โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ภาพยนตร์

Tim Miller กำกับ 'Deadpool' ได้ค่าเหนื่อย 200,000 เหรียญ ตัวแทนบอก กำกับ 'Walking Dead' ตอนเดียวยังได้เยอะกว่าอีก !

BT Beartai

อัพเดต 27 ธ.ค. 2567 เวลา 15.31 น. • เผยแพร่ 27 ธ.ค. 2567 เวลา 15.22 น.
Tim Miller กำกับ 'Deadpool' ได้ค่าเหนื่อย 200,000 เหรียญ ตัวแทนบอก กำกับ 'Walking Dead' ตอนเดียวยังได้เยอะกว่าอีก !

หากจะลิสต์หนังที่เป็นที่สุดของปี 2024 ‘Deadpool & Wolverine’ หนัง MCU เรื่องเดียวของปีนี้ คือ 1 ในปรากฏการณ์ที่มองข้ามไม่ได้จริง ๆ เพราะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของปีนี้ด้วยตัวเลขรายได้ 1,338 ล้านเหรียญ ทำรายได้เป็นอันดับ 2 ของปี (เป็นรองแค่ ‘Inside Out 2’ จากบ้านเดียวกัน) และขึ้นแท่นอันดับ 1 ของหนังเรต R ที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาล

และทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากแฟน ๆ ไม่ได้มีโอกาสรู้จักกับนายเวด วิลสัน ฮีโรชุดสีดำ-แดงจอมเกรียน กับเรื่องราวสุดป่วนใน ‘Deadpool’ (2016) จากวิสัยทัศน์ของนักแสดงนำและโปรดิวเซอร์ ไรอัน เรย์โนลส์ (Ryan Reynolds) และการกำกับของ ทิม มิลเลอร์ (Tim Miller) เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Collider ถึงจุดเริ่มต้นการกำกับ ‘Deadpool’ ภาคแรก ที่ถึงแม้ว่าตัวหนังจะทำรายได้สูงถึง 782 ล้านเหรียญ แต่เขากลับได้รับค่าตอบแทนในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่เพียงแค่หลักแสนเหรียญ

Ryan Reynolds Deadpool

“พวกคุณอาจจะไม่รู้นะครับ แต่การเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ในฮอลลีวูดน่ะมันไม่ได้ทำกำรี้กำไรอะไรมากนักหรอก ผมบอกตรง ๆ เลยว่า ตอนกำกับ ‘Deadpool’ ผมได้เงิน 225,000 เหรียญ คือมันฟังดูเยอะนะครับ แต่การทำงานในระยะเวลา 2 ปี มันไม่ได้มากมายอะไรเลย”

“แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกโอเคกับมันนะ ผมรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ แต่การเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ก็แบบนี้แหละ ยังไงซะก็ต้องยอมรับมัน ตัวแทนของผมยังพูดเลยนะว่า ‘กำกับซีรีส์ ‘The Walking Dead’ แค่ตอนเดียว เผลอ ๆ นายยังได้เยอะกว่านี้อีก ! ‘”

“ผมว่าหลาย ๆ คนคงเข้าใจผิดว่าทุกคนในฮอลลีวูดจะต้องได้เงินกันเป็นล้าน ๆ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปครับ ผมไม่อยากให้ใครฟังแล้วคิดว่าผมไม่โอเคกับเรื่องนี้เพียงเพราะว่าผมทำงานหนัก แล้วกว่าจะได้โอกาสกำกับ ‘Deadpool’ ผมก็อายุ 50 กว่าเข้าไปแล้ว ผมคิดจริง ๆ นะว่าผมคงไม่มีโอกาสได้กำกับหนังยาวแล้ว แม้ว่าผมจะอยากทำมาตลอดชีวิตก็ตาม”

แม้เบื้องหน้าของ ‘Deadpool’ จะประสบความสำเร็จและกลายเป็นฮีโรที่ผู้คนรัก และปัจจุบันก็กลายเป็นความหวังของจักรวาล MCU ไปแล้วด้วย แต่เบื้องหลังของหนังเรื่องนี้ล้วนแต่เต็มไปด้วยอุปสรรค ด้วยทุนสร้างที่ 20th Century Fox อนุมัติให้เพียง 58 ล้านเหรียญ ตัวหนังจึงต้องพัฒนาไปแบบจำกัดจำเขี่ย

