โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“กัณวีร์” แนะ รัฐบาล ตามเกมกัมพูชาให้ทัน - ตอบโต้กลับแรงกว่านี้

The Better

อัพเดต 07 มิ.ย. เวลา 06.57 น. • เผยแพร่ 07 มิ.ย. เวลา 06.48 น. • THE BETTER
“กัณวีร์” จี้ “แพทองธาร” ตัดความสัมพันธ์ส่วนตัว ยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง ชี้ ท่าทีไทยตอบโต้ยังเบาไป

นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ตอนนี้ต้องดูการตอบสนองของทางกัมพูชา เพราะตอนแรกเรารับทราบว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการเจรจาในกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ แต่เขาก็เปลี่ยนใจเข้าร่วม แต่จะไม่พูดหรือหารือ เรื่องข้อพิพาทตรงช่องบก เพราะสภาของเขาได้มีการตัดสินใจยื่นฟ้องศาลโลก จึงต้องรู้ว่าทางการไทยจะมีการเตรียมความพร้อม ในการประชุม JBC จะไปพูดอะไรกับเขา และมีการเตรียมความพร้อมในเรื่อง 30 จุดที่เป็นกรณีข้อพิพาทชายแดนไทยมากน้อยแค่ไหน

ส่วนทางกัมพูชาจะยอมอ่อนข้อให้ไทยหรือไม่หลังการพูดคุย นายกัณวีร์ กล่าวว่า ถ้าดูการจัดการในฝ่ายบริหารและทางสภานิติบัญญัติค่อนข้างจะแรงพอสมควร ซึ่งครั้งนี้น่าแปลกใจ สำหรับตนที่ติดตามงานชายแดนมาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่าครั้งนี้กัมพูชาให้ความสำคัญมากๆ เร่งรัดกระบวนการค่อนข้างจะรวดเร็ว แล้วไปถึงศาลโลกโดยทันทีทั้งที่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับไทย และใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ทำให้สถานการณ์ขึ้นจากระดับ 0 ไปถึง 80, 90 ดังนั้นจึงมองว่าน่าจะมีประเด็นบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในรัฐบาลกัมพูชาด้วย รวมไปถึงการเมืองภายใน หรืออาจจะใช้ประเด็นนี้เรียกร้องความนิยม และอย่าลืมว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต คือผบ.ทบ.ในสมัยที่มีข้อพิพาทเขาพระวิหาร และเป็นคนนำยิงต่อสู้กับฝั่งไทย ตอนนี้เขาขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว อาจจะใช้ประเด็นนี้ดึงความสนใจการเมืองภายในกัมพูชา ดังนั้นประเทศไทยต้องวางจุดยืนให้ชัดเจนว่าเราจะยอมหรือไม่หรือไม่ ยอมได้แค่ไหน

เมื่อถามถึง เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรกับสมเด็จฮุน เซน มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้หรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า ยอมรับว่าความสัมพันธ์ของระหว่างสองตระกูลนี้มีส่วนกับสถานการณ์แน่นอน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะต้องเริ่มจากโครงสร้างระบบความสัมพันธ์ ทางด้านการทูตทั้ง 2 ประเทศ แต่ขณะนี้ที่เราเห็นกลายเป็นพีระมิดกับหัว นำความสัมพันธ์ส่วนตัวของครอบครัวมาเป็นการนำ แม้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บอกชัดเจนว่ามีการพูดคุยกันเป็นประจำ แต่การพูดคุยกันเป็นประจำไม่ใช่การแก้ปัญหา ยิ่งทำให้สถานการณ์คลุมเครือมากยิ่งขึ้น และความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองครอบครัวอาจจะทำให้เราลืมความสัมพันธ์ในบริบทเชิงโครงสร้าง

