ปาป้าเบนซ์ เล่าจุดเริ่มต้นจากกีตาร์ตัวเดียว สู่จุดเปลี่ยนบนเส้นทางสายดนตรี
ศิลปินเพลงบลูส์ ‘ปาป้าเบนซ์’ เล่าจุดเริ่มต้นจากกีตาร์ตัวเดียว สู่จุดเปลี่ยนบนเส้นทางสายดนตรี
จากชีวิตที่มีกีตาร์เป็นทางออก สู่การเป็นศิลปินแบบเต็มตัว สำหรับ เบนซ์ ณรงค์ชัย จัดกระบวนพล หรือ ปาป้าเบนซ์ (PAPABENZ) ศิลปินเพลงบลูส์ ครูสอนดนตรี ช่างซ่อมกีตาร์ นักดนตรีกลางคืน และหนึ่งในผู้เข้าประกวด The Voice Thailand Season 5 ที่คลิปบลายด์ออดิชั่นของเขา ติด 1 ใน 10 การแสดงเพลงบลูส์ที่อบอุ่นหัวใจที่สุดของ Best of The Voice ที่ล่าสุดปาป้าเบนซ์ ได้ปล่อยซิงเกิ้ลแรกในอัลบั้มเพลงบลูส์เพื่อชีวิต ‘จุดเปลี่ยน’ กับเพลง“คนฝันใหญ่” มาให้ได้ฟังกันเป็นที่เรียบร้อย
โดยเพลง คนฝันใหญ่ เป็นเพลงที่เล่าถึงคนที่มีฝัน ซึ่งผลที่ได้มันอาจจะเป็นก้อนเล็กๆ แต่เรามีความสุขกับการเก็บก้อนเล็กๆ เพื่อไปสู่ฝันที่ใหญ่
“จริงๆ แล้วคนที่เราเห็นเขามีความสำเร็จ เขาก็มาจากก้อนเล็กทั้งนั้น เราอาจะฝันใหญ่ แต่เราก็รู้ว่ามันคือก้อนเล็กๆ แต่มันใหญ่จากปริมาณหรือการที่เราทุ่มเท หรือว่าความรัก เป็นเหมือนการพูดให้กำลังใจก็ได้” ปาป้าเบนซ์กล่าว
ซึ่งเพลงนี้ได้ระดับตำนานอย่าง แอ๊ด คาราบาว มานั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ให้ โดยปาป้าเบนซ์ ได้เล่าจุดเริ่มต้นที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตกับการเปิดทางให้เขาเดินสู่ถนนสายดนตรีอีกเส้นทางหนึ่งว่า
“ผมเป็นนักดนตรีที่เล่นเป็นอาชีพตั้งแต่เด็ก แล้วด้วยความเป็นสไตล์นักดนตรี มันก็จะมีมาให้เราสอน ผมก็ไม่ได้เป็นครูอะไรหรอก หมายถึง เราไม่ได้สอนสถาบันอะไร แต่ก็มีทำคอนเทนต์แชร์ความรู้ดนตรี กีตาร์ การร้องเพลงต่างๆ และตอนนี้มีทำกีตาร์ พอวันนึงมันก็มีเพจธรรมะจูงควายมาเมนต์ว่าสนใจอาจารย์เล่นกีตาร์ เขาคือแอ๊ด คาราบาว ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าเป็นแอ๊ด คาราบาวตัวจริง แล้วเราก็แลกไลน์กัน พอพูดคุยเรื่องเพลงก็เลยคิดว่าใช่ แล้วด้วยความที่มันมีกีตาร์อยู่ตัวนึงที่ผมใช้เล่น เป็นกีตาร์ที่ผมซื้อซากมาแล้วก็มายำเพื่อที่จะสร้างเสียงใหม่ แล้วแกดันชอบ แล้วถามผมว่าขายไหม ผมก็คิดว่ากีตาร์มันก็ไม่กี่บาท แต่มันก็มีความทุ่มเทในการทดลอง เหมือนเป็นตัวเริ่มต้น แต่สภาพมันก็เน่าๆ หน่อย เราแฟร์ที่สุดก็คือขอแลกความรู้ ผมอยากได้ความรู้ก็คือช่วยสอนผมเขียนเพลงหน่อย หลังจากนั้นผมก็เล่นเพลงที่ผมแต่งให้แกฟัง แล้วพอผ่านมาวันหนึ่งแกก็ส่งการบ้านมา นั่นคือเพลงที่แกเคยเขียนไว้ แล้วแกเอามาเกลาแล้วทำเป็นดนตรีบลูส์ เพราะคนจะรู้จักผมว่าเล่นดนตรีบลูส์ แล้วแกก็ชอบ แกก็เลยอยากลองดู เราก็ได้เรียนรู้จากเพลง อย่างเพลงคนฝันใหญ่ เขาบอกว่าเบนซ์ต้องมีเพลงแบบนี้ เพราะมันเป็นเพลงที่ให้คน พอให้คนแล้วคนฟังเขาจะให้กลับ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ผมก็เลยคิดว่า เพราะเพลงคาราบาวเป็นแบบนั้น คาราบาวเป็นคาราบาวในทุกวันนี้คือการให้ ให้มาให้กลับ และก็เรียนรู้จากการสรุปตอนท้ายของเพลงและสไตล์การเขียนของแก”