เรย์โนลส์เคยเปิดเผยกับ The New York Times ว่า ในเวลานั้น Fox ไม่อนุมัติงบค่าจ้างให้มือเขียนบทเข้าไปประจำการเพื่อคอยปรับแก้ไขบทหน้ากองถ่าย เรย์โนลส์จึงยอมสละค่าตัวของตัวเองเพื่อให้มือเขียนบททั้งพอล เวอร์นิก (Paul Wernick) และเร็ตต์ รีส (Rhett Reese) เข้าไปทำงานในกองถ่ายได้สำเร็จ

อุปสรรคใหญ่อีกอย่างของหนังเรื่องนี้ก็คือการต่อสู้กับความไม่ไว้วางใจของสตูดิโอ ที่ต้องการปรับลดโทนเนื้อหาของหนังจากเรต R ที่วางแผนไว้แต่แรกให้เหลือเพียงเรต PG-13 เพื่อขยายฐานผู้ชมให้มากขึ้น รวมทั้งในตอนท้ายของการถ่ายทำ สตูดิโอยังตัดสินใจหั่นงบออกไปอีก 7-8 ล้านเหรียญแบบกะทันหัน ทำให้ต้องมีการตัดบางฉากออกไปตามจำนวน 9 หน้า จากบทหนังความยาวทั้งหมด 110 หน้า แต่ในที่สุด ความสำเร็จเป็นกอบเป็นกำของ ‘Deadpool’ ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าสตูดิโอคิดผิด

ก่อนหน้าที่มิลเลอร์จะได้เข้ามากำกับ ‘Deadpool’ เขามีเครดิตในฐานะคนเบื้องหลังมาก่อน ตั้งแต่การดูแลวิชวลเอฟเฟกต์ เป็นผู้กำกับ Second Unit เป็นผู้ออกแบบฉากเปิด หรือ Opening Scene ให้กับหนัง ‘The Girl with the Dragon Tattoo’ (2011) และ ‘Thor: The Dark World’ (2013) และมีผลงานการกำกับหนังสั้น เขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้น จากการเป็น Executive Producer หนังสั้นแอนิเมชันเรื่อง ‘Gopher Broke’ (2004)

Ryan Reynolds Tim Miller Deadpool

ความสำเร็จของ ‘Deadpool’ ส่งให้เขามีผลงานในฮอลลีวูดตามมาอีกมากมาย ทั้งการกำกับหนังยาวเรื่องที่ 2 ‘Terminator: Dark Fate’ (2019) รับช่วงต่อดูแลงานถ่ายซ่อมหนัง ‘Borderlands’ รวมทั้งการเป็น Executive Producer หนัง ‘Sonic the Hedgehog’ ทั้ง 3 ภาค นอกจากนี้ มิลเลอร์ยังรับหน้าที่เป็นครีเอเตอร์, ผู้กำกับ, เขียนบท และ Executive Producer ให้กับแอนิเมชันซีรีส์ ‘Love, Death & Robots’ ของ Netflix และ ‘Secret Level’ ของ Prime Video ด้วย

แม้ ‘Deadpool’ จะไม่ใช่ผลงานที่ทำให้เขามั่นคงในด้านการเงิน แต่ผลงานชิ้นโบแดงนี้ก็ยังคงเป็นผลงานที่เขาภาคภูมิใจ ในฐานะผู้ร่วมปลุกปั้นซูเปอร์ฮีโรนอกสายตา ให้กลายเป็นปรากฏการณ์หนังซูเปอร์ฮีโรแนวทางใหม่ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อปในเวลาต่อมา เพียงแต่ว่า

“คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไง สิ่งที่ผมรู้สึกคือไม่มีอะไรเลยนอกจากความภาคภูมิใจครับ ผมรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งเลยนะตอนที่เดินผ่านในงาน CCXP แล้วเห็นฟิกเกอร์ Deadpool ทั้งหลายแหล่ ผมคิดว่าของพวกนี้คงไม่มีอยู่ หากเราไม่ได้ทำหนังเรื่องนั้นขึ้นมา และผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน…”

“…แต่ความคิดถัดมาของผมก็คือ ผมอยากให้ข้อตกลงในฐานะผู้กำกับของผม รวมส่วนแบ่งรายได้จากการขายสินค้าเข้าไปด้วย เพื่อที่ว่าผมจะได้เงินจากอะไรพวกนั้นบ้าง”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...