ปฏิบัติการ 'สไปเดอร์ เว็บ' พลิกโฉมสงครามยูเครน
บทความต่างประเทศ
ปฏิบัติการ ‘สไปเดอร์ เว็บ’
พลิกโฉมสงครามยูเครน
ในยามที่สงครามยูเครน ซึ่งเพิ่งครบรอบ 3 ปีเต็มไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ลุล่วงเข้าสู่ปีที่สี่ของการสู้รบที่ยืดเยื้อ สร้างความสูญเสียมหาศาลทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย
ผลลัพธ์ที่ได้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าฝ่ายไหนจะได้เปรียบหรือถือไพ่เหนือกว่าในสมรภูมิ
กระนั้น ผู้สันทัดกรณีเชื่อว่า สถานการณ์ที่ว่านี้กำลังเปลี่ยนไป ไม่ใช่ด้วยเหตุปัจจัยที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์
แต่เป็นปฏิบัติการโจมตีรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ของยูเครน ที่สะท้อนให้เห็นถึงนัยสำคัญมากมาย
และอาจกลายเป็นโฉมหน้าใหม่ของสงครามในช่วงที่หลงเหลืออยู่ของปีนี้
ปฏิบัติการโจมตีดังกล่าว ใช้ชื่อรหัสว่า “สไปเดอร์ เว็บ” เกิดขึ้นหลังเที่ยงวันเล็กน้อยของวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ถือเป็นปฏิบัติการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียมากที่สุด องอาจกล้าหาญมากที่สุด และประสบความสำเร็จสูงสุดเท่าที่ยูเครนเคยกระทำมาในช่วงหลายปีของสงครามครั้งนี้
หนึ่งในเป้าหมายของการโจมตี คือฐานทัพอากาศของรัสเซียที่จังหวัดเออร์คุตสก์ ทางตะวันออกของไซบีเรีย ที่อยู่ห่างจากดินแดนยูเครนออกมามากถึงกว่า 4,000 กิโลเมตร
ตามรายงานและคลิปวิดีโอที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ในท้องถิ่นของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่า ฐานทัพอากาศซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธวิธีที่สำคัญของกองทัพรัสเซีย ถูกโจมตีด้วยโดรนปีกหมุน 4 ใบพัดจำนวนหนึ่ง ซึ่งจู่ๆ ก็โผล่พรวดออกมาจากภายในรถบรรทุกแล้วบ่ายหน้าเข้าหาฐานทัพที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เหตุการณ์ทำนองเดียวกัน เกิดขึ้นที่ฐานทัพอากาศใกล้เมืองเมอร์มังสก์ ทางตอนเหนือสุดของรัสเซีย ตามมาด้วยรายงานของการโจมตีในรูปแบบเดียวกัน ต่อฐานทัพอากาศในเมืองรีอาซาน และเมืองอีวาโนโว ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในตอนกลางของประเทศ
ไม่ช้าไม่นานหลังจากการโจมตีสิ้นสุดลง เอสบียู หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยปฏิบัติการด้านข่าวกรองหลักของยูเครน ออกมาแถลงแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้
เอสบียูระบุไว้ในถ้อยแถลงด้วยว่า เครื่องบินรบอย่างน้อย 41 ลำของกองทัพอากาศรัสเซีย ถูกทำลาย หรือไม่ก็ได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการนี้
โดยในจำนวนนี้มีทั้งเครื่องบินจารกรรม เอ-50 ราคาแพงระยับ (เครื่องบินสำหรับระบบเตือนภัยล่วงหน้าและการควบคุมทางอากาศของรัสเซีย แบบเดียวกับเครื่องเอแวกส์ของสหรัฐอเมริกา) เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธวิธีแบบ ตูโปเลฟ-22 เอ็ม 3 และ ตู-95
ปฏิบัติการ “ใยแมงมุม” สร้างความสูญเสียใหญ่หลวงให้กับรัสเซีย เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่และเสียหายมากที่สุดเท่าที่รัสเซียเคยได้รับจากยูเครนในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา
เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะในเวลานี้ รัสเซียมีจำนวนเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธวิธีหลงเหลือให้ใช้ได้อยู่เพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะเป็น ตู-22, ตู-95 หรือรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง ตู-160 ที่ว่ากันว่าอาจมีอยู่ในประจำการรวมกันแล้วไม่ถึง 90 ลำด้วยซ้ำไป
เครื่องบินทิ้งระเบิดทั้งหมดนี้ สามารถติดตั้ง นำพาอาวุธนิวเคลียร์ไปสู่เป้าหมายได้ แต่ถูกนำมาใช้ติดตั้งระบบอาวุธทั่วไป อาทิ จรวดครูส สำหรับใช้ปฏิบัติการในสงครามยูเครน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งในปฏิบัติการเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ทำให้เครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านี้กลายเป็น “เป้าหมายต้องไล่ล่า” ของบรรดานักวางแผน นักยุทธศาสตร์ของยูเครนเรื่อยมา
