเพิ่มมากขึ้น เพราะในปัจจุบันบุคลากรอาจจะยังไม่มีความชำนาญมากพอ สิ่งที่จะทำให้มีโค้ชมากเพียงพอ อาจจะให้นักกีฬาที่เลิกชกแล้วปันตัวมาเป็นโค้ช นอกจากจะเพิ่มจำนวนบุคลากรที่เชี่ยวชาญแล้วยังสร้างอาชีพต่อไปได้” ก่อนจะเผยต่อไปว่า ย้อนกลับไปในช่วงที่ตนเข้าวงการมวยไทยแรกๆ ในฐานะที่เป็นเด็กต่างจังหวัด สิ่งสำคัญที่อยากให้เพิ่มเติมคือ การเพิ่มเวทีมวยไทย หรือยืมมวยไปยังต่างจังหวัดเพื่อให้เยาวชนหรือบุคคลที่สนใจในมวยไทยแต่ไม่มีโอกาส ได้เข้าร่วมการฝึก ซึ่งตนก็ได้มีการปรึกษาหารือกับคณะกรรมการต่างๆ ว่าจะทำอย่างไรให้มีเวทีขยายไปยังต่างจังหวัด เพื่อให้หลายคนได้แสดงศักยภาพ ซึ่งการกระจายฌิกาสเหล่านี้อาจจะทำให้เราค้นพบนักมวยเก่งๆ มากยิ่งขึ้น

“ตอนที่เราเริ่มชก ตอนนั้นเวทีเยอะมาก เพราะมวยไทยเป็นกีฬาใกล้ตัว พอเราชกชนะ ได้เงินมาเราก็หาเวทีใหม่อีก ก็ตระเวนหาเวทีชกไปเรื่อยๆ และทำการซ้อมมวยอย่างเดียวเลย จากวันนั้นจนถึงวันนี้กีฬามวยไทยก็อยู่กับเราจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการมีเวทีมันถึงสำคัญมากๆ ในการฝึกซ้อม หากเราสนับสนุนเราอาจจะเจอเยาวชนที่เป็นนักมวยอาชีพในอนาคต หลายคนเข้ายิมมวยมากขึ้น และสร้างอาชัพให้กับคนในพื้นที่อื่นๆ ได้” บัวขาวกล่าว

ด้าน พานิภัค อดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่สร้างตำนานคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยซ้อน ตอบในประเด็นที่ นพ. สุรพงษ์ ถามว่าสมาคมกีฬาเทควันโดไทยได้รับเสียงชื่นชมในเรื่องการจัดการบุคลากร ถ้าหากให้เปรียบแล้วสมาคมกีฬาอื่นๆ ควรจะทำอย่างไรให้เหมือนกับเทควันโด

พานิภัคเผยว่า ตนเต็มที่กับการฝึกซ้อมในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหาร ที่ทางสมาคมฯ จะมีการจัดอาหารมื้อเย็นโดยคำนึงถึงนักกีฬาแต่ละคนว่าต้องการลด หรือเพิ่มน้ำหนัก ทำให้นักกีฬาประหยัดเวลาในการเตรียมมื้อเย็น อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลในเรื่องคุณค่าทางโภชนา ประเด็นถัดมาคือ สวัสดิการที่พัก ทางสมาคมฯ ได้ตักเตรียใที่พักที่ใกล้กับสถานที่ฝึกซ้อมทำให้สะดวกต่อการเดินทาง และสามารถกลับไปพักผ่อนหลังซ้อได้ทันที ที่สำคัญคือการดูแลสภาพจิตใจของนักกีฬา ทางสมาคมฯ มีนักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษาไม่ว่าจะก่อนแข่งหรือหลังแข่ง

“เราจะมีนักจิตวิทยาคอยช่วยเสมอ บางครั้งเรากดดันจากความคาดหวังของคน ทำให้สภาพจิตใจอ่อนไหวจนถึงขั้นมีน้ำตา อย่างเทนนิสเป็นคนที่สูง 170 เซนติเมตร แต่ต้องควบคุมน้ำหนักให้ไม่เกิน 49 กิโลกรัม ซึ่งทำให้เราเครียด และเป็นช่วงเวลาที่หนักมากสำหรับเรา ซึ่งไม่ใช่แค่นักจิตวิทยาที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือแต่ยังรวมไปถึง โค้ช และนักโภชนาการที่ต้องช้วยกันดูแล เพราะหากเรากินอาหารไม่ดีก็จะส่งผลต่อสุขภาพ กระทบไปถึงประสิทธิภาพในการฝึกซ้อม การมีนักจิตวิทยาเข้ามาช้วยด้วยถึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในเรื่องของการดูแลสภาพจิตใจเพราะจะทำให้เราควบคุมอารมณ์ได้ง่ายและทำให้การฝึกซ้อมหรือการแข่งขันมีประสิทธิภาพตามมา” พานิภัคกล่าว

อีกทั้ง พานิภัค ยังเผยถึงสิ่งที่อยากเห็นในอนาคตของวงการกีฬาไทยว่า ตนได้รับเหรียญทองโอลิมปิกมาสองสมัยนั้นถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว แต่สิ่งที่อยากทำมากที่สุดตอนนี้ คืออยากสร้างนักกีฬาที่เก่งกว่าตน

“ตอนนี้เราเปิดยิมเทควันโด เราเลยอยากจะท้าทายตัวเอง และอยากจะส่งต่อวิชาความรู้ให้กับเขา โดยการปั้นนักกีฬาที่เก่งกว่าเรา” พานิภัคกล่าว

พานิภัคกล่าวต่อไปว่า อุปสรรคในการเล่นกีฬาอย่างหนึ่งที่ตนทราบหลังจากทำยิม คือ เยาวชนไทยมีความสนใจการกีฬามาก มีไอดอลนักกีฬาก็เยอะ สิ่งที่รู้สึกได้คือหลายคนมีความฝัน แต่ไม่มีเงิน ถ้าหากไม่มีเงินก็เข้าถึงกีฬา การฝึกให้เก่งได้ยาก ซึ่งการจะเป็นนักกีฬาที่มีความชำนาญ มีความสามารถ และเก่ง ไม่ได้สร้างขึ้นมาได้ภายในวันเดียวแต่ต้องอาศัยการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง และทำซ้ำๆ ความสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้จะมีแคมป์ฝึกสอน หรือสนามกีฬา แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การสอนไม่กี่ครั้ง ส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาทักษะได้เท่าที่ควร

“เราพยายามเข้าถึงทุกคนผ่านการถ่ายคลิปวิดิโอฝึกสอน แม้จะได้บ้างหรือไม่ได้บ้างเพราะเป็นการเรียนผ่านออนไลน์ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการส่งต่อพลังเล็กๆ น้อยๆ หรือความฝันให้เขาสามารถนำไปต่อยอด ในชีวิตการเป็นนักกีฬาของเราถือว่าประสบความสำเร็จแล้วที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คน” พานิภัคกล่าว

สำหรับงาน ‘SPLASH – Soft Power Forum 2025’ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 1-4 ชั้น G และ L 2 เข้าชมฟรีตลอดทั้งงาน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : คิดใหม่กีฬาไทย ‘บัวขาว’ ห่วงบุคลากรมวยไทยน้อย ‘เทนนิส’ ชี้เด็กๆมีฝันแต่ขาดทุนทรัพย์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...