โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“เทพไท” ยกบทบาท “ทักษิณ-ฮุนเซน” ความเหมือนที่แตกต่างกัน

THE ROOM 44 CHANNEL

เผยแพร่ 11 มิ.ย. เวลา 04.47 น.

“เทพไท” ยกบทบาท “ทักษิณ-ฮุนเซน” ความเหมือนที่แตกต่างกัน

วันที่ 11 มิ.ย. 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช วิเคราะห์ถึงปมปัญหาความขัดแย้งเขตแดนไทย-กัมพูชาภายใต้การนำของสองตระกลูผู้บริหารรัฐบาลของทั้งสองประเทศเป็นคลิปภาพและเสียงในหัวข้อเรื่อง “ทักษิณ-ฮุนเซน ความเหมือนที่ต่างกัน” มีสาระใจความว่า ‘ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณเขตชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นในยุคที่ประเทศไทย มีรัฐบาล มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประเทศกัมพูชามีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พลเอกฮุนมาเน็ต เป็นนายกรัฐมนตรี คงไม่มีใครคาดคิดว่า ความขัดแย้งระหว่าง2ประเทศจะเกิดขึ้น เพราะผู้นำทางการเมืองทั้ง2ประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ดี เป็นปึกแผ่นกัน พึ่งพาอาศัยกันมาโดยตลอด ผมอยากจะตั้งข้อสังเกตจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการเมือง2ประเทศนี้ดังนี้

1.ความสัมพันธ์ระหว่าง2ตระกูลนี้ ถือว่าครอบครัวชินวัตรกับครอบครัวฮุนเซนสนิทสนมเหมือนกับครอบครัวเดียวกัน มีสายสัมพันธ์เกี่ยวดองกัน พึ่งพาอาศัยทางการเมืองกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทางการเมืองกันมาโดยตลอด ตั้งแต่ระบอบทักษิณถูกการรัฐประหาร

2.มีการวางระบบการเมืองสืบทอดอำนาจจากพ่อสู่ลูก หรือที่เรียกกันว่า การสืบสันดานทางการเมืองกัน สมเด็จฮุนเซนวางมือทางการเมือง ส่งไม้ต่อให้พลเอกฮุนมาเน็ตขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวอยู่เบื้องหลังคุมบังเหียนรัฐบาลกัมพูชา ในขณะที่ประเทศไทยนางสาวแพทองธารขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี นายทักษิณอยู่เบื้องหลังรัฐบาล กำกับครอบงำและครอบครองรัฐบาลนางสาวแพทองธาร

3.การดำเนินกิจการทางการเมืองของสมเด็จฮุนเซนกับนายทักษิณ จะแตกต่างกันตรงที่ สมเด็จฮุนเซ็นสามารถแยกแยะระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัว กับผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ เห็นจากการแสดงบทบาทของสมเด็จฮุนเซ็นต่อประเทศไทย เคลื่อนไหวโจมตีแบบไม่เกรงใจ ในขณะที่ฝ่ายไทยทั้งนายทักษิณและนางสาวแพทองธาร แยกไม่ออกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่กล้าตอบโต้ ไม่กล้าพูดจารุนแรง เกรงอกเกรงใจ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า กลัวจะกระทบกับความสัมพันธ์หรือผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่

4.ฝ่ายประเทศกัมพูชา สมเด็จฮุนเซนและพลเอกฮุนมาเน็ต ได้เคลื่อนไหวปลุกระดมให้ประชาชนมีความรักชาติ คลั่งชาติ ให้เกิดชาตินิยม หวงแหนประเทศชาติ แต่สำหรับประเทศไทย ประชาชนภาคประชาสังคม มวลชนเคลื่อนไหวกดดันในรัฐบาลรักชาติ แสดงท่าทีปกป้องอธิปไตยของชาติ และให้กำลังใจทหาร กองทัพได้ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ

5.สมเด็จฮุนเซนและพลเอกฮุนมาเน็ต ประสบความสำเร็จในการใช้สื่อโซเชียลเพื่อขยายผลให้กับประชาคมโลก นานาชาติได้รับทราบข้อมูลว่า ประเทศกัมพูชาถูกรังแกจากประเทศไทย ในขณะที่รัฐบาลไทยประเทศไทย ไม่มีการใช้โซเชียลโต้ตอบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีการเรียกเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ มาชี้แจงทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปล่อยให้ฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนไหวโจมตีประเทศไทยเพียงฝ่ายเดียว

6.สมเด็จฮุนเซนประสบความสำเร็จการเมืองภายในประเทศ สร้างกระแสให้ประชาชนยอมรับบทบาทของพลเอกฮุนมาเน็ต โจมตีฝ่ายค้านหรือผู้เห็นต่างรัฐบาล จนประชาชนคล้อยและสนับสนุนรัฐบาล ในขณะที่ประเทศไทย มีประชาชน กลุ่มมวลชนเคลื่อนไหว พร้อมขับไล่รัฐบาล ไม่เอาด้วยกับรัฐบาล กล่าวหารัฐบาลไม่สามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศได้ และไม่ยอมรับการเป็นผู้นำประเทศของนางสาวแพทองธาร

“ทั้งหมดนี้คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทางการเมือง ระหว่าง2ประเทศ คือไทยกับกัมพูชา ที่มีความเหมือนและแตกต่างกัน” นายเทพไทระบุทิ้งท้าย

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...