โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้จัก "เงินพดด้วง" เงินตราสะท้อนความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจและการค้าสมัยสุโขทัย

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 31 ก.ค. 2566 เวลา 09.48 น. • เผยแพร่ 31 ก.ค. 2566 เวลา 09.36 น.
เงินพดด้วงขาบาก ประทับตรา

เงินพดด้วง เป็นเงินตราสำหรับแลกเปลี่ยนซื้อขายในอดีต ด้วยมีลักษณะเป็นก้อนกลม จึงเรียกว่า “เงินกลม” แต่ด้วยลักษณะปลายขาเงินที่งอและสั้น ขดกลมคล้ายตัวด้วง จึงนิยมเรียกว่า “เงินขดด้วง” หรือ “เงินคดด้วง” ภายหลังเรียกเพี้ยนเป็น “เงินพดด้วง”

เงินพดด้วง เริ่มมีใช้ในรัชสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด สันนิษฐานว่า อาจมีใช้มาตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง เงินพดด้วงในสมัยสุโขทัยจะมีลักษณะแตกต่างกัน ตามแต่ยุคการผลิต โดยแบ่งเป็น 4 แบบ ดังนี้

แบบที่ 1 เงินพดด้วง ทรงกำไลขากลม

มีขนาดน้ำหนัก 1 ตำลึง (4 บาท) หลอมจากเนื้อเงินเทลงในแบบพิมพ์แท่งรูปร่างกลมยาวปลายเรียวเล็ก ทำให้ไม่มีรอยค้อน ระหว่างขาจะมีช่องว่างเป็นรูปวงกลมและไม่มีรอยบาก ตีตราประทับลวดลายคล้ายลายดาวไว้บริเวณตรงกลางของด้านหน้าเป็นลายประธาน และประทับตรารูปหม้อน้ำ เรียกว่า “ปูรณฆฏะ” (ปูรณกรด) เต็มไปด้วยน้ำและต้นไม้เจริญงอกงาม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ ไว้ทั้ง 2 ด้าน ปลายขาด้านซ้ายประทับตรารูปหอยสังข์ ปลายขาด้านขวาประทับตราตัวอักษร “ส” อยู่ภายในวงกลม อาจหมายถึง “สุโขทัย” ก็เป็นได้

เงินพดด้วงชนิดนี้ พวกพ่อค้าเป็นผู้ผลิตขึ้นใช้ สันนิษฐานว่า อาจดัดแปลงมาจากเงินฮ้อย หรือเงินลาดขนาดเล็กของแคว้นล้านช้าง บ้างว่าอาจดัดแปลงมาจากเงินกำไลมือหรือเงินเจียงของแคว้นล้านนา

แบบที่ 2 เงินพดด้วง ทรงวงแหวน (เงินพดด้วงขายาว)

มีขนาดขาสั้นลง แต่ปลายขาทั้ง 2 ข้างโค้งมากขึ้นจนเกือบจรดกันในลักษณะของวงแหวน โดยจะประทับตราตัวอักษรไทยสุโขทัยขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้วยตัวอักษร “สร” ซึ่งหมายความว่าเป็นเงินพดด้วงของเมืองสรลวงสองแคว (พิษณุโลก) และตีประทับตรารูปราชสีห์ (สิงโต) ยืนอยู่ด้านบนระหว่างตัวอักษร “สร” ปลายขาทั้ง 2 ข้างประทับตราหอยสังข์ เงินพดนี้มีขนาดน้ำหนัก 194 เกรน (ตามมาตราน้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 236 เกรน)

เงินพดด้วงทรงวงแหวน จะมีรอยบากที่ขาและประทับตราสัญลักษณ์มงคล เช่น ตราราชวัติ ตราธรรมจักร อาจตีความได้ว่า พระเจ้าแผ่นดิน เจ้าเมือง หรือพ่อค้า เป็นผู้ผลิตเงินพดด้วงทรงวงแหวนขึ้นใช้ ซึ่งมีขนาดน้ำหนักประมาณ 224-234 เกรน (ขนาด 1 บาท) ส่วนท้องของเงินพดด้วงที่มีลักษณะกลมนั้น อาจทำเพื่อร้อยเชือกแขวนพกติดตัว ให้ความสะดวกในการค้าขาย

แบบที่ 3 เงินพดด้วง ขาบาก (เงินพดด้วงขาสั้นกลม)

ลักษณะค่อนข้างกลม ระหว่างขามีรูและมีรอยบากลึกบนขาทั้ง 2 ข้าง ปลายขามีลักษณะสั้นและแหลมเล็ก โดยช่างจะใช้ค้อนทุบงอขาหัวท้ายให้กอดชิดกันเข้าเป็นเม็ดกลมมากขึ้นเหมือนตัวด้วงที่ขดกลม เงิดพดด้วงชนิดนี้มีขนาดน้ำหนัก 1 บาท และต่ำกว่า 1 บาท คือ น้ำหนักประมาณ 194 เกรน เพื่อให้มีขนาดกะทัดรัดและสะดวกต่อการพกพาติดตัว

