โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปฏิบัติการ 'สไปเดอร์ เว็บ' พลิกโฉมสงครามยูเครน

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 09 มิ.ย. เวลา 04.39 น. • เผยแพร่ 09 มิ.ย. เวลา 02.42 น.

บทความต่างประเทศ

ปฏิบัติการ ‘สไปเดอร์ เว็บ’

พลิกโฉมสงครามยูเครน

ในยามที่สงครามยูเครน ซึ่งเพิ่งครบรอบ 3 ปีเต็มไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ลุล่วงเข้าสู่ปีที่สี่ของการสู้รบที่ยืดเยื้อ สร้างความสูญเสียมหาศาลทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย

ผลลัพธ์ที่ได้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าฝ่ายไหนจะได้เปรียบหรือถือไพ่เหนือกว่าในสมรภูมิ

กระนั้น ผู้สันทัดกรณีเชื่อว่า สถานการณ์ที่ว่านี้กำลังเปลี่ยนไป ไม่ใช่ด้วยเหตุปัจจัยที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์

แต่เป็นปฏิบัติการโจมตีรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ของยูเครน ที่สะท้อนให้เห็นถึงนัยสำคัญมากมาย

และอาจกลายเป็นโฉมหน้าใหม่ของสงครามในช่วงที่หลงเหลืออยู่ของปีนี้

ปฏิบัติการโจมตีดังกล่าว ใช้ชื่อรหัสว่า “สไปเดอร์ เว็บ” เกิดขึ้นหลังเที่ยงวันเล็กน้อยของวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ถือเป็นปฏิบัติการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียมากที่สุด องอาจกล้าหาญมากที่สุด และประสบความสำเร็จสูงสุดเท่าที่ยูเครนเคยกระทำมาในช่วงหลายปีของสงครามครั้งนี้

หนึ่งในเป้าหมายของการโจมตี คือฐานทัพอากาศของรัสเซียที่จังหวัดเออร์คุตสก์ ทางตะวันออกของไซบีเรีย ที่อยู่ห่างจากดินแดนยูเครนออกมามากถึงกว่า 4,000 กิโลเมตร

ตามรายงานและคลิปวิดีโอที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ในท้องถิ่นของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่า ฐานทัพอากาศซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธวิธีที่สำคัญของกองทัพรัสเซีย ถูกโจมตีด้วยโดรนปีกหมุน 4 ใบพัดจำนวนหนึ่ง ซึ่งจู่ๆ ก็โผล่พรวดออกมาจากภายในรถบรรทุกแล้วบ่ายหน้าเข้าหาฐานทัพที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

เหตุการณ์ทำนองเดียวกัน เกิดขึ้นที่ฐานทัพอากาศใกล้เมืองเมอร์มังสก์ ทางตอนเหนือสุดของรัสเซีย ตามมาด้วยรายงานของการโจมตีในรูปแบบเดียวกัน ต่อฐานทัพอากาศในเมืองรีอาซาน และเมืองอีวาโนโว ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในตอนกลางของประเทศ

ไม่ช้าไม่นานหลังจากการโจมตีสิ้นสุดลง เอสบียู หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยปฏิบัติการด้านข่าวกรองหลักของยูเครน ออกมาแถลงแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้

เอสบียูระบุไว้ในถ้อยแถลงด้วยว่า เครื่องบินรบอย่างน้อย 41 ลำของกองทัพอากาศรัสเซีย ถูกทำลาย หรือไม่ก็ได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการนี้

โดยในจำนวนนี้มีทั้งเครื่องบินจารกรรม เอ-50 ราคาแพงระยับ (เครื่องบินสำหรับระบบเตือนภัยล่วงหน้าและการควบคุมทางอากาศของรัสเซีย แบบเดียวกับเครื่องเอแวกส์ของสหรัฐอเมริกา) เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธวิธีแบบ ตูโปเลฟ-22 เอ็ม 3 และ ตู-95

ปฏิบัติการ “ใยแมงมุม” สร้างความสูญเสียใหญ่หลวงให้กับรัสเซีย เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่และเสียหายมากที่สุดเท่าที่รัสเซียเคยได้รับจากยูเครนในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา

เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะในเวลานี้ รัสเซียมีจำนวนเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธวิธีหลงเหลือให้ใช้ได้อยู่เพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะเป็น ตู-22, ตู-95 หรือรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง ตู-160 ที่ว่ากันว่าอาจมีอยู่ในประจำการรวมกันแล้วไม่ถึง 90 ลำด้วยซ้ำไป

เครื่องบินทิ้งระเบิดทั้งหมดนี้ สามารถติดตั้ง นำพาอาวุธนิวเคลียร์ไปสู่เป้าหมายได้ แต่ถูกนำมาใช้ติดตั้งระบบอาวุธทั่วไป อาทิ จรวดครูส สำหรับใช้ปฏิบัติการในสงครามยูเครน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รวมทั้งในปฏิบัติการเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ทำให้เครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านี้กลายเป็น “เป้าหมายต้องไล่ล่า” ของบรรดานักวางแผน นักยุทธศาสตร์ของยูเครนเรื่อยมา

