โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

‘โอปอล สุชาตา’ สวมมงฟ้ากลับบ้าน เผยวินาทีได้ยินคำถามไม่ชัด ใจร่วงลงตาตุ่ม

เดลินิวส์

อัพเดต 14 มิ.ย. เวลา 18.26 น. • เผยแพร่ 14 มิ.ย. เวลา 10.49 น. • เดลินิวส์
“โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 สวมมงฟ้ากลับบ้านมาอย่างสง่างาม เผยวินาทีได้ยินคำถามไม่ชัด ยอมรับใจร่วงลงตาตุ่ม โชคดีคุมสติได้ รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสุขของชาวไทย ร่วมจารึกประวัติศาสตร์นี้ไปด้วยกัน

นับว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย สำหรับ"โอปอล สุชาตา" Miss World 2025 ที่ได้คว้ามงกุฎแห่งประวัติศาสตร์ มงกุฎแรกจากเวที Miss world ครั้งที่ 72 มาให้กับแฟนๆ ชาวไทยได้สำเร็จ ชนิดที่ว่าเหมาะสมทุกประการไม่ค้านสายตาชาวโลก

ซึ่งวันนี้เเวลา 11.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สุชาตา ช่วงศรี หรือ โอปอล อายุ 21 ปี Miss World 2025 คนแรกของไทยได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว ท่ามกลางความดีใจของแฟนๆ ทั้งประเทศ และแฟนนางงาม ตลอดจนคนทั่วไปบางส่วนที่มารอต้อนรับโอปอลกลับบ้านอย่างสมศักดิ์ศรี

สำหรับการเดินทางกลับมาประเทศไทยในครั้งนี้ โอปอล สุชาตา ได้เดินทางมาพร้อมด้วย คุณจูเลีย เอเวลิน มอร์ลีย์ CBE และคณะ Miss World โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นทางการจากคุณไบรอัน แอล มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ (TERO Entertainment), คุณปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก TPN GLOBAL พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากการบินไทย และเดอะมอลล์ กรุ๊ป

จากนั้นในเวลา 13.30 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นางรติรส จุลชาต รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไอริส 2005 จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ SIRIVANNAVARI เป็นผู้แทนพระองค์ มอบช่อดอกไม้ ต้อนรับพระราชทานให้แก่ โอปอล สุชาตา เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้

ต่อมาหลังจากจบงานแถลงข่าว โอปอล สุชาตา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมทั้งเปิดใจหลังคว้ามงฟ้ามงแรกมาให้กับแฟนๆชาวไทยได้ในรอบ 72 ปี โดย โอปอล เผยว่า

"สิ่งแรกที่อยากทำคือสิ่งที่โอปอลกำลังทำอยู่ตอนนี้ คือโอปอลอยากเจอทุกคน คิดว่าทุกคน น่าจะมีความสุขมากๆ และภูมิใจมากๆ สิ่งที่สำคัญที่โอปอลอยากให้สัมผัสร่วมกัน คือโอปอลไม่ได้อยากให้ทุกคนแค่ดีใจที่โอปอลได้มง แต่อยากให้ทุกคนได้แชร์ความรู้สึกภูมิใจ อย่างที่โอปอลเคยให้เหตุผลว่าอยากได้มงกุฎเพราะอยากให้คนในรุ่นนี้ ได้เห็นว่าการที่ประเทศเรามีความภาคภูมิใจที่มันยิ่งใหญ่ เป็นความสุข ที่ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน วัยไหน อาชีพไหน เพศไหน ก็สามารถที่จะแชร์ด้วยกันได้ มันเป็นความรู้สึกที่เราไม่ได้รู้สึกบ่อยครั้ง อย่างที่โอปอลเคยบอกไว้ว่า มีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อความสุขนี้ไม่ได้ อยากให้ทุกคนมีฟีลความรู้สึกนี้กับโอปอล"

โอปอล เผยต่อว่า "ความรู้สึกตอนจับมือ อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าการได้มงกุฎมิสเวิลด์มันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย โอปอลเชื่อว่าหลายคนหวังจนไม่รู้จะหวังยังไงแล้ว รอเวลามานานมาก ความรู้สึก ตอนนั้นโอปอลใจเต้น ตั้งแต่วินาทีที่เข้ารอบแล้วเพราะเรารู้สึกว่าพื้นที่มันมีจำกัดมากๆ แล้วเราก็ทำเต็มที่ในทุกๆ อย่าง และเราก็เห็นว่าเพื่อนๆ ของเราทุกๆ คน คือคนที่สมควรได้มงกุฎเหมือนกัน เราก็รู้สึกค่อนข้างที่จะตึงเครียดแต่ไม่อย่าคิดเยอะ เพราะเราอยากปล่อยใจจอยๆ อยากให้เราดูมีความสุขที่สุดบนเวที พอประกาศก็ลุ้นว่าให้เป็นชื่อประเทศไทย แต่ก็ลุ้นไม่ได้สุด เพราะคุณจูเลียยังไม่ได้ประกาศออกมา จนตอนที่ประกาศชื่อประเทศไทย เราก็รู้สึกช็อกและงงมาก โอปอลใช้เวลาหลายวันมากๆ ในการคิดว่ามันคือเรื่องจริง เพราะทุกคนน่าจะรู้สึกเหมือนกันตอนที่ออกงานครั้งแรก หรือว่าตอนที่เห็นโอปอลใส่มงกุฎ หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันคือเรื่องจริงใช่หรือเปล่า"

