โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

จีนกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการคลังที่เน้น ‘รัฐสวัสดิการ’

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 29 ก.ค. เวลา 01.18 น. • เผยแพร่ 29 ก.ค. เวลา 08.15 น.

มีสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลจีนเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายการคลังครั้งสำคัญโดยให้ความสำคัญ "การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน" น้อยลงและให้น้ำหนักกับรายจ่ายด้าน "สวัสดิการสังคม" มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างน้อยในหนึ่งชั่วชีวิตคน บทวิเคราะห์ "China Social Spending Hits Highest Level in Nearly 2 Decades" ระบุไว้ว่า จุดประสงค์ของรัฐบาลจีนคือเพื่อกระตุ้นการบริโภคภาคในประเทศและรับมือกับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์

รายจ่ายสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้นแซงหน้าโครงสร้างพื้นฐาน

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 รายจ่ายที่ครอบคลุมด้านการศึกษา การจ้างงาน และประกันสังคมจีนเพิ่มขึ้นถึง 5.7 ล้านล้านหยวน (7.95 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2007 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 6.4% จากปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสร้างความมั่นคงทางสังคมท่ามกลางความผันผวนของระเบียบการค้าโลก

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้นเร็วกว่าค่าใช้จ่ายรวมของรัฐบาลเกือบสองเท่า ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกำลังเปลี่ยนมาเน้นการดูแลประชาชนมากกว่าเดิม

ในทางตรงกันข้าม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงการป้องกันสิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการชลประทาน และการขนส่ง ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์จากการพึ่งพาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลักไปสู่การสนับสนุนความต้องการภายในประเทศ

นโยบายใหม่: เงินสนับสนุนการเลี้ยงดูเด็ก

รายละเอียดโครงการ

รัฐบาลจีนได้ประกาศโครงการให้เงินสนับสนุนการเลี้ยงดูเด็กทั่วประเทศ โดยจะจ่ายเงิน 3,600 หยวนต่อปีสำหรับเด็กแต่ละคนที่มีอายุต่ำกว่าสามปี โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อจูงใจให้คู่รักมีบุตรมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงของประเทศ

สถาบันการเงินชั้นนำได้ประเมินต้นทุนของโครงการนี้ไว้แตกต่างกัน:

  • ซิตี้ กรุ๊ป (Citigroup) ประเมินว่าจะมีการจ่ายเงินก้อนรวม 1.17 แสนล้านหยวนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025
  • มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) คาดการณ์ต้นทุนประจำปีของโครงการที่ 1 แสนล้านหยวน โดยสมมติฐานว่ามีการเกิดประมาณ 9 ล้านคนต่อปี

ความท้าทายด้านการจ้างงาน

ขณะเดียวกัน สถานการณ์การจ้างงานของจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมาก การสำรวจของธนาคารกลางจีน (PBOC) แสดงให้เห็นว่าดัชนีความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สอง ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลแก่ผู้หางาน

การใช้จ่ายด้านประกันสังคมและการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกือบ 8% ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในหมวดการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการประชาชน นอกจากการจ้างงานและประกันสังคมแล้ว รัฐบาลยังเพิ่มการใช้จ่ายในด้านอื่นๆ ได้แก่การศึกษาเพิ่มขึ้น 5.9% และการรักษาพยาบาลและสุขภาพเพิ่มขึ้น 4%

รายได้ของรัฐบาลจีนจากภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยลง

สำหรับปัญหาหลักของเศรษฐกิจจีน การชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยาวนานส่งผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ของรัฐบาล รายได้จากภาษีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ รวมถึงภาษีโอนกรรมสิทธิ์และภาษีการใช้ที่ดินในเมืองลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีมูลค่า 9.753 แสนล้านหยวนในช่วงครึ่งปีแรก