" รัฐบาลไทยต้องเปลี่ยนกรอบความคิดกันใหม่ทั้งระบบ จะได้ไม่ต้องคอยแต่วิ่งตามสถานการณ์ตลอดเวลา นี่คือเสียงสะท้อนของคนที่ทำงานด้านชายแดนไทย ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลทำได้ คือ หนึ่ง เอาข้อเท็จจริงมาตีแผ่ให้สาธารณะรับทราบโดยเร็วว่ามันเกิดอะไรขึ้น จาก ปากของรัฐบาลไทย เพราะกัมพูชาเขาตะโกนใส่ลำโพงระหว่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเทศอื่นๆ ในเวทีโลกอ่านข้อความของกัมพูชาละเอียดสัก 10 กว่ารอบแล้ว แต่ยังไม่มีของรัฐบาลไทยให้ใครอ่าน " นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ ระบุว่า ไทยไม่เตรียมตัวและตามไม่ทัน รัฐบาลไทยนิ่งเรื่องสถานการณ์ชายแดนมาอย่างยาวนาน เพราะเรื่องชายแดนของไทยทั้ง 4 ด้านนั้น ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย มันขึ้นอยู่กับใครเป็นผู้นำรัฐบาลไทย หากเป็นพลเรือน กิจการด้านชายแดนไม่ต้องพูดถึง อ่อนแอ ย่ำแย่และถอยหลัง หากเป็นรัฐบาลทหาร มันเป็นแบบ preemptive ไปในตัว ทำให้เพื่อนบ้านกังวลหากกระทำการใดๆ ที่อาจกระทบชายแดนกับไทยได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลทหารจะดีกว่านะครับ เค้าก็ไม่มีนโยบายใดๆ เป็นพิเศษเหมือนกัน แต่เพื่อนบ้านเกรงไปเอง

นอกจากนี้ นายกัณวีร์ ยังเปิดเผยว่า ตนได้ร่วมรายการกับ อ.ทรงฤทธิ์ฯ จาก ม.เกษตรฯ มีประเด็นที่น่าสนใจที่ อ.ทรงฤทธิ์ฯ แนะประเด็นว่าเรื่องเขตแดนทั้งสามด้านของกัมพูชาเป็นเรื่องหลักอยู่แล้วที่ผู้นำแต่ละรุ่นนำมาสร้างกระแสความนิยมให้ตัวเองและพวกต่อประชาชน อาทิ สมเด็จนโรดมสีหนุฯ ตั้งแต่เขาพระวิหารที่ชนะไทยที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เมื่อปี 2505 และช่วงปลายสมัยสมเด็จนโรดมสีหนุฯ ที่พยายามยกประเด็นปราสาทตาเมือนธม ปราสาทสด๊กก๊กธม มาเรียกกระแส แต่ถูกยึดอำนาจเสียก่อน

ทั้งฝั่งลาว และเวียดนาม กัมพูชาจัดเรื่องเขตแดนทั้งนั้น เพราะมันเรียกกระแสชาตินิยมได้ง่ายเพราะเป็นการต่อสู้กับ “คน” และ “ประเทศ” อื่น สำหรับผมนี่คือการแบ่งแยก “เขา” และ “เรา” คือ “us” and “them” มันเป็นยุทธวิธีทางการเมืองและ “การต่อสู้” ที่ง่ายและเร็ว ทั้งในแง่มุมจำนวนประชากรที่น้อยเพียงแค่กว่า 15 ล้านคนเท่านั้น

ความนิยมของลูกชายของฮุน เซน ยังไม่เท่าพ่อ การทำให้เรื่องข้อพิพาทกับไทย ประเทศที่มีอิทธิพลการพัฒนาที่สูงกว่า แต่หากสามารถชนะได้ไม่ว่านำเรื่องเข้าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ICJ หรือการเผชิญหน้าทางการทหารอย่างไม่กลัวแม้รู้ว่ากำลังต่ำกว่า จะเรียกกระแสชาตินิยมได้อย่างท่วมท้น ท่ามกลางความชราภาพของฮุน เซน ซึ่งอายุมากแล้ว และต้องการให้กระแสนิยมลูกชายเพิ่มขึ้นเป็นก้าวกระโดดในชั่วข้ามคืน และในความคิดและการประเมินของตนเองในเรื่องผลประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติในทะเลที่อยู่ในพื้นที่พิพาท OCA ก็จะสัมฤทธิ์ผลไปด้วยอย่างง่ายดาย การฉีก MOU 43 และได้มาซึ่งการเผชิญหน้าเอาดินแดนพิพาท และเอาเกาะกูดคงง่ายขึ้นอย่างทันตาเห็น หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กัมพูชาวางไว้มาอย่างยาวนาน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...