เครื่องบินรบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินเก่า และไม่มีการผลิตเพิ่มแล้วในเวลานี้ อย่างเช่น ตู-22 เอ็ม 3 กับ ตู-95 ที่มีการผลิตลำสุดท้ายไปเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา
ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาทดแทนอย่าง ตู-160 แม้กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการผลิตเพิ่ม
แต่แหล่งข่าวทางด้านการทหารยืนยันว่า ระดับความเร็วในการผลิตนั้น เร็วกว่าการคืบคลานของหอยทากไม่กี่มากน้อยเท่านั้น
ข้อเท็จจริงที่มีนัยสำคัญยิ่งกว่า ก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่า ยูเครนสามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับฝูงบินรบทันสมัยของข้าศึกได้ด้วยปฏิบัติการที่มีขึ้นลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียเอง
นี่ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการโจมตีของยูเครนจนสูงเกินคาดหมายเท่านั้น
ยังแสดงให้เห็นว่า ในเวลานี้ สายลับของยูเครนสามารถเข้ามาปฏิบัติการภายในดินแดนของรัสเซียได้แบบสบายๆ โดยที่เจ้าบ้านไม่ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
ถือเป็นพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญของปฏิบัติการโจมตีของยูเครน ที่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันแรกที่กองทัพรัสเซียรุกรานเข้ามา จนบัดนี้ขยายเติบโตออกไปทั้งในแง่ของขอบเขต เป้าหมาย และขีดความสามารถแล้ว
ที่สำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ปฏิบัติการของยูเครนครั้งนี้แทบทั้งหมด ตั้งแต่เทคโนโลยี เรื่อยไปจนถึงการวางแผน เป็นการลงมือทำของยูเครนเพียงลำพัง แทบไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกในยุโรปอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ
นั่นหมายความว่า ปฏิบัติการสไปเดอร์ เว็บ จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามร่วมสมัยในฐานะบทเรียนสงครามสมัยใหม่ที่ต้องเรียนรู้ต่อไปในอนาคต
แหล่งข่าวด้านการทหารในยูเครนเปิดเผยว่า ยูเครนใช้เวลาเตรียมการสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้นานถึง 18 เดือน
ที่ผ่านมา รัสเซียคาดหมายว่า ยูเครนจะโจมตีโดยใช้โดรนแบบมีปีกตายตัว (ไม่ใช่แบบปีกหมุนเหมือนคอปเตอร์อย่างที่ใช้ในปฏิบัติการ) เวลาที่ใช้โจมตีคือเวลากลางคืน และเป้าหมายต้องอยู่ใกล้กับพื้นที่ชายแดน
ปรากฏว่าแผนของยูเครนย้อนเกล็ดความเชื่อ ความคาดหมายของรัสเซียไปหมดทั้ง 3 ประการ ตั้งแต่การใช้โดรนปีกหมุนแบบ 4 ปีกที่มีขนาดเล็กกว่า ใช้การโจมตีในตอนกลางวัน และสุดท้ายก็คือ ปฏิบัติการลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียอย่างมาก ห่างจากแนวรบเหลือหลาย
ยูเครนลักลอบนำโดรนขนาดเล็กไม่น้อยกว่า 150 ตัวกับระเบิดอีกอย่างน้อย 300 ลูกเข้าไปในรัสเซียเพื่อใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้
โดรนทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกล่องไม้ ที่ติดตั้งไว้บนรถบรรทุก และจะเริ่มปฏิบัติการโดยอัตโนมัติเมื่อฝากล่องไม้ถูกเปิดออกโดยใช้รีโมตคอนโครล เป้าหมายถูกโปรแกรมไว้ล่วงหน้า
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปฏิบัติการทั้งหมดถูกถ่ายทอดกลับมายังยูเครน โดยอาศัยเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของรัสเซียเองนั่นแหละ
คนขับรถบรรทุกไม่จำเป็นต้องรู้เห็นเป็นใจกับปฏิบัติการครั้งนี้ หน่วยข่าวกรองยูเครนรายหนึ่งระบุว่า ปฏิบัติการทำนองนี้สลับซับซ้อนมาก ผู้ที่มีบทบาทในปฏิบัติการทั้งหมดรู้เพียงแค่ส่วนที่ตนเองจำเป็นต้องทำเท่านั้น
ก่อนที่ทุกส่วนจะประกอบกันขึ้นเป็นการทำลายล้างครั้งใหญ่ ที่เป็นประวัติศาสตร์ของสงครามไปแล้ว
https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ปฏิบัติการ ‘สไปเดอร์ เว็บ’ พลิกโฉมสงครามยูเครน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly