ผู้นำ..ภาวะวิกฤต
คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์
รอลุ้นกันอีกนิดสำหรับชื่อผู้ที่จะได้รับคัดเลือกมาดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลำดับที่ 25 แทน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 30 กันยายน 2568
จากผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ 6 ท่าน ที่ได้เข้าแสดงวิสัยทัศน์และสัมภาษณ์เมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา
ได้แก่ ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส ในฐานะคนในตัวแทนแบงก์ชาติ พร้อมผู้สมัครคนนอกอีก 5 คน คือ วิทัย รัตนากร, ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์, ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ, ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล และ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
โดยล่าสุดรายงานข่าวจากคณะกรรมการคัดเลือกที่มี นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ (อดีตปลัดกระทรวงการคลัง) เป็นประธาน จะเสนอชื่อแคนดิเดต 2 คน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณา ซึ่งก็คือดร.รุ่ง มัลลิกะมาส และวิทัย รัตนากร
เมื่อเห็นชื่อ 2 คนที่เข้ารอบ หลายฝ่ายก็ฟันธงกันแล้วว่าฝ่ายการเมืองจากเลือกใครเป็น ผู้ว่าแบงก์ชาติคนต่อไป
เรื่องนี้เป็นที่จับตาของทุกวงการว่า “ใคร” จะมารับภารกิจกำกับดูแลนโยบายและบริหารธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ ในภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอยู่ท่ามกลางมรสุม
แต่สำหรับ CEO บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) คนใหม่ ที่จะมารับไม้ต่อจาก “อาทิตย์ นันทวิทยา” ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย
เพราะล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแต่งตั้ง “ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์” ที่มีประสบการณ์โชกโชนในกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ กว่า 15 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2570 หลังจากที่ “อาทิตย์ นันทวิทยา” จะครบวาระในวันที่ 31 ธันวาคม 2569
โดยเหตุผลที่มีการสรรหาและประกาศชื่อล่วงหน้านานถึง 18 เดือน ชัดเจนว่าเพื่อให้การบริหารองค์กรเกิดความต่อเนื่องและราบรื่น
“อาทิตย์ นันทวิทยา” กล่าวว่า “ต่อจากนี้ไปอีก 18 เดือน ดร.อารักษ์จะเข้ามาทำงานเคียงข้างผมอย่างใกล้ชิด สานต่อพันธกิจและยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ ร่วมในกระบวนการวางแผนตัดสินใจของบริษัทและกลุ่ม แสดงวิสัยทัศน์และทดสอบแนวคิดใหม่ ๆ สนับสนุนการทำงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้บริหารระดับสูงของทุกบริษัทในกลุ่ม เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และขับเคลื่อนองค์กรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”
นี่คือการวางแผนการส่งต่อขององค์กรธุรกิจใหญ่มาตรฐานสากล เพื่อให้เดินหน้าต่อเนื่องและราบรื่น ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจ
และขณะที่โลกกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตและปั่นป่วน จากสารพัดปัญหาที่รุมเร้า “โรเบิร์ต วอลเทอร์ส” บริษัทด้านการจัดหางานชั้นนำระดับโลก เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับเทรนด์การบริหารบุคลากรปี 2025 ระบุว่า “ภาวะผู้นำที่เน้นความเป็นมนุษย์” กำลังเป็นเทรนด์สำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2025 สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีและ AI ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ แต่กลับพบว่า พนักงานยิ่งต้องการความเอาใจใส่ด้านจิตใจมากขึ้น โดยพบว่าพนักงานกว่า 2 ใน 3 (63%) ของการสำรวจระบุว่า หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ตัดสินใจ “ลาออก” จากงานเดิม คือการไม่มีความผูกพัน กับทีมบริหารหรือผู้นำองค์กร
และพนักงานถึง 68% ตอบว่า สาเหตุการลาออกมาจาก “คำมั่นสัญญา” ที่ไม่เป็นจริงของผู้บริหาร ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพนักงานรู้สึกไม่เชื่อมั่นเมื่อผู้นำไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้ ส่งผลให้ความไว้วางใจถูกทำลาย
รายงานการสำรวจดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ภาวะผู้นำที่ให้ความสำคัญกับคนเป็นศูนย์กลาง (Human-centric Leadership) เป็นเทรนด์ที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ หากต้องการให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
“แกริต บุคกาต” CEO บริษัท โรเบิร์ต วอลเทอร์ส ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของผู้นำจะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น หากผู้นำให้ความสำคัญกับ “คน” เป็นอันดับแรก ดังนั้น ในยุคที่องค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการ “ลงทุนเรื่องเทคโนโลยี” ขณะเดียวกัน ผู้นำก็ต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับการ “ลงทุนคน” มากขึ้นด้วยเช่นกัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผู้นำ..ภาวะวิกฤต
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net