โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

เจ้าของฟาร์มและสุนัขอยู่ยังไงต่อ? เมื่อรัฐแบนกินสุนัข แต่ยังไร้แผนช่วย

Amarin TV

เผยแพร่ 27 มิ.ย. เวลา 14.23 น.
เกาหลีใต้สั่งห้ามขายเนื้อสุนัขเพื่อบริโภคและให้เวลาฟาร์มถึงเดือนก.พ. ปี 2027 เพื่อปิดกิจการ จนถึงขณะนี้ รัฐยังไร้แผนช่วยเหลือทั้งสุนัขและเจ้าของฟาร์ม

เมื่อไม่ได้เทศนาเรื่องพระผู้เป็นเจ้า สาธุคุณจู ยองบง ก็เลี้ยงสุนัขเพื่อจำหน่ายเป็นเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไม่ได้ไปด้วยดีเหมือนเก่า เพราะในความเป็นจริง การค้าเนื้อสุนัขเพื่อการบริโภคกำลังจะกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

“ตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว เราก็พยายามขายสุนัขของเราออกไป แต่พ่อค้าก็เอาแต่ลังเล ไม่มีใครมาสักคนเดียว”

เมื่อปี 2024 รัฐบาลเกาหลีใต้ออกประกาศสั่งห้ามการขายเนื้อสุนัขเพื่อบริโภคทั่วประเทศ กฎหมายสำคัญฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยให้เวลาชาวฟาร์มอย่างนายจูจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2027 เพื่อปิดกิจการและจำหน่ายสัตว์ที่เหลือให้หมด

แต่หลายคนมองว่า เวลาแค่นี้ไม่เพียงพอต่อการปิดฉากอุตสาหกรรมที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมายาวนานหลายชั่วอายุคน และทางการยังไม่ได้ออกมาตรการคุ้มครองที่ชัดเจนสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ หรือเหล่าสุนัขที่ถูกเลี้ยงไว้ในฟาร์มประมาณครึ่งล้านตัว

แม้กระทั่งผู้ที่สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ ก็ยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะความยากลำบากในการหาบ้านใหม่ให้กับสุนัขที่รอดพ้นจากโรงฆ่า แต่กลับต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกทำการุณยฆาตแทน เมื่อพวกมันกำลังจะไม่มีที่อยู่และไม่มีคนเลี้ยง

นับจนถึงขณะนี้ กลางปี 2025 ผ่านมาแล้วครึ่งทางของระยะเวลาผ่อนผัน แต่เหล่าเจ้าของฟาร์มสุนัขจำนวนมากต้องเจอปัญหาสุนัขหลายร้อยตัวที่ขายไม่ออก เมื่อเป็นเช่นนั้น ฟาร์มก็ยังปิดไม่ได้ แต่กลับเหลือทางเลือกน้อยนิดในการเลี้ยงชีพ

นายจู ซึ่งยังดำรงตำแหน่งประธานสมาคมสุนัขเพื่อการบริโภคแห่งเกาหลีด้วย บอกว่า “ผู้คนกำลังเดือดร้อน พวกเราจมอยู่ในหนี้ จ่ายคืนไม่ได้ และบางคนก็หางานใหม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ มันคือสถานการณ์ที่สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง”

รัฐบาลยังไร้แผนการที่ชัดเจน

ชานอู คือหนึ่งในเจ้าของฟาร์มสุนัข ที่มีเวลาเพียง 18 เดือนในการจัดการกับสุนัขจำนวน 600 ตัว และหลังจากนั้น หากเขาไม่สามารถทำได้ทันเวลา เกษตรกรหนุ่มวัย 33 ปีผู้นี้ซึ่งขอใช้ชื่อสมมติเพราะกลัวถูกโจมตี อาจต้องเผชิญโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี

“ในความเป็นจริง แค่ในฟาร์มของผมเอง ผมก็ไม่มีทางจัดการสุนัขทั้งหมดได้ทันภายในเวลานั้น ตอนนั้นผมทุ่มทรัพย์สินทุกอย่างลงไปกับฟาร์ม และยังไม่มีใครเอาสุนัขไปเลย”

คำว่า “พวกเขา” ของชานอู ไม่ได้หมายถึงแค่พ่อค้าและคนขายเนื้อที่เคยซื้อสุนัขจากเขาเฉลี่ยสัปดาห์ละหลายตัวก่อนจะมีการสั่งห้ามเท่านั้น แต่เขายังหมายถึงนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งในสายตาของเขา พยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อยุติการค้าสุนัขเพื่อการบริโภค แต่กลับไม่มีแผนการที่ชัดเจนว่าจะจัดการกับสุนัขที่เหลืออย่างไร ซึ่งตามข้อมูลของทางการแล้ว สุนัขเหล่านี้มีมากถึงเกือบ 500,000 ตัว

“พวกเขาผ่านกฎหมายนี้มาโดยไม่มีแผนจริงจังอะไรเลย แล้วตอนนี้ก็ออกมาบอกว่า พวกเขายังไม่สามารถรับสุนัขไปได้”