รายได้จากการขายที่ดินของรัฐบาลท้องถิ่นอยู่ที่ 1.43 ล้านล้านหยวน ซึ่งหดตัว 6.5% แม้จะมีการฟื้นตัวกว่า 20% ในเดือนมิ.ย.จากการฟื้นตัวของตลาดในเมืองใหญ่บางแห่ง นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซกซ์ (Goldman Sachs) เตือนเกี่ยวกับความยั่งยืนของการปรับตัวดีขึ้นของรายได้จากการขายที่ดิน และยังคงคาดการณ์ว่ารายได้จากการขายที่ดินของรัฐบาลอาจลดลงเพิ่มเติมในปีนี้ถึง 10%

รายได้จากที่ดินของรัฐบาลน้อยลง

ขณะที่รายได้ภาษีรวมหดตัว 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่า 9.29 ล้านล้านหยวน โดยรายได้จากภาษีธุรกรรมต่างๆ เช่น การซื้อรถยนต์ ลดลงเป็นเลขสองหลัก ส่วนรายได้นอกเหนือจากภาษี ซึ่งรวมถึงค่าชดเชยการใช้ทรัพยากรและสินทรัพย์ที่รัฐควบคุม และค่าปรับ เพิ่มขึ้น 3.7% เป็น 2.27 ล้านล้านหยวน

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์

รายได้จากภาษีการซื้อรถยนต์ลดลง 19.1% ในช่วงม.ค.-มิ.ย.เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในหมวดหมู่ทั้งหมด และการลดลงของภาษีซื้อรถยนต์ในปี 2025 รุนแรงกว่าปี 2024 มากกว่าสามเท่า

การลดลงของรายได้จากภาษีการซื้อรถยนต์แสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาลที่จะขยายการระงับภาษีการซื้อรถยนต์พลังงานใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงปี 2027 การเปลี่ยนแปลงจากรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงยังส่งผลกระทบต่อรายได้จากภาษีการบริโภคโดยการลดความต้องการน้ำมันเบนซินและดีเซล

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หวงชวง (Huachuang Securities) ประเมินว่ารัฐบาลจีนเสี่ยงสูญเสียรายได้รวม 2.65 แสนล้านหยวนต่อปีจากภาษีการซื้อรถยนต์และภาษีการบริโภคเนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือก

รัฐบาลจีนเปลี่ยนกลยุทธ์การกู้เงิน

รัฐบาลท้องถิ่นได้ชะลอการกู้เงินเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยจังหวัดต่างๆ ออกหุ้นกู้เพื่อการลงทุนแค่ 56% ของที่รัฐบาลกลางอนุญาต ลดลงจากค่าเฉลี่ยที่ 61% ในช่วงเดียวกันของห้าปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เน้นการสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่เหมือนเดิม

แทนที่จะให้ท้องถิ่นกู้เงินไปสร้างโครงการใหม่ รัฐบาลกลางกลับเป็นคนออกหุ้นกู้เองเพื่อจุดประสงค์สองหลัก คือ เติมเงินในกระเป๋ารัฐ สำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน และ ช่วยจังหวัดต่างๆ จัดการหนี้เก่า ที่เรียกว่า "หนี้ซ่อน" ซึ่งสะสมมานานและกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของระบบการเงินท้องถิ่น

ภาพด้านบนจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ยืนยันการเปลี่ยนแปลงจาก "ให้ท้องถิ่นกู้เงินไปสร้างโครงการใหม่" เป็น "รัฐบาลกลางกู้เองเพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายประจำและแก้ปัญหาหนี้เก่า"

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก สรุปว่า ลักษณะการกู้ยืมของรัฐบาลจีนครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สี จิ้นผิง พยายามกู้เงินเข้ามาเพื่อเพิ่มกระสุนทางการคลังที่เหลือน้อยลงจากภาวะตกต่ำของอสังหาริมทรัพย์ที่ยาวนานของจีน

ทั้งนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แต่จีนยังคงดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โครงการเขื่อนขนาดใหญ่มูลค่า 1.2 ล้านล้านหยวนในทิเบตได้เริ่มก่อสร้างในเดือนนี้ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ

ผู้เชี่ยวชาญจากโอซีบีซี (OCBC) ระบุว่า "พื้นที่สำหรับการขยายโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตจะลดลงเล็กน้อย" แม้ว่าจะยังสามารถมี "บทบาทสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงเวลาวิกฤต"

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...