BofA เตือน “วิกฤตหนี้ภาครัฐอินเดีย” จ่อทวีความรุนแรงขึ้น
การออกพันธบัตรของรัฐบาลระดับรัฐในอินเดียที่พุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนกังวลอุปทานล้นตลาด เสี่ยงเบียดขับภาคเอกชน และบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เวลา 10.23 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เทรดเดอร์อาวุโสจาก Bank of America Corp (BofA) ระบุว่าอินเดียจำเป็นต้องหาทางลดการกู้ยืมของรัฐบาลระดับรัฐ (provinces) หลังจากการออกพันธบัตรในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ของรัฐต่าง ๆ กำลังกดดันตลาดตราสารหนี้และทำให้อัตราดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับสูง
วิกาส เจน หัวหน้าฝ่ายซื้อขายตราสารหนี้ ค่าเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ของอินเดีย ประเมินว่า รัฐต่าง ๆ มีแนวโน้มจะกู้ยืมราว 4.5 ล้านล้านรูปี หรือประมาณ 5.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวจะทำให้ปริมาณการออกพันธบัตรของรัฐในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2569 พุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
“ปริมาณพันธบัตรของรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน และนั่นคือเหตุผลที่นักลงทุนสถาบันระยะยาว (real money investors) ยังไม่พร้อมจะทุ่มเงินลงทุนจำนวนมากในช่วงนี้ …ตลาดค่อนข้างกังวลกับประเด็นนี้”
การกู้ยืมรวมของรัฐบาลระดับรัฐของอินเดียเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในปีงบประมาณนี้เมื่อเทียบกับปี 2567 หลังการเติบโตของรายได้ภาษีชะลอลง ขณะที่การใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ความต้องการซื้อพันธบัตรเหล่านี้ยังคงอ่อนแอ และนักลงทุนเรียกร้องผลตอบแทนส่วนเพิ่มเพื่อรับมือกับอุปทานล้นตลาด ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น ไม่เพียงเฉพาะรัฐเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงรัฐบาลกลางด้วย การออกพันธบัตรจำนวนมากเช่นนี้ยังเสี่ยงเบียดขับการกู้ยืมของภาคเอกชน ทำให้ต้นทุนเงินทุนของธนาคารและบริษัทเอกชนเพิ่มขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปี ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ 6.68% เมื่อวันจันทร์ หลังจากรัฐต่าง ๆ ประกาศจัดประมูลพันธบัตรในสัปดาห์นั้นมากกว่ากำหนดเดิม เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทสาธารณูปโภคของรัฐอย่าง Power Finance Corp ตัดสินใจยกเลิกการออกขายพันธบัตรในวันอังคาร
เจนระบุว่า ปริมาณอุปทานที่สูง โดยเฉพาะพันธบัตรอายุยาวกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพของการส่งผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปสู่ตลาดตราสารหนี้และระบบเศรษฐกิจโดยรวม
แม้ธนาคารกลางอินเดียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม 1.25% ในปีนี้ แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นอัตราอ้างอิง ปรับลดลงเพียง 13 เบสสิสพอยต์เท่านั้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้บริษัทอันดับเครดิตสูงสุดกลับเพิ่มขึ้นกว่า 11 เบสสิสพอยต์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลกลางขยายกว้างเป็นราว 40 เบสสิสพอยต์ ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg
สำหรับการกู้ยืมในระดับใกล้เคียงกัน พันธบัตรของรัฐกลับมีผู้ซื้อจำนวนน้อยกว่ามาก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติและธนาคารต่างประเทศหลีกเลี่ยงการลงทุนในตราสารที่มีสภาพคล่องต่ำ ขณะที่ผู้เล่นในประเทศเองก็มีข้อจำกัดด้านสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรประเภทนี้ เจนกล่าวว่า “เมื่อจำนวนผู้ซื้อมีจำกัด ส่วนต่างผลตอบแทนก็มีแนวโน้มจะขยายกว้างต่อไป”
เจนคาดว่าการกู้ยืมรวมของรัฐบาลระดับรัฐอาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 13.5 ล้านล้านรูปีในปีงบประมาณถัดไป จากราว 12 ล้านล้านรูปีในปีนี้ และหากปรับตัวเลขโดยคำนึงถึงการเข้าซื้อพันธบัตรของธนาคารกลาง เขามองว่าอุปทานพันธบัตรของรัฐอาจสูงกว่าการกู้ยืมสุทธิของรัฐบาลกลาง ซึ่งอยู่ที่ราว 11.5 ล้านล้านรูปีในปีนี้
อ้างอิง : bloomberg.com