สุนัขในฟาร์มเหล่านี้หาบ้านใหม่ยาก

อี ซังคยอง ผู้จัดการแคมเปญจากองค์กร Humane World for Animals Korea (Hwak) เห็นพ้องกับความกังวลเหล่านี้ของเจ้าของฟาร์ม เพราะว่าแม้กฎหมายห้ามบริโภคเนื้อสุนัขจะผ่านความเห็นชอบ แต่ทั้งรัฐบาลและภาคประชาสังคมยังเผชิญกับปัญหาว่าจะเข้ามาช่วยสุนัขที่เหลืออยู่อย่างไร และสิ่งที่ยังขาดหายไปคือการพูดคุยอย่างจริงจังเกี่ยวกับชะตากรรมของสุนัขที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

โฆษกฝ่ายสื่อสารต่างประเทศจากกระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบทของเกาหลีใต้ (Mafra) ให้ข้อมูลกับ BBC ว่า หากเจ้าของฟาร์มยินดีสละสิทธิในตัวสุนัข รัฐบาลท้องถิ่นจะเข้ามารับช่วงดูแลและจัดหาที่พักพิงให้ในศูนย์ช่วยเหลือสัตว์

อย่างไรก็ตาม การหาบ้านใหม่ให้กับสุนัขเหล่านี้กลับเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากในอุตสาหกรรมเนื้อสุนัข น้ำหนักตัวของสุนัขหมายถึงผลกำไร ฟาร์มส่วนใหญ่จึงนิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ แต่ในสังคมเกาหลีใต้ซึ่งมีความเป็นเมืองสูงและผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักต้องการสุนัขขนาดเล็กมากกว่า

อี ซังคยอง ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า สุนัขที่มาจากฟาร์มเนื้อยังเผชิญกับตราบาปทางสังคม เนื่องจากความกังวลเรื่องโรคภัยและความเครียดจากการถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย นอกจากนี้ สุนัขจำนวนมากยังเป็นพันธุ์โทไซอินุ (Tosa Inu) หรือผสมพันธุ์กับโทไซ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสุนัขอันตรายตามกฎหมายเกาหลีใต้ และต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อนนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้ แต่ขณะเดียวกัน ศูนย์พักพิงสัตว์หลายแห่งก็อยู่ในสภาพแออัดเกินขีดจำกัดแล้ว

สถานการณ์อันซับซ้อนนี้กลายเป็นความเจ็บปวดที่ย้อนแย้ง เพราะสุนัขจำนวนมากที่ถูกเรียกว่าเป็น “สุนัขที่ได้รับความช่วยเหลือ” กลับไม่มีที่ที่จะไป และตอนนี้ พวกมันอาจต้องจบชีวิตด้วยการทำการุณยฆาตในที่สุด

สุนัขที่เหลือทิ้งก็อาจถูกการุณยฆาต

โจ ฮีคยอง หัวหน้าสมาคมสวัสดิภาพสัตว์เกาหลี เคยยอมรับเมื่อเดือนกันยายน 2024 ว่า แม้กลุ่มสิทธิสัตว์จะพยายามช่วยชีวิตสุนัขให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็จะมีสุนัขบางส่วนที่เหลือทิ้ง และถ้าสุนัขเหล่านั้นกลายเป็นสัตว์หลงทางหรือถูกทอดทิ้ง เป็นเรื่องชวนใจสลาย แต่พวกมันก็อาจถูกการุณยฆาต

หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ รัฐบาลพยายามลดกระแสความเป็นกังวล ด้วยการยืนยันว่า การการุณยฆาตสัตว์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่วางไว้แต่อย่างใด

ล่าสุด กระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบท (Mafra) ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า กำลังทุ่มงบประมาณ 6 พันล้านวอนเกาหลีต่อปี เพื่อขยายศูนย์พักพิงสัตว์และสนับสนุนสถานรับเลี้ยงเอกชน นอกจากนี้ อาจจะเสนอเงินชดเชยสูงสุดถึง 600,000 วอนต่อสุนัขหนึ่งตัว หรือประมาณ 14,300 บาท สำหรับเกษตรกรที่ยอมปิดกิจการก่อนกำหนด

ข้อมูลจาก Humane World for Animals รายงานว่า ประเทศที่ยังบริโภคเนื้อสุนัขอยู่ในปัจจุบัน มีทั้งจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว เมียนมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียบางส่วน และหลายประเทศในแอฟริกา

อย่างไรก็ตาม แม้ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ จะมีช่วงเวลาที่การบริโภคเนื้อสุนัขได้รับความนิยมเป็นช่วง ๆ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สังคมเกาหลีใต้เริ่มมองว่า การบริโภคเนื้อสุนัขเป็นเรื่องต้องห้ามมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผลสำรวจของรัฐบาลเมื่อปี 2024 พบว่า มีเพียง 8% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่า เคยกินเนื้อสุนัขในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ลดลงจาก 27% ในปี 2015 ขณะที่ 7% ระบุว่าจะกินต่อไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2027 ซึ่งเป็นเส้นตายของกฎหมาย และมีเพียง 3.3% เท่านั้นที่บอกว่าจะยังกินต่อหลังจากกฎหมายมีผลบังคับเต็มรูปแบบ

นับตั้งแต่มีการประกาศห้ามเลี้ยงสุนัขเพื่อบริโภค ฟาร์มสุนัขในเกาหลีใต้จำนวน 623 แห่ง จากทั้งหมด 1,537 แห่ง ได้ปิดตัวลงแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...