โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“ลิณธิภรณ์” สวน “อนุทิน” เลิกอ้างโพลเก่า ชี้วันนี้คะแนนตกทุกสำนัก ไร้ภาวะผู้นำ แก้ปัญหาไม่คืบ

สยามรัฐ

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

“ลิณธิภรณ์” สวน “อนุทิน” เลิกอ้างโพลในอดีต วันนี้พิสูจน์แล้ว นั่งนายกฯ 3 เดือน คะแนนนิยมร่วงทุกสำนัก ไร้ภาวะผู้นำ แก้ปัญหาไม่คืบ ชี้สมัยเป็น มท.1 เมินมติ ครม. ไม่เร่งตัดไฟปราบสแกมเมอร์ เย้ย “พูดแล้วทำไม่เป็น”

ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองเลขาธิการพรรค กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่เพราะทำงานไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมยังอ้างผลโพลว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 มาโดยตลอด ทั้งในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลนางแพทองธาร ชินวัตร อีกทั้งย้ำว่าหากทำงานไม่ดีจริง คงไม่ถูกเชิญไปดูแลกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชน

ดร.ลิณธิภรณ์ระบุว่า นายอนุทินกำลัง “สร้างวาทกรรมหนีความจริง” และโยนความผิดให้ผู้อื่นเพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้นำ เพราะหากมีผลงานจริง ประชาชนคงได้เห็นมาตรการ ตัดน้ำ–ตัดไฟ เพื่อแก้ปัญหาสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 2 เมษายน 2567 ในสมัยรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ซึ่งเห็นชอบให้เร่งปราบอาชญากรรมออนไลน์ แต่กระทรวงมหาดไทยกลับไม่ขับเคลื่อนจนงานค้างสะสม

จนกระทั่งรัฐบาลนางแพทองธารเข้ามาบริหาร เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 จึงประกาศให้สามารถ “ตัดไฟได้ทันที” วันถัดมา ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีคำสั่งให้ดำเนินการทันที และต่อมาในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ก็เดินหน้าอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนว่ามาตรการเหล่านี้ไม่เคยถูกผลักดันจริงในยุคที่นายอนุทินยังเป็น รมว.มหาดไทย

ดร.ลิณธิภรณ์ยังกล่าวถึงการทำงานด้านยาเสพติดในยุคนายอนุทินเป็น มท.1 ว่า แม้รัฐบาลเร่งปราบผู้ค้ารายใหญ่และสกัดการลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดน แต่ในระดับพื้นที่กลับล่าช้าและขาดการขับเคลื่อนร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้งที่ควรสร้างความปลอดภัย ฟื้นฟูชุมชน และเร่งปราบผู้ค้ารายย่อย แต่กลับ “ทำงานเหมือนหอยทาก” จนต้องให้นายกฯ แพทองธารในขณะนั้นกำชับซ้ำหลายครั้ง

เธอกล่าวต่อว่า วลี “พูดแล้วทำไม่เป็น” ยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อ นายอนุทิน ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่เร่งแก้ปัญหาสแกมเมอร์ทันที ทั้งที่สหรัฐและสหราชอาณาจักรได้ประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2568 ซึ่งควรเป็นจังหวะให้ไทยเร่งกวาดล้าง แต่กลับนิ่งเฉย จนเกิดวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้และมีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก สะท้อนการขาดภาวะผู้นำ การตัดสินใจล่าช้า และไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหา จนประชาชนตั้งคำถามว่า “ยึดทรัพย์สแกมเมอร์เพื่อกลบภาพความล้มเหลวจากวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้หรือไม่”

ตลอด 3 เดือนภายใต้การบริหารของนายกฯ อนุทิน คือ “พูดแล้วทำไม่ได้” ต่อเนื่องตั้งแต่ยุคที่เป็น มท.1 ไม่ว่าจะเรื่องยาเสพติด เรื่องสแกมเมอร์ และล่าสุดคือการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ซึ่งสะท้อนถึงภาวะผู้นำที่ล้มเหลว แต่กลับเลือกอ้างผลโพลความนิยมในอดีต ทั้งที่ตัวเลขเหล่านั้นเป็นผลมาจากการพึ่งผลงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ดร.ลิณธิภรณ์ย้ำว่า ปัจจุบันผลโพลของทุกสำนักชี้ชัด โดยเฉพาะผลสำรวจของไทยรัฐออนไลน์ ที่ประชาชนให้คะแนน “สอบตกเกือบทั้งหมด” ในการบริหารจัดการน้ำท่วม ภาพรวมถือว่าล้มเหลวอย่างหนัก คะแนนนิยมส่วนบุคคลของนายอนุทินตกลงเหลือเพียง 4.38% ส่วนพรรคภูมิใจไทยตกไปอยู่ลำดับที่ 6 เหลือ 5.32% สะท้อนสายตาประชาชนอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ การที่นายอนุทินอ้างว่าตนเคยเป็นอันดับ 2 ของโพลตลอดนั้น “เปรียบเทียบกันไม่ได้” เพราะตอนนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยซึ่งมีผลงานโดดเด่น ต่างจากผลงานของกระทรวงมหาดไทยในยุคนั้นที่ไม่เป็นรูปธรรมจนต้องถูกปรับออกจาก ครม. และเมื่อวันนี้นายอนุทินมีอำนาจเต็ม ประชาชนจึงเห็นผลงานจริงชัดเจนในวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ และเมื่อดูผลโพลปัจจุบัน คะแนนยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

“ทั้งหมดนี้สะท้อนความจริงว่า นายอนุทินพูดแล้วทำไม่ได้” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...