ซึ่งความยากของเพลง “คนฝันใหญ่” คือ ต้องคิดดีไซน์และคิดแตกต่างบนเบส-ออนบางอย่างที่มันดั้งเดิม
“บางอย่างที่ผมเรียนรู้มาก็คือ ถ้าสังเกตเพลงที่เราติดหู เราจะได้ยินอะไรบางอย่างในเพลงที่มันเหมือนจะซ้ำกับอะไรบางอย่าง ผมก็จะใช้วิธีสมมุติเราฟังเพลงคนฝันใหญ่ ทำนองมันเหมือนอะไรบางอย่างในบลูส์ที่เราคุ้นเคย ก็จะเอาความคุ้นเคยกับคุ้นเคยมาสวมมัน เพราะเป้าหมายของเราคือการทำให้มันไม่ยาก เราพยายามทำให้มันเข้าถึงคนทั้งหมด เพราะเนื้อหาเข้าถึงอยู่แล้ว อีกอย่างเราก็อยากให้ดนตรีมันลื่นไหล และก็เสริมเนื้อร้องแบบมีสไตล์ นี่คือเป้าหมายที่วางกันไว้”
เมื่อถามถึงความกดดัน เนื่องจากเป็นซิงเกิ้ลแรกของเจ้าตัวนั้น ปาป้าเบนซ์ เผยว่า “จริงๆ พี่แอ๊ดกับผมชอบคล้ายๆ กันด้วย มันก็เลยไหลลื่น และไม่มีความตึงเครียดใดๆ แล้วพี่แอ๊ดเป็นคนที่เก่ง ซึ่งวิธีสอนของแกก็คือรอชม คือคนเรามันจะเก่งได้ หรือมันจะไปต่อได้มันมาจากความกลัว จริงๆ เวลาเราสอนใครเราต้องสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ การที่ได้มาทำเพลงกับพี่แอ๊ด แกจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผม ให้ผมมั่นใจ ซึ่งมันกลายเป็นว่าทำให้เราไม่ค่อยกดดันตัวแอง”
ซึ่งเพลง “คนฝันใหญ่” ก็ทำให้ปาป้าเบนซ์ ได้เปลี่ยนมุมมองในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมุมมองการคิด เปลี่ยนวิธีการร้อง และเปลี่ยนวิธีการทำงาน
“คือการที่เราได้อยู่กับคนเก่ง เขาจะมองทุกอย่างให้ไม่ยาก มันจะทำให้เราอยู่ด้วยแล้วเหมือนกับว่ามันก็ไม่เห็นมีอะไรที่ไม่ยาก ฉะนั้นก็เหมือนกับว่าเขาทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ได้ยาก แล้วเขาก็พาให้เราไปสู่ในอีกมิตินึง มันก็เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนมุมมองของเพลง และมุมมองการทำงาน ว่านอกจากที่เราชินกับการเพอร์ฟอร์มเล่นในทุกๆ คืนอย่างเดียว มันทำให้เราเปลี่ยนมุมมองการคิด เปลี่ยนวิธีการร้องด้วยซ้ำ เรากลับไปเราร้องดีกว่าเดิม”
“ก็ฝากเชียร์ ฝากติดตามด้วย ผมว่าบ้านเราห่างดนตรีแบบเป็นวงสามชิ้นมานานมากแล้ว ที่เป็นการเพียวกีตาร์แล้วร้อง ซึ่งผมเป็นคนที่คิดถึงดนตรีแบบนี้ แต่ผมว่าน่าจะมีคนที่คิดถึง ผมว่าน่าจะถูกใจคนที่คิดถึงดนตรีอะไรแบบนี้ที่มันดูดิบๆ หน่อย แต่ว่ามันจริง สำหรับคนที่อาจจะไม่เข้าใจบลูส์ก็ลองฟังดู เดี๋ยวจะเข้าใจ”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ปาป้าเบนซ์ เล่าจุดเริ่มต้นจากกีตาร์ตัวเดียว สู่จุดเปลี่ยนบนเส้นทางสายดนตรี
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th