โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เปิดผลสำรวจ 2025 คนไทยเชื่อว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม สำคัญกว่า ค่าครองชีพสูงขึ้น

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 18 มิ.ย. เวลา 04.42 น. • เผยแพร่ 17 มิ.ย. เวลา 23.52 น.

แม้ว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ ‘สิ่งแวดล้อม’ ยังคงเป็นประเด็นหลักที่คนไทยกังวลมากที่สุด นี่คือข้อค้นพบสำคัญจากผลสำรวจล่าสุดในปี 2025 ของ Marketbuzzz และวิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยระบุว่า 44% ของประชาชนเห็นว่า "สิ่งแวดล้อมและมลพิษ" เป็นปัญหาสำคัญเหนือความท้าทายด้านเศรษฐกิจ เช่น ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น (42%) และสภาพเศรษฐกิจโดยรวม (30%)

งานศึกษาชิ้นนี้ระบุว่า ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม 3 อันดับแรกของคนไทยในปี 2025 ได้แก่

  • ภาวะโลกร้อน (46%)
  • มลพิษทางอากาศ (45%)
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (29%)

ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักที่ลึกซึ้งขึ้นของประชาชน และชี้ถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับการดำเนินการอย่างครอบคลุมในทุกภาคส่วน

ผศ.ดร.ประภาภรณ์ ติวยานนท์ มงคลวนิช คณบดีวิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เราได้รับแรงหนุนจากความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นและต่อเนื่องของประชาชนต่อภัยคุกคามทางสิ่งแวดล้อม แม้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงผันผวน

“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า คนไทยตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกันมากขึ้น และตอกย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งสร้างความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และผู้กำหนดนโยบาย เพื่อผลักดันสู่ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน”

ผศ.ดร.ประภาภรณ์ กล่าวด้วยว่า ความกังวลที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน สะท้อนถึงความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความรุนแรงของวิกฤตสิ่งแวดล้อม แต่ “ช่องว่าง” ระหว่างความกังวลและการลงมือทำนั้น ชี้ให้เห็นถึงความต้องการระบบสนับสนุนที่ชัดเจน

คนไทย ไม่ค่อยเปลี่ยนพฤติกรรม

แม้ว่าคนไทยจำนวนมากจะตระหนักถึงผลกระทบของมลพิษต่อชีวิตประจำวัน โดย 65% เชื่อว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลร้ายแรงต่อคุณภาพชีวิต และ 48% กังวลว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่เมื่อลงลึกถึงพฤติกรรมจริง ความเปลี่ยนแปลงยังคงเป็นเรื่องที่ต้องผลักดันต่อไป

จากผลสำรวจ พบว่า การกระทำที่ทำได้ง่าย เช่น การปิดไฟ (50%) และปิดเครื่องปรับอากาศ (44%) ยังคงเป็นพฤติกรรมที่พบมากที่สุด เพราะทำได้ทันทีและไม่ต้องออกแรงมากนัก ในทางกลับกัน พฤติกรรมที่ต้องใช้การตัดสินใจร่วมกับสังคม เช่น การปฏิเสธถุงพลาสติก กลับมีเพียง 23% ของคนไทยที่เลือกทำ

ความท้าทายยังคงอยู่ในด้านของพฤติกรรมที่ซับซ้อนหรืออาศัยความรู้เฉพาะ เช่น การรีไซเคิลอย่างถูกวิธี หรือการลดการใช้พลาสติก ซึ่งแม้จะมีความตั้งใจดีในใจของหลายคน แต่กลับมีอัตราการปฏิบัติที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน

ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ความตระหนักจะมีสูง แต่การเปลี่ยนแปลงต้องการแรงผลักดันที่ชัดเจนกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการภาครัฐ กลยุทธ์ของภาคธุรกิจ หรือแม้แต่การรณรงค์ทางสังคม

การสร้างแรงจูงใจ เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เอื้อต่อพฤติกรรมที่ยั่งยืน จะช่วยให้ประชาชนสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้น

เพราะระบบยังไม่เอื้ออำนวย?

ข้อจำกัดในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสิ่งแวดล้อมไม่ได้มาจากความไม่ใส่ใจของประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงระบบที่อาจไม่เอื้อให้การลงมือทำเป็นเรื่องง่าย

ตัวอย่างเช่น ระบบรีไซเคิลของไทยยังคงมีความซับซ้อน หลายพื้นที่ไม่มีจุดรับแยกขยะที่ชัดเจน หรือประชาชนไม่แน่ใจว่าการคัดแยกขยะที่ทำอยู่จะถูกนำไปใช้จริงหรือไม่

หากภาครัฐและภาคเอกชนสามารถออกแบบมาตรการหรือเครื่องมือที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าการกระทำของตน “สำคัญ” และ “สร้างผลได้จริง” ก็อาจเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ช่องว่าง ความกังวลและการลงมือทำ

แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) กล่าวถึงผลการสำรวจครั้งนี้ว่า ช่องว่างระหว่างความกังวลและการลงมือทำ ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นคำเชิญชวน