“จริงๆ น้ำตาไหลออกมาตั้งแต่ตอนประกาศแล้ว แต่ว่าตอนที่มงกุฎลงหัว มันเป็นโมเมนต์ที่เราอยากรู้สึกและอยากจดจำไปตลอดชีวิต มีทีมงานมาพูดกับโอปอลเหมือนกันว่าเห็นโอปอลหลับตาตอนที่กำลังสวมมงกุฎ โอปอลเลยบอกไปว่า บางทีการที่เราหลับตามันทำ ให้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆ ของเราทำงานได้ดีขึ้น มันเป็นสิ่งที่โอปอลอยากทำ มันคือหนึ่งครั้งในชีวิตและคือความภาคภูมิใจ ไม่ใช่แค่ของโอปอล ไม่ใช่แค่ของครอบครัว แต่เป็นของคนไทยทั้งประเทศด้วย เราก็เลยอยากที่จะเก็บความรู้สึกนั้นไว้จริงๆ"

โอปอล เล่าต่อว่า "สำหรับรอบคำถามที่โอปอลได้ยินไม่ชัด ตอนนั้นหนูก็ใจตกเหมือนกัน ใจตกไปตาตุ่ม แต่เราก็พยายามแก้ไขสถานการณ์และมีสติที่สุด พยายามจับใจความและคำที่เราฟังออกมาเรียงเป็นประโยค และพยายามคิดว่าคนมันไปในทิศทางไหน ตอบให้ตรงและเป็นกลางมากที่สุด จากนั้นก็ใช้ใจตอบล้วนๆ บนเวทีหนูดูไม่ตื่นเต้นเลย แต่จริงๆ แล้วหนูเป็นคนเก็บอาการเก่งเฉยๆ พูดไปก่อน พอพูดได้มันก็จะค่อยๆ ไปของมันเอง เพราะสุดท้ายแล้วเราไม่ได้ตอบด้วยความท่องจำ เราพยายามตอบให้ออกจากใจ เพราะต่อให้เราลืมมัน ก็จะมีอะไรให้เราพูดต่อ เพราะมันออกมาจากใจเราจริงๆ โอปอลก็คิดว่าคุณพ่อคุณแม่คงภาคภูมิใจ เพราะปกติแล้วเขาไม่ค่อยพูดอะไรเยอะ แต่คุณแม่ก็จะบอกว่าภูมิใจมาก พอได้มงกุฎมายอดฟอลเพิ่มมากขึ้น รู้สึกดีค่ะ ถ้าเกิดว่าได้ถึงหนึ่งล้านหรือมากกว่านั้นในตอนที่เราดำรงตำแหน่ง เราจะได้ไปทำการกุศลหลายๆ ที่ เป็นอะไรที่โอปอลอยากให้คนได้เห็นเยอะๆ"

"กลับมาถึงบ้าน สิ่งที่โอปอลอยากทานมากที่สุดคือมะม่วง ก๋วยเตี๋ยวเรือ ส้มตำ คิดถึงอาหารไทยมากๆ ความจริงแล้วโอปอลไปอยู่อินเดียนานมาก แต่โอปอลสบายมาก เพราะอาหารที่โน้นค่อนข้างเผ็ด บางจานก็เผ็ดกว่าที่ไทยอีก กลับมาไทยรอบนี้น่าจะอยู่ประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ทั้งนี้ต้องดูคิวงานที่เป็นอินเตอร์เนชั่นแนลด้วยว่า ประเทศต่อไปที่เราจะไป คือที่ไหนและต้องไปเมื่อไหร่ โอปอลขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ โอปอลเชื่อว่าเส้นทางของการเป็นนางงามครั้งนี้ จะมอบความสุขให้กับหลายคนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นเกียรติสำหรับโอปอลและล้ำค่ามากๆ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนถึงวินาทีนี้ ซึ่งมันเป็นวินาทีที่เราได้แสดงเฉลิมฉลองความสำเร็จนี้ด้วยกันแบบเต็มที่จริงๆ”

ขอบคุณภาพจาก : missworld

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...