เครื่องบินรบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินเก่า และไม่มีการผลิตเพิ่มแล้วในเวลานี้ อย่างเช่น ตู-22 เอ็ม 3 กับ ตู-95 ที่มีการผลิตลำสุดท้ายไปเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา

ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาทดแทนอย่าง ตู-160 แม้กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการผลิตเพิ่ม

แต่แหล่งข่าวทางด้านการทหารยืนยันว่า ระดับความเร็วในการผลิตนั้น เร็วกว่าการคืบคลานของหอยทากไม่กี่มากน้อยเท่านั้น

ข้อเท็จจริงที่มีนัยสำคัญยิ่งกว่า ก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่า ยูเครนสามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับฝูงบินรบทันสมัยของข้าศึกได้ด้วยปฏิบัติการที่มีขึ้นลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียเอง

นี่ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการโจมตีของยูเครนจนสูงเกินคาดหมายเท่านั้น

ยังแสดงให้เห็นว่า ในเวลานี้ สายลับของยูเครนสามารถเข้ามาปฏิบัติการภายในดินแดนของรัสเซียได้แบบสบายๆ โดยที่เจ้าบ้านไม่ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย

ถือเป็นพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญของปฏิบัติการโจมตีของยูเครน ที่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันแรกที่กองทัพรัสเซียรุกรานเข้ามา จนบัดนี้ขยายเติบโตออกไปทั้งในแง่ของขอบเขต เป้าหมาย และขีดความสามารถแล้ว

ที่สำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ปฏิบัติการของยูเครนครั้งนี้แทบทั้งหมด ตั้งแต่เทคโนโลยี เรื่อยไปจนถึงการวางแผน เป็นการลงมือทำของยูเครนเพียงลำพัง แทบไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกในยุโรปอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ

นั่นหมายความว่า ปฏิบัติการสไปเดอร์ เว็บ จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามร่วมสมัยในฐานะบทเรียนสงครามสมัยใหม่ที่ต้องเรียนรู้ต่อไปในอนาคต

แหล่งข่าวด้านการทหารในยูเครนเปิดเผยว่า ยูเครนใช้เวลาเตรียมการสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้นานถึง 18 เดือน

ที่ผ่านมา รัสเซียคาดหมายว่า ยูเครนจะโจมตีโดยใช้โดรนแบบมีปีกตายตัว (ไม่ใช่แบบปีกหมุนเหมือนคอปเตอร์อย่างที่ใช้ในปฏิบัติการ) เวลาที่ใช้โจมตีคือเวลากลางคืน และเป้าหมายต้องอยู่ใกล้กับพื้นที่ชายแดน

ปรากฏว่าแผนของยูเครนย้อนเกล็ดความเชื่อ ความคาดหมายของรัสเซียไปหมดทั้ง 3 ประการ ตั้งแต่การใช้โดรนปีกหมุนแบบ 4 ปีกที่มีขนาดเล็กกว่า ใช้การโจมตีในตอนกลางวัน และสุดท้ายก็คือ ปฏิบัติการลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียอย่างมาก ห่างจากแนวรบเหลือหลาย

ยูเครนลักลอบนำโดรนขนาดเล็กไม่น้อยกว่า 150 ตัวกับระเบิดอีกอย่างน้อย 300 ลูกเข้าไปในรัสเซียเพื่อใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้

โดรนทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกล่องไม้ ที่ติดตั้งไว้บนรถบรรทุก และจะเริ่มปฏิบัติการโดยอัตโนมัติเมื่อฝากล่องไม้ถูกเปิดออกโดยใช้รีโมตคอนโครล เป้าหมายถูกโปรแกรมไว้ล่วงหน้า

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปฏิบัติการทั้งหมดถูกถ่ายทอดกลับมายังยูเครน โดยอาศัยเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของรัสเซียเองนั่นแหละ

คนขับรถบรรทุกไม่จำเป็นต้องรู้เห็นเป็นใจกับปฏิบัติการครั้งนี้ หน่วยข่าวกรองยูเครนรายหนึ่งระบุว่า ปฏิบัติการทำนองนี้สลับซับซ้อนมาก ผู้ที่มีบทบาทในปฏิบัติการทั้งหมดรู้เพียงแค่ส่วนที่ตนเองจำเป็นต้องทำเท่านั้น

ก่อนที่ทุกส่วนจะประกอบกันขึ้นเป็นการทำลายล้างครั้งใหญ่ ที่เป็นประวัติศาสตร์ของสงครามไปแล้ว

https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ปฏิบัติการ ‘สไปเดอร์ เว็บ’ พลิกโฉมสงครามยูเครน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...