ความท้าทายในขณะนี้คือการเปลี่ยนความกังวลแบบเฉยชาให้กลายเป็นการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น และชี้ว่าแบรนด์หรือองค์กรต่างๆ สามารถมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค

“แบรนด์สามารถเป็นแรงบันดาลใจและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคลงมือทำได้จริง ไม่ว่าจะผ่านแคมเปญสร้างสรรค์ หรือการออกแบบประสบการณ์ที่เอื้อต่อพฤติกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

โอกาสสำคัญในการครองใจผู้บริโภคไทย

ข้อมูลจากผลสำรวจระบุว่า 66% ของคนไทยยังคงให้การสนับสนุนแบรนด์หรือองค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าการสนับสนุนนี้จะไม่ได้หมายถึงการตัดสินใจซื้อสินค้าโดยตรงเสมอไป แต่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนว่า “ความยั่งยืน” กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่แบรนด์ต้องคำนึงถึง

“การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจไม่ใช่เหตุผลอันดับหนึ่งในการตัดสินใจซื้อ แต่หากคุณสมบัติอื่นๆ ใกล้เคียงกัน เช่น ราคา คุณภาพ และประสิทธิภาพ ความยั่งยืนสามารถพลิกการตัดสินใจได้” บาร์โทลี่ กล่าว

ปัจจัยเปลี่ยนใจผู้บริโภค

บาร์โทลี่ กล่าวด้วยว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สามารถยืนหยัดบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนคือ "บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" ผู้บริโภคไม่เพียงแต่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านคุณภาพและราคา แต่ยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อมูลเผยว่า การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้พลาสติก หรือสามารถรีไซเคิลได้ จะช่วยให้แบรนด์มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยเฉพาะเมื่อผู้บริโภคสามารถเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกับแบรนด์ที่ไม่มีแนวทางด้านความยั่งยืน

“สิ่งนี้เปิดประตูให้แบรนด์ต่างๆ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงโดยการออกแบบเพื่อสร้างผลกระทบ ด้วยการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับคุณค่าหลักของผลิตภัณฑ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และนำเสนอให้ผู้บริโภคมองเห็นและเชื่อมโยงได้ และง่ายต่อการลงมือทำ แบรนด์ต่างๆ สามารถเปลี่ยนความกังวลไปสู่การลงมือทำ และสร้างคุณค่าของแบรนด์ได้ในกระบวนการนี้”

ผู้นำขององค์กรมีบทบาทสำคัญ

ผศ.ดร.ประภาภรณ์ กล่าวเสริมว่า นี่คือจุดที่ความเป็นผู้นำขององค์กรมีบทบาทสำคัญ โดยเน้นว่าธุรกิจมีทรัพยากร ขนาด และอิทธิพลที่จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยั่งยืนได้ง่ายขึ้น เช่น การตั้งราคาที่ไม่แพง การทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถเลือกทางเลือกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่ต้องเสียสละความสะดวกสบาย

“เมื่อบริษัทต่างๆ เป็นผู้นำด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม พวกเขาไม่เพียงช่วยบรรเทาวิกฤตโดยตรงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้อีกด้วย”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

‘ธนาธร’ ชี้มี ‘กลุ่มคน’ เคลื่อนการเมืองสู่ทางตัน หยุดเวลาเปลี่ยน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

’จิตตะ เวลธ์‘ ชี้AI ล็อกเป้า’หุ้นจีน’เด่น จัดพอร์ตฝ่าวิกฤติ 3.49%

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

KTC โชว์กำไรสุทธิ Q2/68 แตะ1.89พันล. โต 3.8% สร้างฐานการเงินแกร่ง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เอสเพรสโซ No.1 เครื่องดื่มมีคาเฟอีนสูงที่สุด ชาเขียวรั้งอันดับ 5

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรเคยประดิษฐานที่วัด 3 แห่งในกรุงเทพฯ

ศิลปวัฒนธรรม

19 กรกฎาคม 2409 : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวช

ศิลปวัฒนธรรม

“อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” สุดยอดการท่องเที่ยวแนวซาฟารีของเมืองไทย

Manager Online

MCPURA ซูเปอร์สปอร์ต มาทั้งคูเป้ และเปิดประทุน

Manager Online

MILLI ร่วมปิดทัวร์ คอนเสิร์ตซีรีส์ระดับเอเชียที่ไทย

Manager Online

WashXpress แบรนด์ร้านซักผ้าที่ละเอียดและอยากให้ลูกค้าได้ผ้าที่สะอาดที่สุด

Capital

ผลสำรวจชี้ วัยทำงาน 47.2% พบรักในออฟฟิศ คนมีคู่ 33% มีโอกาสนอกใจแฟน !

BT Beartai

นักวิทยาศาสตร์มีคำตอบ “ทำไมเวลาปัดมาสคาร่าต้องเผลออ้าปาก?”

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...