เงินพดด้วงขาบาก มักประทับตราราชวัติ ตราช้าง และตราหอยสังข์ เป็นประธาน บ้างก็ประทับตราเป็นตัวอักษรไทยสุโขทัยไว้ที่ด้านหน้าและด้านบนโดด ๆ ตัวอักษร “สร” ที่ตีประทับแสดงออกถึงความสำคัญด้วยขนาดที่ใหญ่โตและเป็นตราเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีกรอบหรือตราสัญลักษณ์ประกอบตัวอักษร โดยปลายขาทั้ง 2 ข้างยังคงประทับตรารูปหอยสังข์ไว้เช่นเดิม จึงสันนิษฐานว่า เงินพดด้วงเหล่านี้อาจผลิตขึ้นใช้โดยราชสำนักสุโขทัย

แบบที่ 4 เงินพดด้วงชิน (เงินคุบ)

มีลักษณะคล้ายคลึงกับเงินพดด้วง แต่มีขนาดใหญ่กว่า ผลิตจากแร่ดีบุกหรือแร่โลหะชนิดอื่นที่มีราคาถูกหลายชนิดหลอมรวมกัน เช่น ตะกั่ว ดีบุก สังกะสี ทองแดง และนิกเกิล เป็นต้น ทำให้มีความแข็งและคงทนไม่สึกหรอง่ายเหมือนเงินพดด้วง

ก.ศ.ร.กุหลาบ ปัญญาชนสยาม กล่าวถึงเงินพดด้วงชินไว้ว่า พระเจ้ารังษีสุริยพันธุพงศ์ (หมายถึงพระญาลือไทยราช) โปรดเกล้าฯ ให้ทำเงินตรามีลักษณะเป็นก้อนกลมน้ำหนักบาทหนึ่งขึ้นใช้ เรียกว่า “เงินคุบ” หรือ “เงินขุบ” แต่นิยมเรียกว่า “เงินคุก” หรือ “เงินคุด” แปลว่า “เงินขางอ” เนื่องจากขาเงินหรือเท้าเงินงอคุดคู้

นอกจากเงินคุบจะถูกใช้เป็นเงินตราแล้ว ก็ยังถูกนำไปใช้เป็นลูกชั่งสำหรับใช้เป็นน้ำหนักชั่งสิ่งของเช่นเดียวกับทางฝ่ายล้านนา เช่น ลูกชั่งรูปสิงห์ นก และงู เป็นต้น บ้างทำจากทองแดง บ้างทำจากเงินผสม

เงินคุบก้อนหนึ่งมีน้ำหนัก 10 สลึง เทียบเท่ากับ 1 ตำลึงจีน ถ้าเงินคุบ 16 ก้อน เรียกว่า “ช้างลากหนึ่ง” เท่ากับ 160 สลึง (40 บาท) โดยการนำเงินคุบมาใช้เป็นลูกชั่งนั้น ย่อมแสดงว่า คนไทยสมัยนั้นรู้จักใช้มาตราชั่งก่อนมาตราเงินเช่นเดียวกับจีน ซึ่งเอาแบบอย่างมาจากมาตราชั่งของขอม ดังเห็นได้จากการเรียกหน่วยมาตราชั่งเป็นภาษาขอม คือ ตุล ชยัง (ชั่ง) ลิง (ตำลึง) บาท และสะเลง (สลึง)

เงินคุบแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามรูปร่าง คือ แบบขาตู้ และแบบรากฟัน โดยมีน้ำหนักแตกต่างกันไป

เงินพดด้วงชินมีลักษณะแตกต่างจากเงินพดด้วงที่ทำด้วยเงิน ซึ่งมีตราประทับปรากฏอยู่หลายตราด้วยกัน เช่น ตราราชวัติ ตราธรรมจักร ตรายันต์ ตราจักร และตราช้าง อันเนื่องมาจากพ่อค้าและชาวบ้านต่างก็ทำเงินพดด้วงชินขึ้นมาใช้เอง สำหรับใช้เป็นน้ำหนักชั่งสิ่งของ เมื่อการชั่งตวงเปลี่ยนจากตาชูหรือตาชั่งมาเป็นตาเต็ง ความจำเป็นในการใช้เงินคุบเป็นลูกชั่งสำหรับชั่งสิ่งของก็หมดความนิยมลงไปในที่สุด

เงินพดด้วงยุคสุโขทัยชนิดราคาสูงที่พบมีน้ำหนักมากถึง 1,013 กรัม ส่วนเงินพดด้วงทองคำชนิดราคาสูงที่พบมีขนาดหนักถึง 8 บาท (น้ำหนัก 120 กรัม) ซึ่งแสดงถึงความเฟื่องฟูทางด้านเศรษฐกิจและการค้าของแคว้นสุโขทัยได้เป็นอย่างดี

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

อ.ท.ต. นิยม. (สิงหาคม, 2558). รากเหง้าต้นกำเนิดเงินพดด้วงสมัยสุโขทัย. ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 36 ฉบับที่ 10.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 20 มกราคม 2564

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...